สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) แถลงข่าวเปิดตัว “สถาบันวิชาการความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (Thailand National Cyber Academy : THNCA) ความก้าวหน้าการพัฒนาบุคลากรทุกช่วงวัยและก้าวต่อไป” โดยมีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานกรรมการกำกับดูแลด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (กกม.) เป็นประธานกล่าวเปิดงานฯ พร้อมด้วย พลอากาศตรี อมร ชมเชย เลขาธิการคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ กล่าวรายงานความเป็นมาและวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งสถาบันวิชาการความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ณ ห้องประชุมพระศิวะ ชั้น 3 โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชัน และถ่ายทอดสดผ่านช่องทางออนไลน์ โดยงานนี้ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการเร่งรัดการพัฒนาบุคลากรด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (Intensive Cybersecurity Capacity Building Program) ระยะที่ 2 ของ สกมช. ซึ่งมีการจัดอบรมหลักสูตรด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ระดับพื้นฐาน ระดับเชี่ยวชาญ และระดับผู้บริหาร รวมถึงจัดอบรมหลักสูตรเฉพาะทางด้านที่สำคัญ เพื่อพัฒนาบุคลากรของหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ในกลุ่มที่เป็นหน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ (Critical Information Infrastructure) ให้มีความชำนาญด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ และพร้อมรับมือกับภัยคุกคามไซเบอร์ที่มาพร้อมกับ ยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า “สถาบันวิชาการความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ หรือ Thailand National Cyber Academy เป็นสถาบันที่จะมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงทิศทางความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการพัฒนาบุคลากร ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของประเทศไทยในการยกระดับการป้องกัน และความมั่นคงปลอดภัยในโลกไซเบอร์ ภายใต้ความก้าวหน้าและความตั้งใจจริงในการพัฒนาบุคลากร ไซเบอร์ทุกช่วงวัย เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงปลอดภัยให้กับสังคมและเศรษฐกิจไทยในยุคดิจิทัล ซึ่งสถาบันแห่งนี้จะเป็นศูนย์กลางและแกนหลักที่สำคัญ ในการสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชน รวมทั้งการฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากร ตั้งแต่ระดับผู้ปฏิบัติการจนถึงระดับผู้บริหาร เพื่อให้ผู้รับผิดชอบส่วนงาน
ด้านนี้ทุกระดับ มีขีดความสามารถและทักษะในการรับมือ และตอบโจทย์การป้องกันภัยคุกคามไซเบอร์ ที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่เพียงแต่แสดงถึงความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการปกป้องประชาชนและทรัพย์สินจากภัยไซเบอร์เท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงออกถึงความพร้อม ในการเป็นผู้นำในด้านนี้ในระดับภูมิภาคและระดับโลกในอนาคต เรามีความจำเป็นที่จะต้องมีบุคลากรที่มีความรู้และความสามารถสูงเนื่องจากภัยคุกคามไซเบอร์มีแนวโน้มที่จะซับซ้อนและรุนแรงขึ้นทุกทีเราจำเป็นต้องมีการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับสถานการณ์เหล่านี้อย่างเข้มแข็ง”
พลอากาศตรี อมร ชมเชย เลขาธิการคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ กล่าวว่า “ในปีที่ผ่านมา สกมช. ได้ดำเนินโครงการเร่งรัดการพัฒนาบุคลากรด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ระยะที่ 1 รวมไปถึงการจัดฝึกอบรมต่างๆ เพื่อพัฒนาทักษะด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ให้กับเด็ก เยาวชน คนทำงาน ผู้สูงอายุ และคนพิการ โดยมียอดผู้เข้าร่วมกิจกรรมผ่านทุกแพลตฟอร์มกว่า 1 ล้านคน จำนวนชั่วโมงการอบรมมากกว่า 2,000,000 ชั่วโมง จากจำนวนนี้จะเห็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดในการเข้าถึงองค์ความรู้ด้าน Cybersecurity เริ่มจากภาคการศึกษา สกมช. ได้ร่วมมือกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน อย่างเช่น ความร่วมมือกับเครือโรงเรียนสารสาสน์ ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 70,000 คน จากจำนวน 50 สถาบันการศึกษาที่กระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาค เพื่อพัฒนาศักยภาพครูผู้สอนด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (Train the Trainer) ความร่วมมือกับ 14 มหาวิทยาลัย พัฒนาหลักสูตรด้านไซเบอร์เพื่อต่อยอดองค์ความรู้ให้กับนิสิต
ความร่วมมือกับกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) และ AIS ขยายผลหลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์ สำหรับในส่วนผู้ปฏิบัติงาน สกมช. มุ่งยกระดับทักษะบุคลากรผู้ปฏิบัติงานด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ผ่านการอบรมและการจัดกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ การอบรม Cyber Clinic มีผู้เข้าร่วมกว่า 4,000 คน โครงการพัฒนาขีดความสามารถ Lead Implementer, Lead Auditor โครงการการอบรมเชิงปฏิบัติการพัฒนาขีดความสามารถผู้ปฏิบัติงานตามมาตรฐานสากล จัดขึ้น 9 จังหวัดทั่วไทย มีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการกว่า 3,000 คน จากทั่วประเทศ โครงการเร่งรัดการพัฒนาบุคลากรด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ระยะที่ 1 มีผู้เข้าร่วมอบรมกว่า 5,500 คน และความร่วมมือกับ ASEAN-Japan Cybersecurity Capacity Building Centre: AJCCBC) ดำเนินการจัดอบรมหลักสูตรพัฒนาบุคลากรด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ให้แก่ประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ โดยได้ดำเนินการจัดอบรมและผู้เข้าร่วมกว่า 2,500 คน
อีกกลุ่มที่ สกมช. ให้ความสำคัญ ไม่แพ้กันคือประชาชนทั่วไปและกลุ่มเปราะบาง สกมช. จัดอบรม NCSA Cybersecurity Knowledge Sharing มีผู้เข้าร่วมแล้วกว่า 109,188 คน และการแข่งขัน “Thailand Cyber Top Talent” และ “Woman Thailand Cyber Top Talent” ที่มุ่งผลักดันให้ประเทศไทยผลิตบุคลากรทางไซเบอร์ และร่วมกับมูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ เสริมสร้างทักษะทางวิชาชีพกับคนพิการให้อยู่ในสังคมได้อย่างเท่าเทียม นอกจากนี้ยังมีความร่วมมือจากพันธมิตรหลายฝ่าย อาทิ Unicef กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีมูลนิธิิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย เป็นต้น
ซึ่ง สถาบันวิชาการความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ได้จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลาง
ในการพัฒนาความรู้และทักษะด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของบุคลากรในทุกช่วงวัย ตั้งแต่นักเรียน นักศึกษา ผู้ปฏิบัติงาน ไปจนถึงผู้เชี่ยวชาญและผู้บริหาร รวมถึงประชาชนทั่วไป โดยมุ่งเน้นการสร้างมาตรฐานและความเข้มแข็งในด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของประเทศ การจัดตั้งสถาบันวิชาการความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติครั้งนี้ จะสร้างบทบาทสำคัญการเตรียมความพร้อมขีดความสามารถและความรู้ความเข้าใจของบุคลากรที่ปฏิบัติหน้าที่รับผิดชอบงานด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยระบบสารสนเทศของหน่วยงานต่าง ๆ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาขีดความสามารถและความรู้ความเข้าใจของบุคลากรที่ปฏิบัติหน้าที่รับผิดชอบงานด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยระบบสารสนเทศของหน่วยงานต่าง ๆ
โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นหน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ Critical Information Infrastructure หรือ หน่วยงาน CII ทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงเพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้สามารถเข้าทดสอบประกาศนียบัตรอันเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ในหลักสูตรต่าง ๆ รวมทั้งหลักสูตรเชี่ยวชาญเฉพาะด้านอันจะช่วยเร่งให้การพัฒนาผู้เชี่ยวชาญและกำลังคนด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ทั้งในภาครัฐและภาคเอกชนเพิ่มขึ้น”