Categories: BusinessTechnology IT

หัวเว่ย เผยกลยุทธ์การลงทุนปี 65 ในไทย และมุมมองสู่อนาคต

แม้ว่าจะมีความกดดันจากปัจจัยภายนอก แต่หัวเว่ยสามารถทำกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สถานะทางการเงินของบริษัทมีเสถียรภาพ สามารถลงทุนเพื่ออนาคตและรับมือกับความผันผวนได้อย่างมั่นคง กระแสเงินสดเพิ่มขึ้น 75.9% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ผลกำไรจากธุรกิจหลักเติบโตขึ้น ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นและรับความผันผวนทางธุรกิจได้

ภายใต้พันธกิจ “Grow in Thailand, Contribute to Thailand” ในปี พ.ศ. 2565 นี้จะครบรอบ 23 ปีของการก่อตั้งบริษัทในประเทศไทย หัวเว่ยได้เปิดเผยข้อมูลกลยุทธ์ทางธุรกิจทั่วโลกและในประเทศไทย

อาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) กล่าวว่า หัวเว่ยยังคงลงทุนในด้านนวัตกรรมและการวิจัยและพัฒนา และในปี พ.ศ 2564 การลงทุนด้านวิจัยและพัฒนาคิดเป็น 22.4% ของรายได้ทั้งหมดของหัวเว่ย ซึ่งนับว่าสูงที่สุดในรอบทศวรรษที่ผ่านมา ในปี พ.ศ 2564 หัวเว่ยได้อันดับที่สองของการจัดอันดับการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาด้านอุตสาหกรรมของสหภาพยุโรป และภายในสิ้นปี พ.ศ 2564 หัวเว่ยถือครองสิทธิบัตรอยู่มากกว่า 110,000 ฉบับ ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในผลงานที่มากที่สุดในระดับโลก

การ์ทเนอร์ชี้แนวโน้มความปลอดภัยและจัดการความเสี่ยงที่ธุรกิจต้องจับตาในปีนี้
ซิกน่าประกันภัย ขึ้นแท่นประกันสุขภาพที่มีโรงพยาบาลในเครือข่ายครอบคลุมทุกภาคทั่วประเทศ

นอกจากนี้ยังได้ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและสร้างสังคมความเป็นกลางทางคาร์บอนโดยการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจและลงทุนอย่างต่อเนื่องในด้านการวิจัยและพัฒนา สนับสนุนการแบ่งปันข้อมูลจากทั่วทุกมุมโลก เพิ่มความเปิดกว้างทางความคิด ต่อยอดนวัตกรรม และสร้างสรรค์ความคิดใหม่ ๆ จากทั่วโลก เรามุ่งปรับปรุงทฤษฎีพื้นฐาน สถาปัตยกรรม และซอฟต์แวร์เพื่อรองรับการแข่งขันในระยะกลางและสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืนในระยะยาวพร้อมกัน

เมื่อเศรษฐกิจดิจิทัลเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลก เทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างคาร์บอนต่ำจะเป็นก้าวใหม่สำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืน ที่ผ่านมานับว่าทรัพยากรบุคคล การเงิน และวิถีการดำเนินธุรกิจของหัวเว่ยมีเสถียรภาพและสามารถรองรับการพัฒนาในอนาคตได้

“เราจะไม่ละความพยายามในการสำรวจพรมแดนอันไม่มีที่สิ้นสุดของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และทำให้ทุกคนเข้าถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและสร้างมูลค่าของสินค้าและบริการให้กับลูกค้าทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย”

สรุปความสำเร็จและผลงานของหัวเว่ยในประเทศไทย ปี พ.ศ. 2564

ประเทศไทยถือเป็นตลาดสำคัญของหัวเว่ย และเป็นหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดและเติบโตเร็วที่สุด ตลอด 23 ปี นับตั้งแต่การก่อตั้งหัวเว่ย ประเทศไทยในปี พ.ศ. 2542 ผ่านการการสนับสนุนจากรัฐบาลไทย ลูกค้าและพันธมิตร และมีโอกาสร่วมพัฒนา 2G, 3G, 4G และ 5G ในประเทศไทย และภายใต้พันธกิจ “เติบโตไปพร้อมกับประเทศไทย และร่วมสนับสนุนประเทศไทย” เรามุ่งมั่นเป็นพันธมิตรชั้นนำด้านไอซีทีที่ได้รับความไว้วางใจ เป็นผู้นำเชิงรุกด้านการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล และตอบแทนสิ่งดี ๆ สู่สังคมอย่างต่อเนื่อง

ในปี พ.ศ. 2564 หัวเว่ยได้รับรางวัล “Digital International Corporation of the Year” จากนายกรัฐมนตรีของไทยเป็นครั้งแรก และยังเป็นบริษัทข้ามชาติเพียงแห่งเดียวที่ได้รับรางวัลนี้ในช่วงที่ผ่านมา ในปีเดียวกันนี้ หัวเว่ยได้รับรางวัลแบรนด์ที่น่าเชื่อถือสูงสุด “Most Admirable Brand” จากผู้บริโภคและได้รับรางวัล “Thailand TOP Company Award” จากองคมนตรี ด้านโครงสร้างพื้นฐานยอดเยี่ยมเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล และจากการทำงานร่วมกับทีมงานที่ทุ่มเท และผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับเลือกให้เป็นสุดยอด CEO ในด้าน ICT Solutions Excellence

“ผมรู้สึกซาบซึ้งและเป็นเกียรติอย่างยิ่ง เพราะรางวัลเหล่านี้แสดงถึงความสำเร็จทางธุรกิจของเรา ซึ่งแสดงถึงการได้รับการยอมรับจากลูกค้าในประเทศไทย รวมถึงด้านการตอบแทนสังคมและการสร้างคุณค่าในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย”

ด้านธุรกิจผู้ให้บริการ (carrier business) หัวเว่ยเป็นผู้จำหน่ายชิ้นส่วนอันดับ 1 ในตลาดผู้ให้บริการ 5G ของประเทศไทย และในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีการเปิดใช้สถานีฐาน 5G มากกว่า 20,000 แห่ง จำนวนประชากรที่เข้าถึง 5G ครอบคลุมสูงถึง 70% และมีผู้ใช้ 5G ถึง 4.3 ล้านคน ซึ่งมากกว่าจำนวนผู้ใช้ในประเทศอาเซียนอื่น ๆ ถึง 2.5 เท่า อัตราการเข้าถึงเทอร์มินัล 5G และการรับส่งข้อมูล 5G เพิ่มเป็น 10%

นอกเหนือจากงานโครงสร้างพื้นฐาน หัวเว่ยทำงานร่วมกับรัฐบาลและลูกค้าเพื่อขับเคลื่อนเทคโนโลยี 5G ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั้งด้านการแพทย์ 5G, ท่าเรือ 5G, และการเกษตร 5G ให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด นับเป็นการวางรากฐานสำหรับการขยายตัวในอนาคต และในพื้นที่ที่ไม่ใช่ 5G จำนวนผู้ใช้บรอดแบนด์ของประเทศไทยเพิ่มขึ้นเป็น 1.67 ล้านคนในปี พ.ศ. 2564 อัตราการเข้าถึงเพิ่มขึ้นจาก 8% เป็น 60.4% ถือว่าเป็นเครือข่ายที่มั่นคงสำหรับการทำงานและการใช้ชีวิตของผู้คนในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19

ในฐานะการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล ธุรกิจองค์กรของหัวเว่ยมีส่วนร่วมด้านการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลของภาคอุตสาหกรรม และในภาวะวิถีชีวิตใหม่หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 หัวเว่ยได้รวมเทคโนโลยีไอซีทีเข้ากับอุตสาหกรรมหลัก เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย ผลิตภัณฑ์และโซลูชันสำหรับองค์กรของหัวเว่ยในประเทศไทยได้เข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมมากกว่า 10 แห่งในปีที่ผ่านมา รวมถึงเมืองอัจฉริยะ, การเงิน, พลังงาน, การขนส่ง, การบริการอินเทอร์เน็ต (ISP), การศึกษา, การรักษาพยาบาล และอสังหาริมทรัพย์

ในปี พ.ศ. 2564 หัวเว่ยมีพันธมิตรด้านการขายกว่า 800 ราย ด้านโซลูชันกว่า 40 ราย และพันธมิตรด้านการดำเนินงานกว่า 40 ราย รวมถึงพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัลมากกว่า 30 รายในประเทศไทย

หัวเว่ย คลาวด์ ได้เพิ่มการลงทุนในประเทศไทยต่อเนื่องมานานกว่า 3 ปี และ ได้เสริมศักยภาพให้กับคู่ค้าในท้องถิ่นมากกว่า 300 ราย ในกว่า 15 อุตสาหกรรม รวมถึงภาครัฐ, การศึกษา, และการเงิน เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2565 เราได้เปิดตัวศูนย์ข้อมูล Availability Zone แห่งที่ 3 ในกรุงเทพมหานคร

หัวเว่ย คลาวด์ เป็นผู้ให้บริการระบบคลาวด์ระดับสากลรายแรกที่มีศูนย์ข้อมูลถึง 3 แห่งในไทย ด้วยการบริการที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ จากรายงานของการ์ทเนอร์ระบุว่า หัวเว่ย คลาวด์ มีส่วนแบ่งการตลาดใหญ่เป็นอันดับสามในไทย และยังคงเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดคลาวด์

รายงานการสำรวจจากตัวแทนอิสระในปี พ.ศ. 2564 เผยว่าการรับรู้ของสาธารณชนในประเทศไทยเกี่ยวกับ หัวเว่ย คลาวด์ เพิ่มขึ้นถึง 70% เราร่วมสนับสนุนประเทศไทยในการสร้างอีโคซิสเต็มสตาร์ทอัพที่กำลังเติบโตและพัฒนาธุรกิจยูนิคอร์น ด้วยการเปิดตัวการแข่งขัน “Spark-Ignite” เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเข้าถึงสตาร์ทอัพกว่า 1,700 รายและมีผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมถึง 132 ราย

ด้านการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางของคาร์บอน หัวเว่ยได้จัดตั้งหน่วยธุรกิจดิจิทัล พาวเวอร์ ให้บริการในไทยเมื่อปีที่ผ่านมา ช่วยพัฒนาพลังงานสะอาดและสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลของภาคพลังงานเพื่อสร้างสังคมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่ออนาคตที่ดีกว่า ข้อมูลจากรายงานของ IHS Markit และ Wood Mackenzie เปิดเผยว่าเซลล์แสงอาทิตย์อัจฉริยะของหัวเว่ยครองอันดับ 1 ในตลาดโลกต่อเนื่องกันเป็นเวลา 6 ปี นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 และโซลูชันนี้ยังครองส่วนแบ่งการตลาดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยอีกด้วย

“นอกเหนือจากการสร้างความสำเร็จทางธุรกิจ เรายังมุ่งมั่นที่จะมอบสิ่งดี ๆ คืนสู่สังคมและมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนที่เราทำธุรกิจ ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 เราส่งมอบเทคโนโลยี 5G สำหรับการแพทย์ระยะไกล (telemedicine), อุปกรณ์ของใช้ที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน, และโซลูชันระบบคลาวด์ให้กับโรงพยาบาลและชุมชนต่าง ๆ ในประเทศไทย และลงนามบันทึกความเข้าใจกับกระทรวงแรงงานเพื่อส่งเสริมการจ้างงานกลุ่มผู้พิการ และเสริมศักยภาพของผู้เชี่ยวชาญด้านไอซีทีกว่า 41,000 คนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา”

กลยุทธ์ทางธุรกิจในปี พ.ศ. 2565 และมุมมองสู่อนาคตของหัวเว่ย

หัวเว่ยวางแผนปรับใช้กลยุทธ์ทางธุรกิจด้วยการลงทุนในประเทศไทย 4 ด้านหลักด้วยกัน คือ

1.เติมเต็มการใช้งาน 5G ด้วยการเชื่อมต่อที่แพร่หลาย

อย่างที่ทุกท่านทราบแล้วว่า 5G กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในภาคอุตสาหกรรมเทคโนโลยีไอซีทีและการคาดการณ์ร่วมกันของสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (ONDE), Time Consulting และหัวเว่ยว่า ภายในปี พ.ศ. 2578 มูลค่าเศรษฐกิจที่รองรับเทคโนโลยี 5G จะสูงถึง 2.3 ล้านล้านบาท คาดการณ์โดยประมาณคิดเป็น 10% ของมูลค่าจีดีพีทั้งหมด

หัวเว่ยจึงวางแผนขยายการใช้งาน 5G ของประเทศไทยอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ และในปี พ.ศ. 2565 เราหวังว่า 5G จะครอบคลุม 70% ของจำนวนประชากร และอัตราการเข้าถึง 5G จะเพิ่มเป็น 20% จาก 10% ในปัจจุบัน ตามอัตราความพร้อมที่สูงถึง 16% ของทฤษฎีการแพร่กระจายนวัตกรรม ในการร่วมมือกับลูกค้า

โดยจะสนับสนุนให้ประเทศไทยก้าวสู่ความผู้นำในภูมิภาคอาเซียนด้านการปรับใช้ 5G ในอุตสาหกรรมแนวดิ่งอย่างต่อเนื่อง ในปี พ.ศ. 2565 เราจะเปิดตัวโรงพยาบาล 5G, รถพยาบาล 5G, และโซลูชัน AI ในโรงพยาบาล 20 แห่ง นอกจากนี้ เราจะสร้างมาตรฐานใหม่ 3 ด้านในเมือง 5G (5G City) เพื่อรองรับการประชุมสุดยอดผู้นำ APEC ที่จะจัดขึ้นในประเทศไทย สอดรับกับนโยบายดิจิทัลของโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เราวางแผนติดตั้ง 5G ในโรงงาน 100 แห่งใน EEC รวมถึงโรงงานประกอบรถยนต์ 5G

2.สร้างแพลตฟอร์มดิจิทัลบนคลาวด์

ตามรายงานของ Deloitte อัตราส่วนการใช้งานคลาวด์เป็นดัชนีชี้วัดสำคัญของการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล จากปี พ.ศ. 2564 ถึงปี พ.ศ. 2565 การเติบโตด้านการใช้เทคโนโลยีคลาวด์ของบริษัทในไทยเพิ่มจาก 59% เป็น 78%

หัวเว่ย คลาวด์ เป็นผู้ให้บริการคลาวด์เพียงรายเดียวในประเทศไทยที่มีศูนย์เก็บข้อมูลในพื้นที่ถึง 3 แห่ง และการเปิดตัวศูนย์เก็บข้อมูลแห่งที่สาม Available Zone (AZ) ในเดือนนี้ ก็พร้อมพิสูจน์ความมุ่งมั่นในการให้บริการที่น่าเชื่อถือแก่ลูกค้าต่อไป

ในปี พ.ศ. 2565 หัวเว่ย คลาวด์ วางแผนเปิดตัวบริการด้านซอฟต์แวร์คลาวด์ (SaaS) ใหม่กว่า 80 รายการ เพื่อสนับสนุนธนาคาร, SMEs, และผู้ให้บริการเนื้อหา Over-the-top (OTT) ในการนำระบบคลาวด์มาใช้เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล เมื่อเร็ว ๆ นี้หัวเว่ยได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจกับกระทรวงดิจิทัล เพื่อต่อยอดความร่วมมือด้านคลาวด์และสนับสนุนความก้าวหน้าของเศรษฐกิจและสังคมไทย

นอกจากนี้ยังสนับสนุนบริการคลาวด์สำหรับภาครัฐ (Government Cloud Service) และยกระดับความปลอดภัยของข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ในปีพ.ศ. 2565 หัวเว่ยวางแผนจัดการประชุมสุดยอด “Huawei Cloud and Connect” และผมขอชวนสื่อมวลชนทุกท่านเข้าร่วมงานนี้ พร้อมกับผู้นำในอุตสาหกรรมกว่า 4,000 รายเพื่อรับฟังข้อมูลเชิงลึกที่จะช่วยสร้างสรรค์และจุดประกายทางความคิดร่วมกัน

3.กระตุ้นการเปลี่ยนผ่านสู่วิถีชีวิตคาร์บอนต่ำด้วยดิจิทัล พาวเวอร์

ในทศวรรษหน้า ความเปลี่ยนแปลงความต้องการด้านพลังงานของประเทศไทยจะทำให้จีดีพีเติบโตขึ้นประมาณ 1% และปี พ.ศ. 2565 ก็นับเป็นปีสำคัญ เพราะเป็นปีเริ่มต้นของการประกาศแผนงานความเป็นกลางทางคาร์บอน ปี พ.ศ. 2593 ของประเทศไทย

หัวเว่ยให้คำมั่นที่จะสนับสนุนประเทศไทยให้เป็นผู้นำนโยบายคาร์บอนต่ำในภูมิภาคอาเซียน และเรามั่นใจว่าจะบรรลุเป้าหมายนี้ด้วยผลิตภัณฑ์และโซลูชันดิจิทัล พาวเวอร์

ด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปีในอุตสาหกรรมพลังงาน พนักงานด้านวิจัยและพัฒนาเฉพาะด้านกว่า 6,000 คน รวมถึงการจัดสรรเงินทุน 20% จากรายได้ทั้งหมดในปีที่ผ่านมา สำหรับด้านการวิจัยและพัฒนา และในปี พ.ศ. 2564 หัวเว่ยได้จัดตั้งสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกสำหรับธุรกิจดิจิทัล พาวเวอร์ขึ้นที่กรุงเทพมหานคร

ในปี พ.ศ. 2565 ธุรกิจ ดิจิทัล พาวเวอร์ ของหัวเว่ย จะเปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ในประเทศไทย เช่น ผลิตภัณฑ์อินเวอร์เตอร์ไฟฟ้าพร้อมโซลาร์เซลล์อัจฉริยะรุ่นใหม่ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น และในช่วงครึ่งปีหลัง เราวางแผนเปิดตัวแท่นชาร์จไฟฟ้ากระแสสลับและแท่นชาร์จไฟฟ้ากระแสตรงประสิทธิภาพสูงสำหรับสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า

4.เสริมศักยภาพผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัลและพัฒนาอีโคซิสเต็มด้านนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง

ในปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีธุรกิจยูนิคอร์นใหม่ 2 แห่ง ซึ่งต่างมีมูลค่าบริษัทรวม 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หัวเว่ยในฐานะผู้นำเชิงรุกในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลที่มุ่งตอบแทนสังคม และมุ่งมั่นลงทุนอย่างต่อเนื่องในศูนย์เรียนรู้อีโคซิสเต็มเชิงนวัตกรรม 5G (5G Ecosystem Innovation Center) เพิ่มจำนวนพันธมิตรจาก 70 รายเป็น 120 รายในปีนี้ การพัฒนาเครือข่ายพันธมิตรของหัวเว่ย คลาวด์จะเติบโตอย่างรวดเร็วและคาดว่าจำนวนพันธมิตรจะเพิ่มขึ้นจาก 300 เป็น 500 ราย

สานต่อโครงการ Huawei Cloud Spark อย่างต่อเนื่องสำหรับนักพัฒนาโปรแกรมและสตาร์ทอัพในประเทศไทย ช่วยเสริมศักยภาพนักพัฒนาโปรแกรมมากกว่า 2,000 รายและสตาร์ทอัพจำนวน 300 รายต่อเนื่องทุกปี สำหรับการสร้างผู้เชี่ยวชาญทางดิจิทัลรุ่นใหม่

มุ่งขยาย Huawei ASEAN Academy, Seeds for the Future Program ซึ่งเป็นโครงการฝึกอบรมร่วมกับมหาวิทยาลัย 23 แห่ง เพื่อปลูกฝังการเรียนรู้ให้กับบุคลากรผู้มีความสามารถด้านดิจิทัลถึง 20,000 คนในปี พ.ศ. 2565

“หัวเว่ยเชื่อมั่นในพลังของเทคโนโลยี พลังของความพากเพียร และพลังของการทำงานร่วมกัน ผมมั่นใจอย่างยิ่งว่าหากเราทำงานร่วมกับลูกค้าและพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง เราจะบรรลุเป้าหมายการนำดิจิทัลมาสู่ทุกคน ทุกบ้าน และทุกองค์กรเพื่อประเทศไทยที่เชื่อมต่อกันอย่างอัจฉริยะและคาร์บอนต่ำเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” อาเบล เติ้ง กล่าวสรุป

supersab

Recent Posts

“Trumpism 2.0” กระแทกโลก! สกสว. ชี้ไทยต้องเร่งเครื่อง BCG Economy ดันนวัตกรรมรับมือ ตั้งเป้าปั้นไทยเป็นฮับเทคโนโลยีอาเซียน ดึงต่างชาติร่วมลงทุน

ในยุคที่ "Trumpism" กำลังเขย่าวงการโลกอีกครั้ง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ได้จัดเวทีเสวนา “Trump 2.0 วิกฤตหรือโอกาสของระบบ ววน. ไทย” เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบจากนโยบาย "America…

6 minutes ago

องค์กร 61% กังวลความปลอดภัยคลาวด์ ฟอร์ติเน็ตแนะใช้แพลตฟอร์มรวมศูนย์-เสริมทักษะรับมือภัยคุกคามยุคใหม่

ฟอร์ติเน็ต เปิดเผยผลสำรวจล่าสุดจากรายงานสถานะความปลอดภัยระบบคลาวด์ประจำปี 2568 (2025 State of Cloud Security Report) ซึ่งจัดทำโดย Cybersecurity Insiders ชี้ให้เห็นว่า องค์กรส่วนใหญ่กำลังเผชิญกับความท้าทายในการรักษาความปลอดภัยบนคลาวด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการปฏิบัติตามกฎระเบียบและการปกป้องข้อมูล…

10 minutes ago

เปิดเทรนด์ “Conscious Travel” สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

ยุคสมัยที่โรงแรมเป็นเพียง "ที่นอน" ได้ลาจากไปแล้ว! นักท่องเที่ยวไทยยุคใหม่กำลังมองหาประสบการณ์ที่มากกว่าการพักผ่อน พวกเขาต้องการสัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่น และใส่ใจความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม เทรนด์ "Conscious Travel" หรือการเดินทางอย่างมีสติกำลังมาแรง สะท้อนผ่านพฤติกรรมการพักผ่อนที่ยาวนานขึ้นในโรงแรม พร้อมแสวงหาประสบการณ์สุดพิเศษที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคล เจาะลึกเทรนด์นักท่องเที่ยว จากรายงาน Changing…

20 minutes ago

ไชน่า ยูนิคอม ผนึกกำลัง หัวเว่ย เร่งเครื่อง 5G-Advanced ทั่วเอเชีย

ไชน่า ยูนิคอม ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญในการพัฒนาเครือข่าย 5G ไปอีกขั้น ด้วยการเปิดตัวแผนปฏิบัติการ 5G-Advanced อย่างเป็นทางการ ในงานแถลงข่าว "Powering the Asian Winter Games with…

32 minutes ago

“Super AI Engineer Season 5” เปิดตัวยิ่งใหญ่ ผนึกกำลังภาครัฐ-เอกชน-ประชาสังคม ปั้นบุคลากร AI เสริมแกร่งขีดความสามารถแข่งขันประเทศไทย

ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) โครงการ Super AI Engineer Season 5 ได้ฤกษ์เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว โดยเป็นการรวมพลังครั้งสำคัญจากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อร่วมกันพัฒนาบุคลากรด้าน AI ของไทยให้มีทักษะและความสามารถที่ทัดเทียมนานาชาติ…

46 minutes ago

“โค้ก” ซีโร่ กลิ่นวานิลลา: เขย่าตลาดเครื่องดื่ม เติมความซ่าส์ หอมหวานลงตัว เอาใจ Gen Z

โค้ก โดยกลุ่มธุรกิจโคคา-โคล่า ในประเทศไทย สร้างความฮือฮาให้กับตลาดเครื่องดื่มอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัว "โค้ก" ซีโร่ กลิ่นวานิลลา ความอร่อยใหม่ที่ผสานความซ่าส์อันเป็นเอกลักษณ์ของ "โค้ก" เข้ากับความหอมหวานละมุนละไมของวานิลลาได้อย่างลงตัว ที่สำคัญคือมาในสูตรไม่มีน้ำตาล ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen…

14 hours ago