กรุงศรี ฟินโนเวต เปิดกองทุนใหม่ในชื่อ FINNOVERSE เดินหน้าลงทุนในกลุ่ม Decentralized Technology ตั้งแต่ Web3, Blockchain, DeFi, GameFi และ Metaverse วางแผนลงทุน 3 ปี ด้วยเงินทุน 1,000 ล้านบาท ด้าน Finnoventure Fund I ปัจจุบันมีพอร์ตการลงทุน 16 บริษัท และมีแผนปั้น 4 บริษัท เข้าตลาดหลักทรัพย์เร็วๆ นี้ ส่วนแผนปีหน้าเตรียมเปิดกองทุนใหม่ลงทุนสตาร์ทอัพระดับ Seed
แซม ตันสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด มองว่า การเปิดกองทุน FINNOVERSE จะช่วยทรานส์ฟอร์มธนาคารเข้าสู่บล็อกเชนได้ นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเรื่องการจัดการระบบภายในธนาคาร เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในอนาคต นอกจากนี้บล็อกเชนยังช่วยลดต้นทุนในการให้บริการ เช่น ให้ระบบทำการจับคู่ลูกค้ากับผลิตภัณฑ์หรือบริการได้เองโดยไม่ต้องมีเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแล
สำหรับธุรกิจกลุ่ม Decentralized Technology นั้นจะใช้เงินลงทุนปีละ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นเวลา 3 ปี ทั้งหมด 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถูกแบ่งออกเป็น 5 ขา ได้แก่
Fund of Funds: โดยจะเลือกลงทุนใน สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป อิสราเอล เกาหลีใต้ และ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
DeFi: มองหาธุรกิจที่ทำบริการใหม่ๆ และ Use Case ที่มีโอกาสเติบโต
Major Key Use Cases: ลงทุนในกลุ่ม GameFi / NFT / Metaverse / Web 3 ซึ่งในกลุ่มนี้ได้มีการลงทุนกับ Zipmex ในรอบ Series B
Protocol: ลงทุนกับ Blockchain สำหรับพัฒนาธุรกิจธนาคารในอนาคต
Infrastructure: ในกลุ่มนี้ได้ลงทุนกับ ADDX แพลตฟอร์มที่สามารถแปลงกองทุนปิดให้เป็นสินทรัพย์ดิจิทัล ในรอบ Pre-Series B
ซึ่งการลงทุนใน 5 ขานี้ เป็นกลยุทธ์เปลี่ยนธุรกิจธนาคารให้เป็น Banking as a service (BaaS) ที่มีทั้งการปล่อยสินเชื่อผ่านแพลตฟอร์มที่ไปลงทุน รองรับการถือสินทรัพย์ดิจิทัลของลูกค้าธนาคาร การออก Utility Token รวมไปถึงการวางโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับ Bahtcoin ในอนาคต
สำหรับกลุ่ม Metaverse จะยังเป็นการลงทุนเพื่อนเรียนรู้ และเข้าไปทดลองทำธุรกิจในโลกเสมือนเพื่อรองรับอนาคต ส่วน GameFi จะลงทุนเพื่อเข้าไปมีส่วนร่วมด้านการชำระเงิน (Payment) และการดึงคนที่เล่นเกมเข้ามาเป็นลูกค้าในอนาคต
Finnoventure Fund I ยังเดินหน้าลงทุนต่อเนื่อง
สำหรับ Finnoventure Fund I กองทุน 3,000 ล้านบาท ยังคงเน้นการลงทุนในสตาร์ทอัพไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ระดับซีรีส์ A ขึ้นไป โฟกัสกับ 3 กลุ่มธุรกิจ คือ FinTech, Ecommerce และ Automotive () ปัจจุบันลงทุนไปแล้ว 16 บริษัท ในพอร์ตมีบริษัทที่เติบโตเป็นยูนิคอร์นไปแล้วอย่าง Flash Express และ Grab ที่ล่าสุดเข้าตลาดของสหรัฐได้สำเร็จ ส่วนอีก 4 บริษัท ที่คุณแซม ตั้งใจจะผลักดันเข้าตลาดหลักทรัพย์เร็วๆ นี้ ได้แก่ FINNOMENA, Wisesight, BUILKONE และ OMISE
สำหรับ Automotive นั้นปัจจุบันยังไม่อยู่ในพอร์ตการลงทุน เนื่องจากยังหาธุรกิจที่เหมาะสมกับการลงทุนไม่ได้ โดย คุณแซม กล่าวว่า “กำลังมองธุรกิจ EV อยู่ 2-3 บริษัท ที่สามารถสเกลต่อไปได้ ล่าสุดมีบริษัทที่พัฒนารถจักรยานยนต์ไฟฟ้า กับธุรกิจ EV Charger เข้ามาพูดคุยด้วย ซึ่งคาดว่าในอีก 1-2 ปีนีจะได้เห็นการลงทุนในกลุ่มนี้มากขึ้น”
*ผลการดำเนินงานของกองทุน Finnoventure Fund I นับแต่เริ่มเปิดกองทุนเมื่อเดือนธันวาคม 2564 ด้วยขนาดกองทุน 3,000 ล้านบาท มีการลงทุนไปแล้ว 2,620 ล้านบาท ยอดโอนแล้วที่ 1,560 ล้านบาท ล่าสุด มีการอนุมัติการลงทุนจากคณะกรรมการเรียบร้อยแล้ว 8 บริษัท (สำเร็จแล้ว 7 ราย และกำลังเจรจา 1 ราย) ใช้เงินลงทุนไปแล้ว 326.3 ล้านบาท
เตรียมเปิดกองทุนลงทุนสตาร์ทอัพระดับ Seed
นอกจากกองทุน Finnoventure Fund I และ FINNOVERSE แล้ว กรุงศรี ฟินโนเวต ยังมีแผนจะเปิดกองทุนเพิ่มในปีหน้า 2566 ประมาณ 1,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนกับสตาร์ทอัพที่อยู่ในช่วงตั้งไข่เพื่อช่วยผลักดันให้เกิดการเติบโตและสเกลต่อไปได้ในอนาคต
“ปัจจุบันสตาร์ทอัพไทยขาดตอน ไม่มี Seed เข้ามาในระบบมากนัก ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดการที่ไม่มี dtac accelerate จึงไม่เกิดการ Incubate สตาร์ทอัพหน้าใหม่เข้ามาในระบบ ซึ่ง กรุงศรี ฟินโนเวต กำลังมองหาผู้เชี่ยวชาญเข้ามาช่วยสตาร์ทอัพกลุ่มนี้ให้เติบโตและลงทุนได้ในระยะยาว” แซม กล่าว