ส่องธุรกิจ Selfie สตาร์ทอัพสายเทคโนโลยีทันตกรรม จัดฟันได้โดยไม่ต้องพบทันตแพทย์ที่คลินิก

ส่องธุรกิจ Selfie สตาร์ทอัพสายเทคโนโลยีทันตกรรม จัดฟันได้โดยไม่ต้องพบทันตแพทย์ที่คลินิก

Selfie (เซลฟี่) เป็นบริษัทสตาร์ทอัพที่ใช้เทคโนโลยีทันตกรรมเข้ามาแก้ปัญหาของการจัดฟันทั้งในแง่ของค่าใช้จ่าย การเดินทางไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจ และคุณภาพที่เป็นมาตรฐาน นอกจากนี้ยังต้องการปรับมุมมองของการจัดฟันให้เป็นเรื่องของการดูแลความสวยงาม และเพิ่มความมั่นใจในการใช้ชีวิตของคน

ปัจจุบันอุตสาหกรรมทันตกรรม เป็น 1 ในอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเติบโตสูงมาก สำหรับประเทศไทยในปี 2565 นั้นมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 2.4 หมื่นล้านบาท และคาดว่าในปี 2569 จะมีมูลค่าถึง 3.5 หมื่นล้านบาท

หากแยกมูลค่าออกมาเป็นอุปกรณ์จัดฟันแบบใส หรือ Clear Aligner นั้นมีมูลค่าตลาดสูงถึง 1,200 ล้านบาท ในปี 2565 เติบโตขึ้น 31% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แต่ถึงแม้ว่าตลาดการจัดฟันจะเติบโตสูงขึ้นแต่คนส่วนมากก็ยังไม่ได้รับการจัดฟัน หรือเข้าไม่ถึงบริการจัดฟัน เพราะการจัดฟันใส นั้นมีค่าใช้จ่ายสูงถึงหลักแสนบาท

อีกหนึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยคือ จำนวนของทันตแพทย์มีน้อยเมื่อเทียบกับจำนวนประชากร ซึ่งในประเทศไทยมีทันตแพทย์เพียง 0.02% ต่อจำนวนประชากร หรือ ทันตแพทย์ 1 คน ต่อ คนไข้ 4000 คน ขณะที่มีเพียง 600 ท่าน ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการจัดฟัน และร้านทำฟันส่วนมากจะเปิดอยู่แค่ตามหัวเมืองใหญ่ กระจุกตัวอยู่ในย่ายที่มีคนอาศัยอยู่มาก ทำให้คนที่อยู่พื้นที่ห่างไกลต้องเสียเวลามากในการเดินทางเข้ามารักษาฟัน

จากปัญหาต่างๆ เหล่านี้ จึงทำให้ Selfie เข้ามาศึกษาเพื่อแก้ Pain Point ที่คนจัดฟันต้องเจอ ใช้เวลากับการวิจัยและพัฒนากว่า 1 ปีครึ่ง จนสามารถเปิดตัวผลิตภัณฑ์เข้ามาช่วยการจัดฟัน เป็นเจ้าแรกที่สามารถจัดฟันจนเสร็จโดยไม่ต้องพบแพทย์โดยตรง และมีราคาที่คนเข้าถึงได้มากขึ้น

Beacon VC จับมือ ไมโครซอฟท์ หนุนองค์ความรู้-จับคู่ธุรกิจ-โซลูชันเทคโนโลยี สตาร์ทอัพไทย

“เราอยากนำเสนอบริการรูปแบบใหม่ที่มีความสะดวกสบาย ลูกค้าไม่จำเป็นต้องเข้ามาที่คลินิกก็สามารถจัดฟันได้ คุณภาพเชื่อถือได้ด้วยเทคโนโลยีของเรา นอกจากนี้ยังอยากให้คนเข้าถึงได้ทั้งด้านราคา ซึ่งเราไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝงตลอดกระบวนการรักษา” พิมลพัชร์ ธนุสุทธิยาภรณ์ ผู้ร่วมก่อตั้งและ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท เซลฟี่ แคร์ จำกัด กล่าว

ส่องธุรกิจ Selfie สตาร์ทอัพสายเทคโนโลยีทันตกรรม จัดฟันได้โดยไม่ต้องพบทันตแพทย์ที่คลินิก

Selfie เปลี่ยนภาพลักษณ์การจัดฟัน

สำหรับขั้นตอนการจัดฟันของ Selfie นั้นจะแตกต่างกับการจัดฟันกับร้านหมอฟันทั่วไป เพราะลูกค้านั้นไม่จำเป็นต้องเข้าพบกับทันตแพทย์โดยตรงเลยก็ได้

โดยขั้นแรกนั้น ลูกค้าสามารถสั่งแบบพิมพ์ฟันไปพิมพ์ด้วยตนเองและส่งกลับมาให้ทางผู้เชี่ยวชาญรับรอง หรือเข้าไปสแกนฟันที่สตูดิโอของเซลฟี่ได้ฟรี

จากนั้นเมื่อทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญรับรองแล้วก็จะทำแผนการรักษาโดยสแกนออกมาเป็นภาพ 3 มิติ ให้เห็นรูปฟันรอบด้าน ก่อนจะส่งอุปกรณ์จัดฟันใสกลับไปให้ลูกค้า ใช้เวลา 1 เดือนครึ่ง ถึง 2 เดือน ซึ่งค่าใช้จ่ายเริ่มต้นจะอยู่ที่ 35,990 บาท หลังจากได้รับอุปกรณ์แล้ว หากมีปัญหาก็สามารถติดต่อกับผู้เชี่ยวชาญผ่านทางช่องทางออนไลน์ได้ตลอดเวลา

“เราอยากจะเปลี่ยนภาพลักษณ์เดิมๆ ของการทำฟัน เป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์ที่ดูแลความงามลูกค้า อยากให้ Oral Care เป็นส่วนหนึ่งของ Beauty care เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้า ขณะที่ค่าใช้จ่ายถูกกว่าการจัดฟันใสทั่วไป 1.5 เท่า” พิมลพัชร์ กล่าว

ส่องธุรกิจ Selfie สตาร์ทอัพสายเทคโนโลยีทันตกรรม จัดฟันได้โดยไม่ต้องพบทันตแพทย์ที่คลินิก

เล็งขยายตลาดเพิ่ม

สำหรับธุรกิจ Selfie ในประเทศไทยนั้น ในครึ่งแรกของปี 65 มีลูกค้าเติบโตขึ้น 2 เท่า มีผู้ติดตามทางโซเชียลทุกช่องทางรวมกว่า 20,000 คน มี Studio หลัก 1 สาขา ซึ่ง พิมลพัชร์ มีเป้าหมายขยายธุรกิจไปทั่วประเทศไทย ในเบื้องต้นตั้งเป้าขยายไปใน 20 หัวเมืองในไทย ส่วนภายในปีนี้ตั้งเป้าขยายเพิ่ม 2-4 ที่ นอกจากนี้ยังมองโอกาสการนำผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เข้ามาขายเพิ่ม เช่น ยาสีฟัน

พิมลพัชร์ กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ทั้ง 5 ตัว ของ Selfie ได้รับการรับรองจาก FDA ปัจจุบันมีทีมงานในไทยเพิ่มเป็น 14 คน เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านทันตกรรม 6 คน สามารถรองรับลูกค้าได้ 400-600 คน ซึ่งบริษัทดีไซน์ผลิตภัณฑ์ให้ง่ายทุกอย่างกับลูกค้า มีทีมงานคอยให้บริการเป็น Video Call และ คลิปวิดีโอสอน เมื่อลูกค้าพิมพ์ฟันและส่งกลับไป จะมีคนคอยตรวจสอบว่าลูกค้าทำถูกหรือไม่ ถ้าไม่ถูกทางบริษัทก็จะส่งคืนโดยไม่มีค่าใช้จ่าย

สำหรับกลุ่มลูกค้า จะเน้นเจาะกลุ่มอายุตั้งแต่ 20-35 ปี เป็นหลัก สำหรับลูกค้าที่อายุระหว่าง 18-20 ปี จะต้องได้รับการยินยอมจากผู้ปกครอง เพราะการรักษาส่วนมากจะใช้ระบบออนไลน์ในการดูแล

ส่องธุรกิจ Selfie สตาร์ทอัพสายเทคโนโลยีทันตกรรม จัดฟันได้โดยไม่ต้องพบทันตแพทย์ที่คลินิก

พิมลพัชร์ กล่าวในตอนท้ายว่า อุตสาหกรรมทันตกรรมมีนักลงทุนให้ความสนใจมาก โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งนักลงทุนมองหาธุรกิจที่จะเติบโต ขณะเดียวกันตลาดการจัดฟันมีการแข่งขันสูง แต่หากเป็นตลาดเกิดใหม่นั้นมีการแข่งขันไม่มาก และยังมีโอกาสเติบโตสูง ปัจจุบันมีนักลงทุนเข้ามา 7 ราย จากหลายประเทศ เป็น Angel fund ซึ่งบริษัทตั้งเป้าขยายตลาดเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าจำนวนมาก

Scroll to Top