บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) “Thai Union” ได้รับการจัดอันดับในดัชนี Seafood Stewardship Index หรือ SSI อยู่ในอันดับที่ 1 เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน ในฐานะผู้นำในการผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกและมีการทำงานสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ
โดยดัชนี Seafood Stewardship Index นี้มีองค์กร World Benchmarking Alliance (WBA) เป็นผู้ประเมินและจัดอันดับจาก 30 บริษัทด้านอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดและทรงอิทธิพลที่สุดในอุตสาหกรรมอาหารทะเล ในแง่ของหลักธรรมภิบาล กลยุทธ์ ระบบนิเวศ ความสามารถในการตรวจสอบย้อนกลับได้ และความรับผิดชอบต่อสังคม
องค์กร World Benchmarking Alliance (WBA) กล่าวว่าไทยยูเนี่ยนได้รับการจัดอันดับเป็นที่ 1 ในด้านความรับผิดชอบต่อสังคมที่ “มีความโดดเด่นในอุตสาหกรรม ในความพยายามของบริษัทเพื่อให้มั่นใจได้ว่าเรือประมงที่จัดหาวัตถุดิบให้นั้นมีสภาพการทำงานและความเป็นอยู่ที่ดี และยังคงมีการเฝ้าสังเกตเพื่อให้เป็นไปตามกฎระเบียบข้อบังคับและมีการแสดงหลักฐานในการพัฒนาปรับปรุงต่างๆ”
–ONE BANGKOK : กรีนสมาร์ทซิตี้ จุดเริ่มต้นและแรงบันดาลใจในการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน
ธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ที่ไทยยูเนี่ยน เรามีวิสัยทัศน์ในการเป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลที่ได้รับความไว้วางใจที่สุดในโลก ดังนั้นเราจึงตระหนักดีว่า สิ่งที่จะทำให้เราบรรลุวิสัยทัศน์นี้ก็คือเราจะต้องสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น ไม่เพียงแต่ในการผลิตของเราเท่านั้นแต่ยังรวมถึงการจัดหาวัตถุดิบทั่วโลกทั้งหมดของเรา เราภูมิใจกับผลงานความสำเร็จที่ผ่านมาแต่ก็ยังมองว่ายังมีความท้าทายอีกมากรอเราอยู่ข้างหน้า ไทยยูเนี่ยนยังคงมุ่งมั่นในการทำงานผ่านโครงการและแนวทางต่างๆ ที่จะสร้างผลลัพธ์ที่เกิดประโยชน์แก่ผู้คนและสิ่งแวดล้อมบนโลก”
ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการจัดอันดับอยู่ในอันดับต้นๆ ด้านความสามารถในการตรวจสอบย้อนกลับได้ ส่วนหนึ่งจากการทำงานอย่างสม่ำเสมอของบริษัทและการเปิดเผยข้อมูลภายใต้โครงการของ Ocean Disclosure ที่ส่งเสริมด้านความโปร่งในใสอุตสาหกรรมอาหารทะเลโดยบริษัทเอกชนที่ประกอบธุรกิจอาหารทะเลสามารถแสดงข้อมูลการจัดหาอาหารทะเลสู่สาธารณชนได้ นอกจากนี้ยังรวมถึงข้อมูลและขั้นตอนการทำงานต่างๆ ของหลักธรรมาภิบาลและกลยุทธ์ ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานด้านความยั่งยืนตามกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของบริษัท ไทยยูเนี่ยนยังทำผลงานได้ดีในการเปิดเผยการทำงานกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และรายงานผลจากการทำงานร่วมกันนั้น
ปัจจุบันไทยยูเนี่ยนได้รับการจัดอันดับเป็นที่ 1 ของดัชนี SSI ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุก ๆ 2 ปี และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้วนับจากครั้งแรกในปี 2562 และครั้งที่ 2 ในปี 2564 โดยการที่ไทยยูเนี่ยนสามารถคว้าอันดับที่ 1 ได้ในการจัดอันดับดัชนี SSI ในครั้งที่ 3 นี้เป็นการตอกย้ำความสำเร็จของกลยุทธ์ความยั่งยืน SeaChange® 2030 ที่ไทยยูเนี่ยนได้ประกาศเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยมีการขยายเป้าหมายถึงปี 2573 เพื่อพลิกโฉมอุตสาหกรรมอาหารทะเลโลก
อดัม เบรนนัน ผู้อำนวยการกลุ่มด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การที่ไทยยูเนี่ยนได้รับการจัดอันดับในดัชนี SSI ในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่าการทำงานด้านความยั่งยืนของเราได้ส่งผลบวกต่อธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมอาหารทะเลของโลก ไทยยูเนี่ยนได้คะแนน 47.5 จาก 100 คะแนนเต็ม แสดงให้เห็นว่ายังมีความท้าทายรอเราและอุตสาหกรรมอยู่อีกมาก ไทยยูเนี่ยนมีการตั้งเป้าหมายไว้ว่าการทำงานของเราผ่านกลยุทธ์ความยั่งยืน SeaChange® 2030 ที่ได้ขยายขอบเขตการทำงานผ่านพันธกิจ 11 ประการจะช่วยให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในระดับสากลและยังสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติถึง 10 ข้ออีกด้วย กลยุทธ์ SeaChange® 2030 ยังมีเป้าหมายใหม่ๆ ในด้านที่ SSI ทำการประเมิน ไม่ว่าจะเป็น ระบบนิเวศและความสามารถในการตรวจสอบย้อนกลับได้ ทำให้เรามองเห็นโอกาสที่จะพัฒนาการทำงานของเราต่อไป”
นอกจากนี้ดัชนี Seafood Stewardship Index ยังการวัดว่าบริษัทอาหารทะเลชั้นนำของโลกได้ทุ่มเทในการจัดการอย่างยั่งยืนให้กับมหาสมุทรและระบบนิเวศชายฝั่งอย่างไร ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่ามาตรการต่างๆ ที่แสดงความรับผิดชอบต่อสังคมมีการดำเนินการ เพราะบริษัทเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการหล่อเลี้ยงผู้คนหลายพันล้านทั่วโลก ซึ่งทาง Seafood Stewardship Index ยังระบุว่าทั้ง 30 บริษัทที่ได้รับการประเมินนี้มีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อธุรกิจการประมงในโลกและสามารถเร่งให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นได้
ในการประเมินนี้ SSI กล่าวว่าไทยยูเนี่ยนยังมีแง่มุมในการทำงานที่สามารถพัฒนาอีกได้ เช่น ในด้านสิ่งแวดล้อมในการลดผลกระทบต่อระบบนิเวศจากการผลิตทั้งหมดได้อย่างไร
ทั้งนี้ กลยุทธ์ความยั่งยืน SeaChange® 2030 ยังมีเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 42 เปอร์เซ็นต์ในขอบเขตที่ 1, 2 และ 3 ภายในปี 2573 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2593 รวมถึงจัดสรรงบประมาณ บริษัทเป็นจำนวน 250 ล้านบาท (มากกว่า 7 ล้านเหรียญสหรัฐ) ในการปกป้องและฟื้นฟูระบบนิเวศที่สำคัญ การเริ่มดำเนินการลดการปล่อยน้ำเสียเป็นศูนย์ ลดของเสียฝังกลบเป็นศูนย์ และลดการสูญเสียอาหารเป็นศูนย์ ในโรงงานหลัก 5 แห่งทั้งในและต่างประเทศ กุ้งเพาะเลี้ยงทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์ของเรา จะต้องผลิตขึ้นโดยส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน้อยที่สุด ขยายขอบเขตการทำงานในเรื่อง อาหารทะเลที่จับจากธรรมชาติจะผลิตอย่างมีความรับผิดชอบ ให้ครอบคลุมสายพันธุ์สัตว์น้ำหลักๆ ของธุรกิจ และสร้างสถานที่ทำงานที่ปลอดภัย มีคุณค่า ยอมรับความแตกต่างและหลากหลาย มีความเท่าเทียม
โค้ก โดยกลุ่มธุรกิจโคคา-โคล่า ในประเทศไทย สร้างความฮือฮาให้กับตลาดเครื่องดื่มอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัว "โค้ก" ซีโร่ กลิ่นวานิลลา ความอร่อยใหม่ที่ผสานความซ่าส์อันเป็นเอกลักษณ์ของ "โค้ก" เข้ากับความหอมหวานละมุนละไมของวานิลลาได้อย่างลงตัว ที่สำคัญคือมาในสูตรไม่มีน้ำตาล ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen…
บริษัท ไซโก้ เอปสัน คอร์ปอเรชั่น (Epson) ประกาศแต่งตั้ง โยชิดะ จุนคิชิ ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานกรรมการและตัวแทนผู้อำนวยการ (President and Representative Director) และประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ (Chief…
การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) โดย กองสิ่งแวดล้อม ฝ่ายพัฒนาโครงการรถไฟฟ้า ลงพื้นที่ตรวจติดตามการดำเนินงานลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในการก่อสร้าง ช่วงเวลากลางคืน การก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน - ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) ตลอดแนวเส้นทางโครงการฯ โดยเริ่มตั้งแต่จุดก่อสร้าง Cut…
LINE MAN ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับ Lotus’s และ Lotus’s go fresh ขยายฐานบริการ LINE MAN MART ให้ครอบคลุมกว่า 1,400 สาขาทั่วประเทศ…
พฤกษา ผนึกกำลัง โรงพยาบาลวิมุต มอบสิทธิพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟ และกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพครบวงจรให้ลูกบ้านตลอดปี 2568 ภายใต้แนวคิด "สุขภาพดีเริ่มต้นที่บ้าน" จิตชญา ตู้จินดา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดองค์กรกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง…
ออเนอร์ (HONOR) ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญของสมาร์ทโฟนระดับแฟลกชิป HONOR Magic7 Pro 5G ที่สร้างยอดขายเติบโตสูงถึง 2.4 เท่า นับตั้งแต่เปิดให้พรีออเดอร์เมื่อวันที่ 11-21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568…