Sustainability

เต็ดตรา แพ้ค ย้ำความสำคัญของโซลูชันด้านความยั่งยืน เร่งผลักดันอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มเตรียมความพร้อม

เต็ดตรา แพ้ค ได้จัดงานสัมมนาออนไลน์เพื่อเน้นย้ำถึงความสำคัญของโซลูชันที่ยั่งยืนสำหรับผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มในประเทศไทย ภายใต้หัวข้อ “ธุรกิจที่พร้อมสำหรับอนาคตด้วยโซลูชันด้านความยั่งยืนจากเต็ดตรา แพ้ค” ซึ่งได้ให้ข้อมูลเชิงลึกที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับวิธีการที่ธุรกิจต่าง ๆ สามารถนำเทคโนโลยีและแนวปฏิบัติใหม่มาใช้เพื่อพัฒนาการดำเนินงานและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของข้อกำหนดและกฎระเบียบด้านความยั่งยืน

สหภาพยุโรปได้กำหนดมาตรฐานระดับโลกในการจัดการขยะบรรจุภัณฑ์ด้วยแนวทางที่ครอบคลุม โดยเฉพาะการบังคับใช้กฎระเบียบเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์และขยะบรรจุภัณฑ์ (PPWR) กฎระเบียบนี้ได้มีการกำหนดมาตรการเพื่อป้องกันเรื่องขยะบรรจุภัณฑ์ เพิ่มประสิทธิภาพการใช้บรรจุภัณฑ์ ส่งเสริมการใช้ซ้ำ การรีไซเคิล และตั้งข้อกำหนดที่เข้มงวดสำหรับบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ในตลาดสหภาพยุโรป นอกจากนี้ยังเน้นการใช้แนวทางตามวงจรชีวิตของขยะบรรจุภัณฑ์และผลักดันให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ อีกด้วย

เช่นเดียวกับประเทศไทยที่กำลังมุ่งสู่เป้าหมายความยั่งยืน ซึ่งรวมถึงเป้าหมายที่ระบุไว้ในแผนปฏิบัติการแห่งชาติฉบับที่ 2 เกี่ยวกับแผนงานขยะพลาสติก 2022-2027 ประเทศไทยได้พัฒนาร่างพระราชบัญญัติการจัดการบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน โดยอิงตามหลักการขยายความรับผิดชอบของผู้ผลิต (EPR) ซึ่งมุ่งหวังให้ผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มมีส่วนร่วมโดยตรงในกระบวนการนำบรรจุภัณฑ์กลับมาจัดการอย่างถูกวิธีโดยเน้นการนำบรรจุภัณฑ์มาแปรรูปใช้ใหม่ (รีไซเคิล) และการนำโซลูชันบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนมาใช้[2] ในขณะเดียวกัน ความต้องการของผู้บริโภคที่มีต่อความยั่งยืนก็มีเพิ่มมากขึ้น ข้อมูลล่าสุดจาก NielsenIQ เผยว่า 74% ของผู้บริโภคในประเทศไทยให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากขึ้นกว่าเมื่อสองปีที่ผ่านมา[3] ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นอย่างยิ่งที่ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มต้องให้การสนับสนุนความพยายามในด้านความยั่งยืนของประเทศ พร้อมทั้งส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและยั่งยืนเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอีกด้วย

งานสัมมนาออนไลน์ “ธุรกิจที่พร้อมสำหรับอนาคตด้วยโซลูชันด้านความยั่งยืนจากเต็ดตรา แพ้ค” ในครั้งนี้ คุณแพรพร อมรภาณุพันธ์ ผู้อำนวยการกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านบรรจุภัณฑ์ และคุณปฏิญญา ศิลสุภดล ผู้อำนวยการฝ่ายความยั่งยืน บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด ได้บรรยายให้เห็นถึงความจำเป็นอย่างเร่งด่วนสำหรับผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มในการนำโซลูชันความยั่งยืนมาเป็นส่วนสำคัญของการดำเนินงานเพื่อตอบสนองต่อเทรนด์ด้านความยั่งยืนที่เกิดขึ้น รวมถึงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องทั้งในระดับประเทศและระดับสากลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งเชื่อมโยงกับการลดคาร์บอน การรีไซเคิล และการจัดการขยะ โดยเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของเต็ดตรา แพ้ค ในการช่วยให้ธุรกิจบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนโดยใช้แนวทาง 4 ขั้นตอนที่ครอบคลุม ได้แก่ การหลีกเลี่ยงการใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลือง การกู้คืนการใช้พลังงานและน้ำ การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และการทำให้กระบวนการผลิตเกิดความเป็นกลางทางสิ่งแวดล้อมตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่า

ทั้งนี้ เพื่อสนับสนุนผู้ผลิตในการขับเคลื่อนกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน เต็ดตรา แพ้คได้นำเสนอโซลูชันแบบครบวงจรทั้ง 3 โซลูชันที่จะสามารถช่วยเปลี่ยนแปลงธุรกิจให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนควบคู่ไปกับการปฏิบัติตามข้อกำหนดทั้งในระดับประเทศและระดับสากล พร้อมรักษาความสามารถด้านการแข่งขันในระยะยาวสำหรับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ดังนี้

  1. โซลูชันบรรจุภัณฑ์ของเต็ดตรา แพ้ค มีการจัดหาทรัพยากรหมุนเวียนอย่างมีความรับผิดชอบ โดยกระดาษบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ได้รับการรับรองจากองค์การจัดการด้านป่าไม้ หรือ เอฟเอสซี (FSC™) อีกทั้ง บรรจุภัณฑ์ยังสามารถรีไซเคิลได้ทั้งหมด และออกแบบมาเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในขณะที่ยังคงมาตรฐานคุณภาพผลิตภัณฑ์สูงสุด เต็ดตรา แพ้ค มีเป้าหมายในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน ด้วยการแนะนำฝาบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน เพิ่มการใช้วัสดุที่ได้จากการรีไซเคิล และวัสดุที่เป็นทรัพยากรหมุนเวียนจากพืชที่ปลูกทดแทนได้ รวมถึงการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่สร้างสรรค์ โดยเมื่อเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา เต็ดตรา แพ้ค ประสบความสำเร็จในการร่วมมือกับ แบรนด์ Lactogal ประเทศโปรตุเกส ในการวางขายผลิตภัณฑ์ในกล่องเครื่องดื่มกล่องแรกของโลกที่ใช้ชั้นปกป้องทดแทนที่ผลิตจากเยื่อกระดาษ ซึ่งทำให้เป็นบรรจุภัณฑ์ที่ใช้วัสดุหมุนเวียนมากถึง 90% และลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 33%
  2. โซลูชันการผลิตของเต็ดตรา แพ้ค มีโซลูชันการผลิตที่ล้ำสมัยซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต แต่ยังคงไว้ซึ่งคุณภาพ ทั้งยังช่วยลดการสูญเสียในกระบวนการผลิต เครื่องจักรได้รับการพัฒนาเป็นระบบอัตโนมัติทำให้เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ยกตัวอย่างเช่น เครื่องโฮโมจีไนเซอร์ของเต็ดตรา แพ้ค รุ่นใหม่ที่มีอายุการใช้งานของชิ้นส่วนอะไหล่เพิ่มเป็นสองเท่า ลดการใช้น้ำ และลดการใช้พลังงานได้ถึง 30% นอกจากนี้ยังมีเครื่องแยกไขมัน ที่ใช้เทคโนโลยี AirTight สามารถช่วยประหยัดพลังงานได้ถึง 40% และลดการใช้น้ำได้ถึง 20%
  3. โซลูชันบริการทางเทคนิคของเต็ดตรา แพ้ค ให้บริการทางเทคนิคแบบครบวงจรโดยผู้เชี่ยวชาญเพื่อช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานของโรงงาน ตัวอย่างเช่น การประเมินและวางแผนการ บำรุงรักษาเครื่องจักรและการซ่อมบำรุง การให้บริการจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโรงงาน ที่ช่วยผู้ผลิตตั้งแต่การวางแผนลดการใช้พลังงานและน้ำ รวมถึงลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนและของเสียในโรงงานทั้งหมด ซึ่งช่วยสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

“เราเล็งเห็นว่าผู้บริโภคและหน่วยงานกำกับดูแลต่าง ๆ มีความตระหนักรู้และให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่มีความยั่งยืนเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ โซลูชันด้านความยั่งยืนจากเต็ดตรา แพ้คได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับตัวและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ธุรกิจต่าง ๆ สามารถก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านความยั่งยืน และในขณะเดียวกัน ก็ยังคงไว้ซึ่งความสามารถในการแข่งขันในตลาดที่มีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว” ปฏิญญา ศิลสุภดล ผู้อำนวยการฝ่ายความยั่งยืน บริษัทเต็ดตรา แพ้ค ประเทศไทย และเวียดนาม กล่าว

ในงานสัมมนาออนไลน์ ‘ธุรกิจที่พร้อมสำหรับอนาคตด้วยโซลูชันด้านความยั่งยืนจากเต็ดตรา แพ้ค’ เราได้ให้ข้อมูลของโซลูชันแบบครบวงจร ตั้งแต่บรรจุภัณฑ์ที่ใช้วัสดุหมุนเวียนที่ปลูกทดแทนได้ นวัตกรรมในการผลิต ตลอดจนการยกระดับความ สามารถในกระบวนการผลิต ที่จะช่วยให้ธุรกิจต่าง ๆ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนความยั่งยืนในตลาด” แพรพร อมรภาณุพันธ์ ผู้อำนวยการกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านบรรจุภัณฑ์ บริษัทเต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว

เต็ดตรา แพ้ค มุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อช่วยให้การเปลี่ยนผ่านการดำเนินธุรกิจไปสู่แนวทางการปฏิบัติที่ยั่งยืนอย่างราบรื่น และลดการปล่อยมลพิษให้น้อยที่สุด ในขณะเดียวกัน ยังพร้อมสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการตลาดและนวัตกรรมล่าสุดเพื่อตอบสนองต่อกฎระเบียบหรือข้อบังคับใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ความมุ่งมั่นนี้สอดคล้องกับพันธกิจหลักของเต็ดตรา แพ้คในการส่งมอบบรรจุภัณฑ์อาหารที่ยั่งยืนที่สุดในโลก พร้อมนำนวัตกรรมมาใช้ในการเปลี่ยนแปลงระบบอาหารทั่วโลก เพื่อปกป้องอาหาร ผู้คน และโลกใบนี้

BSGF จับมือ MK Group ร่วมส่งต่อน้ำมันใช้แล้ว เพื่อผลิต SAF ร่วมผลักดันนวัตกรรมสีเขียว

supersab

Recent Posts

Green Business ของไทยจะขึ้นเบอร์หนึ่งอาเซียน ใน 5 ปี

การสร้างตัวตนของประเทศไทยในระดับโลก เป็นสิ่งที่คนไทยทำมาตลอด 50 ปี ไม่ว่าจะเป็น ดินแดนแห่งรอยยิ้ม ครัวไทยสู่ครัวโลก ฯลฯ และมันส่งผลต่อวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของเราในปัจจุบันอย่างยิ่ง ที่สำคัญอานิสงส์ที่ส่งตรงต่อธุรกิจต่างๆ ที่รองรับตัวตนของประเทศนั้นมหาศาลเหลือเกิน จนเราปฏิเสธไม่ได้ว่าการสร้างตัวตนที่ชัดเจนต่อสายตาชาวโลกนั้นเป็นมรดกตกทอดไปสู่คนยุคใหม่ๆ อย่างน้อยช่วงหนึ่งอายุคนกันเลยทีเดียว “ประเทศไทยจะเป็นผู้นำทางด้าน Green…

2 hours ago

“Durian Decadent Afternoon Tea” มิติใหม่แห่งความหอมหวาน เอาใจสายทุเรียน ณ โรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท

โรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท ขานรับเทรนด์ Gastronomy Tourism ที่กำลังเติบโตในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ผนึกกำลัง Toby’s Farm สวนทุเรียนพรีเมียมจากจันทบุรี เปิดตัวแคมเปญสุดพิเศษ “Durian Decadent…

6 hours ago

CANON เขย่าตลาดเครื่องพิมพ์หน้ากว้าง เปิดตัว 2 รุ่นใหม่ล่าสุด imagePROGRAF TC-21 และ TC-21M ในงานสถาปนิก’68

แคนนอน (CANON) เปิดตัวนวัตกรรมเครื่องพิมพ์หน้ากว้างแบบตั้งโต๊ะรุ่นใหม่ล่าสุดถึง 2 รุ่น ได้แก่ imagePROGRAF TC-21 และ imagePROGRAF TC-21M ในงานสถาปนิก 68 (ASA Architect'25)…

6 hours ago

BBIK อนุมัติจ่ายปันผล 0.22 บ./หุ้น เตรียมย้ายเข้า SET ภายในปีนี้

บลูบิค กรุ๊ป (BBIK) เผยที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 อนุมัติการจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดในอัตรา 0.22 บาทต่อหุ้น กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) วันที่ 30 เมษายน 2568…

6 hours ago

พฤกษา จัดแคมเปญ “บิงโกลด์” บิงรับโชค 3 ต่อ ทองคำ 10 บาท พร้อมโปรโมชั่นบ้าน-คอนโด 109 โครงการทั่วไทย

พฤกษา เรียลเอสเตท ขานรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ ทั้งการผ่อนปรนเกณฑ์ LTV ให้กู้ได้ 100% และการลดค่าธรรมเนียมโอน-จดจำนอง เปิดตัวแคมเปญสุดพิเศษ "บิงโกลด์" ลุ้นบิง ชิงทอง มอบความคุ้มค่าแบบ "บิงโก" 3…

6 hours ago

NITORI บุกตะวันออก! ปักธง 2 สาขาแรกนอกกรุงเทพฯ ที่เซ็นทรัล พัทยา และศรีราชา รับดีมานด์เมืองท่องเที่ยวและ EEC ขยายตัว

เซ็นทรัลพัฒนา จับมือ "NITORI" แบรนด์เฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านอันดับ 1 จากญี่ปุ่น ขยายฐานสู่ภาคตะวันออก เปิด 2 สาขาใหม่ล่าสุดที่เซ็นทรัล พัทยา และเซ็นทรัล ศรีราชา ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนไทยและนักท่องเที่ยว พร้อมรับการเติบโตของเมืองท่องเที่ยวและเขตเศรษฐกิจพิเศษ…

6 hours ago

This website uses cookies.