บริษัท คลาวดี เทเลคอม จำกัด หรือ คลาวดี (Cloudee) เสนอผลการวิจัยของการ์ทเนอร์ (Gartner) บริษัทวิจัยและที่ปรึกษาชั้นนำของโลก ชี้ไทยมีแนวโน้มการลงทุนกับเทคโนโลยีคลาวด์เพิ่มขึ้น 28.2% มูลค่า 34.4 พันล้านบาท (1.1 พันล้านดอลลาร์) ในปี 2022
คลาวดีช่วยยกระดับประสิทธิภาพการสื่อสารด้วยเสียงและการสื่อสารแบบหลายช่องทาง เพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจแก่ลูกค้าในอุตสาหกรรมหลายประเภท ทั้งกลุ่มธุรกิจธนาคาร บริการทางการเงินประกันภัย (BFSI), ภาคอุตสาหกรรม, ธุรกิจค้าปลีก, อีคอมเมิร์ซ, สินทรัพย์ดิจิทัล, อินชัวเทค (Insurtech) และฟินเทค (Fintech) ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูงในการนำเสนอแอปพลิเคชันเพื่อธุรกิจบนระบบคลาวด์ (Cloud Business Applications) และบริการแก่ลูกค้ามากมาย ทั้ง บิทคับ (Bitkub), กลุ่มอลิอันซ์ (Aliance Group), กลุ่มบริษัทบีทีเอส (BTS Group), ไลน์แมน (Lineman), วงใน (Wongnai) และ วีเวิร์ค (Wework)
–Time and Space Asset เปิดตัวโปรเจกต์ Sol Residence ที่อยู่อาศัยระดับ Iconic เริ่มต้น 60-200 ล้านบาท
–Kubix เปิดตัว DESTINY TOKEN ช่องทางร่วมลงทุนกับภาพยนตร์ “บุพเพสันนิวาส ๒”
ซึ่งคลาวดีระสิทธิภาพความยืดหยุ่นในการทำงานทางไกลได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ผ่านการเสริมขีดความสามารถของศูนย์บริการสายด่วนข้อมูล บริการเสียงตอบรับอัตโนมัติ AI แชตบอต และระบบการบริหารจัดการความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM) ซึ่งทำให้คลาวดีดำเนินงานได้ทะลุเป้าเติบโต 70% ในปี 2021
ผู้บริโภควันนี้ต่างคาดหวังให้บริษัทและแบรนด์ต่าง ๆ สามารถสื่อสารกับพวกเขาได้อย่างราบรื่นและผ่านทุกช่องได้ตลอด 24 ชั่วโมง คลาวดีนำเสนอแพลตฟอร์มที่รวบรวมและผสานความเชี่ยวชาญของงานเฉพาะด้านต่างๆ เข้าด้วยกันแบบไร้รอยต่อ ซึ่งรวบรวมทั้งบริการผู้ให้คำปรึกษาในพื้นที่และประสบการณ์การทำงานในโครงการมากกว่า 600 โครงการในไทย เพื่อการันตีว่าการสื่อสารของลูกค้าจะได้รับการยกระดับอย่างเต็มประสิทธิภาพและสามารถเชื่อมโยงทุกจุดบริการเข้าด้วยกันอย่างลงตัว สภาวะการทำงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างไม่หยุดนิ่งและการแพร่ระบาดทำให้ธุรกิจต่างๆ ต้องหันมาใช้บริการดิจิทัลเร็วขึ้น เพื่อรักษามาตรฐานของการดำเนินงาน
โดย PwC Thailand ระบุว่าบริษัทในไทยมากกว่า 50% หันมาใช้บริการบนคลาวด์อย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะโมเดลคลาวด์แบบไฮบริดที่สนับสนุนให้การทำงานทางไกลมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผ่านการใช้แอปพลิเคชันที่มีความคล่องตัวและมั่นคงปลอดภัยสูง
อังกุช ภาร์ดวัจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คลาวดี เทเลคอม จำกัด หรือ คลาวดี (Cloudee) กล่าวว่า “คลาวดีได้ปรับโครงสร้างบริษัทไปสู่การเป็นขุมพลังเพื่อการสื่อสารธุรกิจผ่านคลาวด์ มุ่งตอบสนองอุปสงค์ที่เพิ่มสูงขึ้นของภาคธุรกิจและผู้บริโภคในประเทศไทยและอาเซียน ซึ่งการใช้บริการ SaaS เป็นหนึ่งในองค์ประกอบหลักที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของการทำงานบนคลาวด์”
องค์กรต่าง ๆ รวมถึงวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เริ่มตระหนักได้อย่างรวดเร็วถึงความจำเป็นในการใช้แอปพลิเคชันในหน่วยธุรกิจที่สำคัญ เพื่ยกระดับประสิทธิภาพด้านต่างๆ ขององค์กร เช่น การสื่อสาร การมีส่วนร่วมของลูกค้า และความมั่นคงปลอดภัยทางข้อมูลบนคลาวด์ คลาวดีนำเสนอชุดผลิตภัณฑ์ อาทิ การสื่อสารด้วยเสียง (Voice) สำหรับศูนย์ข้อมูล (ทั้งการโทรศัพท์ขาเข้าและขาออก), Cloud PBX, Cloud IVR, Calls ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งบริการทั้งหมดนี้สามารถบูรณาการเข้ากับ OmniChannel Platforms ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายได้แบบไร้รอยต่อ
“ดังนั้น เราจึงช่วยให้ลูกค้าของเราสามารถทุ่มเทเวลาอันมีค่าไปกับการดำเนินงานหลักของพวกเขา ในขณะที่เราช่วยรับประกันการทำงานของแพลตฟอร์มและการดำเนินธุรกิจที่ต่อเนื่องไปพร้อมกัน”
อังกุช กล่าวเสริมว่า “ธุรกิจและองค์กรต่าง ๆ ที่ไม่สามารถตอบสนองลูกค้าที่ออนไลน์ตลอดเวลาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ อาจทำให้จุดบริการแบบหลายช่องทางของบริษัทต้องถูกทิ้งร้าง ไม่มีคนไปใช้งานอีกต่อไป และยิ่งถ้าทีมงานฝ่ายขายใช้แอป Line, Excel และบริการ PBX VOIP รุ่นเก่าที่ไม่ได้เชื่อมต่อกับแอปโซเชียลมีเดียและระบบ CRM ที่แข็งแกร่งพอ พวกเขาอาจจะไม่สามารถแข่งขันกับบริษัทอื่นที่ตระหนักถึงความเป็นจริงทางธุรกิจได้ ฉะนั้น โซลูชั่นคลาวดีจึงถือเป็นตัวพลิกเกมของธุรกิจในวันนี้อย่างแท้จริง”