Technology IT

2 ปี ขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติ เดินหน้าครบทุกมิติพัฒนาคน สร้างนวัตกรรม หนุนโครงสร้างพื้นฐาน AI ให้ประเทศ

เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้ก้าวขึ้นมาเป็นปรากฏการณ์สำคัญของโลก โดยได้รับความคาดหมายในฐานะเครื่องมือทางเศรษฐกิจและสังคมของโลกในยุคใหม่ บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ทั่วโลกต่างเร่งพัฒนา AI ของตนเองอย่างเข้มข้นและรวดเร็วจนนำไปสู่ AI ที่มีความสามารถใกล้เคียงมนุษย์ (Artificial General Intelligence) อย่างไรก็ตามการขาดธรรมาภิบาลในการพัฒนาและใช้งาน AI อาจนำมาซึ่งความท้าทายสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างไม่เป็นธรรม การใช้ทดแทนแรงงานมนุษย์โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบรอบด้าน การละเมิดความเป็นส่วนตัว ตลอดจนภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ซับซ้อนขึ้น ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้ ประเทศไทยได้แสดงความพร้อมรับมือผ่าน “แผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศไทย พ.ศ. 2565-2570” ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม 2565 โดยมีการขับเคลื่อนมาแล้ว 2 ปี ภายใต้การบูรณาการความร่วมมือระหว่าง 2 กระทรวงหลัก ได้แก่ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดศ.)

ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า การจัดทำแผนปฏิบัติการ AI แห่งชาติตลอดสองปีที่ผ่านมามีผลการดำเนินงานที่สำคัญในด้านต่าง ๆ ได้แก่ ด้านจริยธรรมและธรรมาภิบาล มีการจัดทำคู่มือแนวทางการประยุกต์ใช้ AI อย่างมีธรรมาภิบาลสำหรับองค์กร พร้อมเครื่องมือประเมินด้าน AI อีกทั้งยังสร้างความร่วมมือกับเครือข่ายต่างประเทศเพื่อร่วมนำเสนอและรับฟังความคิดเห็นแนวทางการกำกับดูแล AI ในระดับสากลเพื่อนำมาเตรียมความพร้อมด้านจริยธรรมและธรรมภิบาล AI ของไทย ด้านโครงสร้างพื้นฐาน มีการพัฒนาแพลตฟอร์มกลางบริการ AI ประเทศไทย (National AI Service platform) ภายใต้การสนับสนุนของ GDCC มีจำนวนการใช้งานโดยเฉลี่ยเดือนละ 1 ล้านครั้งต่อเดือน รวมทั้งให้บริการ LANTA ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพการคำนวณอันดับ 1 ในอาเซียน สำหรับการวิจัยด้าน AI ของภาครัฐและเอกชน ด้านการพัฒนากำลังคนด้าน AI ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่สุดของแผนฯ ซึ่งในปีที่ผ่านมาได้ดำเนินพัฒนากำลังคนด้าน AI ผ่านการพัฒนาทักษะทางด้าน AI ในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ แพลตฟอร์มออนไลน์ที่เรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง หลักสูตรอบรมทักษะ AI ระยะสั้นและหลักสูตรพัฒนาทักษะ AI ที่ผสมผสานตั้งแต่การเรียนรู้ด้วยตนเองจนปิดท้ายด้วยการฝึกงานในสถานที่จริงเป็นจำนวนรวมมากกว่า 1 แสนคน โดยแผนพัฒนากำลังคนด้าน AI มีกรอบดำเนินการใน 3 ส่วน แบ่งตามช่วงชีวิตการเรียนรู้ของคน ดังนี้

(1) AI@School เพื่อสร้างผู้สอนและบรรจุหลักสูตร AI สำหรับนักเรียนทุกช่วงชั้นให้มีความตระหนักและทักษะทางด้าน AI เบื้องต้น
(2) AI@University เพื่อพัฒนาทักษะ AI ทุกระดับอย่างต่อเนื่องในระบบอุดมศึกษา
(3) AI@Lifelong Learning เพื่อสนับสนุนให้ทุกคนในทุกช่วงวัยและทุกระดับการศึกษาสามารถเรียนรู้และพัฒนาทักษะ AI ได้ตลอดช่วงชีวิต

ตอบรับนโยบาย อว. For AI ทั้ง 3 เรื่องหลัก ได้แก่

(1) AI for Education การใช้ AI ในการเรียนการสอนให้คนไทยมีศักยภาพสูงสุดและเร็วที่สุด
(2) AI workforce development การพัฒนาบุคลากรด้าน AI และการสร้างพื้นฐานด้าน AI ให้คนไทยในระบบการศึกษาและตลาดแรงงาน
(3) AI innovation ด้านการสนับสนุนนวัตกรรม AI สู่ตลาด

ได้ส่งเสริมให้สตาร์ตอัปพัฒนาต้นแบบนวัตกรรมและเทคโนโลยีจาก AI มากกว่า 50 ต้นแบบผลิตภัณฑ์ส่วนด้านการวิจัยและนวัตกรรม ได้ดำเนินการนำ AI เพิ่มประสิทธิภาพการวิเคราะห์ข้อมูลประชากรขนาดใหญ่ เพื่อการวางแผนยุทธศาสตร์ของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยมีผู้ได้รับประโยชน์มากกว่า 6 แสนคน มีหน่วยงานภาครัฐนำไปใช้ประโยชน์ 220 หน่วยงาน ครอบคลุม 17 จังหวัดทั่วประเทศ และการจัดตั้งเครือข่ายความร่วมมือ Medical AI Consortium เพื่อรวบรวมและเผยแพร่ข้อมูลขนาดใหญ่ด้านการแพทย์และสาธารณสุข (Medical AI Data Sharing) ในปัจจุบันมีข้อมูลภาพถ่ายทางการแพทย์มากกว่า 1.6 ล้านภาพ

ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการดำเนินงานขับเคลื่อนแผน AI แห่งชาติตามแผนยุทธศาสตร์ในด้านต่าง ๆ ในปีที่ผ่านมาได้สะท้อนผ่านการจัดอันดับดัชนีความพร้อมด้านปัญญาประดิษฐ์ของรัฐบาล (AI Government Readiness Index) ปี 2566 ที่ประเทศไทยยังคงรักษาตำแหน่งในกลุ่ม 40 อันดับแรกของโลก ท่ามกลางการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้นและจำนวนประเทศที่เข้าร่วมการจัดอันดับที่เพิ่มขึ้น โดยอยู่ในลำดับที่ 37 จาก 193 ประเทศ แม้จะปรับตัวลง 6 อันดับจากปีก่อนที่อยู่ในลำดับที่ 31 จาก 181 ประเทศ เมื่อพิจารณาในรายละเอียด พบว่าไทยมีจุดแข็งในด้านภาครัฐที่ได้ 77.21 คะแนน และด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ได้ 70.55 คะแนน สะท้อนความพร้อมของกลไกภาครัฐและระบบโครงสร้างพื้นฐานในการรองรับการพัฒนา AI ขณะที่ด้านเทคโนโลยีได้ 41.33 คะแนนซึ่งสูงขึ้นจากปีก่อน แต่ก็ยังเป็นส่วนสำคัญที่ไทยต้องเพิ่มการพัฒนาต่อยอดเพื่อยกระดับขีดความสามารถด้าน AI ในองค์รวมของประเทศในระยะต่อไป

ด้าน ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) ในฐานะผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศไทย กล่าวว่า เนคเทค ในฐานะองค์กรที่มีบทบาทด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และสารสนเทศขั้นสูงให้กับประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านเทคโนโลยี AI ที่สั่งสมประสบการณ์วิจัยและพัฒนามากว่า 20 ปี โดยได้ส่งมอบแพลตฟอร์มให้บริการปัญญาประดิษฐ์สัญชาติไทยหรือ AI for Thai ให้เป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานสำคัญด้าน AI ของประเทศ และแผนปฏิบัติการ AI แห่งชาติ ในฐานะแพลตฟอร์มกลางบริการ AI ประเทศไทย (National AI Service platform) ภายใต้การสนับสนุนของ GDCC และหน่วยงานพันธมิตร ซึ่งให้บริการ API มากกว่า 60 รายการ ครอบคลุมการประมวลผลภาษาไทย ทั้งด้านภาพ เสียง และข้อความ และมียอดการใช้งานสะสม 53 ล้านครั้ง นอกจากนี้เนคเทคและพันธมิตรยังร่วมพัฒนา ‘OpenThaiGPT’ แบบจำลองภาษาไทยขนาดใหญ่ (Large Language Model) ในรูปแบบโมเดลพื้นฐานแบบโอเพนซอร์ส (Open-source Foundation Model) ที่ตอบสนองความต้องการด้านการประมวลผลภาษาไทย

ปัจจุบันมี 5 หน่วยงานทดลองนำระบบไปประยุกต์ใช้งาน (Proof of Concept) ได้แก่ สภาผู้แทนราษฎร ศูนย์ดัชนีการอ้างอิงวารสารไทย สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ และกรมสรรพากร และเป็นโมเดลพื้นฐานของการเปิดตัว 22 บริการใหม่บน AI for Thai (www.aiforthai.co.th) โดยมีไฮไลท์ คือ “ปทุมมา LLM” Generative AI ที่สามารถประมวลข้อมูลภาษาไทยได้หลากหลายทั้งรูปภาพ เสียง และข้อความ ถามตอบได้อย่างเป็นธรรมชาติ สามารถบรรยายรูป (image captioning) ถอดและบรรยายเสียง (ASR and ACC) วิเคราะห์อารมณ์ผู้พูด (Audio Analysis) ถามตอบจากเสียง (Audio QA) อีกทั้งยังสามารถเข้าใจและสรุปสาระสำคัญของเอกสารราชการ หรืองานวิจัยได้อีกด้วย นอกจากนี้ผู้ใช้งานยังสามารถพูดคุยตอบโต้หรือตั้งคำถามกับเอกสารที่กำหนดได้อย่างเป็นธรรมชาติ สามารถใช้งาน “ปทุมมา LLM” ได้ที่ https://aiforthai.in.th/pathumma-llm

ท่านที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศไทย และรายงานผลการดำเนินงาน ประจำปี 2567 ได้ที่ https://www.ai.in.th/ ตั้งแต่ 15 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป

HPE ประกาศขยายระบบ ‘HPE Aruba Networking Central’ เดินหน้าการขับเคลื่อนด้วย AI มุ่งยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้งานผ่านนวัตกรรมแห่งอนาคต

supersab

Recent Posts

Huawei เปิดตัวโซลูชันการใช้ชีวิตแบบยั่งยืน “ชาร์จในเวลากลางวัน ส่องสว่างในเวลากลางคืน”

หัวเว่ย ดิจิทัล พาวเวอร์ ประกาศเปิดตัว “โซลูชันการใช้ชีวิตสีเขียว” (Green Living Solution) แนวทางสร้างสรรค์การใช้พลังงานอย่างยั่งยืน ออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงานสูงสุด พร้อมรับรองความเสถียรในการใช้พลังงานอย่างต่อเนื่องไม่มีสะดุดสำหรับเจ้าของบ้าน โดยโซลูชันนี้มาพร้อมแนวคิด “ชาร์จในเวลากลางวัน ส่องสว่างในเวลากลางคืน” (Charge…

42 mins ago

บางจากฯ จับมือ CPF ร่วมสร้างพลังงานแห่งอนาคต นำน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วผลิต SAF

บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ จัดพิธีลงนามในบันทึกความร่วมมือด้านความยั่งยืนทางธุรกิจ ในเรื่องการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนจากน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว ภายใต้ความร่วมมือนี้…

51 mins ago

Whoscall ผนึก VML Thailand จัดแคมเปญ “สมุดหน้าโจร (Scammer Pages)” โชว์เบอร์มิจฉาชีพกว่า 1.5 ล้านเบอร์ในเล่มเดียว

บริษัท โกโกลุก (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน Whoscall ร่วมมือกับ VML Thailand ชวนคนไทยตระหนักรู้ และเท่าทันกลลวงจากมิจฉาชีพที่มาทางโทรศัพท์ เพื่อโจรกรรมและก่อภัยเงียบต่อทรัพย์สินและความมั่นคงของครอบครัวและสังคมไทย ดึงไอคอนิคไอเทมอย่าง “สมุดหน้าเหลือง” สู่ไอเดียสร้างสรรค์แคมเปญ…

1 hour ago

“ซินเนอร์จี โกรท” ปฏิวัติวงการแต่งบ้าน เปิดตัว Wizlah TH แพลตฟอร์มใหม่ สร้างคอมมูนิตี้คนรักดีไซน์ พร้อมอินสไปร์ไอเดีย ครบจบในที่เดียว

ซินเนอร์จี โกรท ดิจิทัลแพลตฟอร์มในเครือพฤกษา โฮลดิ้ง ที่วางเป้าหมายมุ่งยกระดับชีวิตผู้คนผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล กับบริการอีคอมเมิร์ซออนไลน์แบบครบวงจร เดินหน้าพัฒนาและต่อยอดธุรกิจจนก่อเกิดเป็นแอปพลิเคชัน Wizlah TH คอมมูนิตี้ใหม่ของคนรักงานดีไซน์ ที่พลิกโฉมวงการออกแบบและตกแต่งบ้าน มอบประสบการณ์ใหม่ภายใต้คอนเซปต์ “เเต่งบ้านเรื่องง่าย อินสไปร์ ไม่รู้จบ…Endless…

3 hours ago

แพทย์ รพ.วิมุต แนะเลี่ยงผลิตภัณฑ์แปรรูป หนึ่งปัจจัยเสี่ยงมะเร็งเต้านม

ในยุคที่ชีวิตเร่งรีบ อาหารแปรรูปกลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมของคนทุกวัย ด้วยความสะดวก รสชาติอร่อยถูกปาก และหาซื้อได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นไส้กรอก แฮม หรืออาหารกระป๋อง แต่หลายคนอาจไม่รู้ว่าอาหารเหล่านี้เต็มไปด้วยสารกันบูดและสารเคมี ถ้ากินบ่อย ๆ ก็จะเพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็ง ซึ่งรวมถึง “มะเร็งเต้านม” ได้เช่นกัน…

24 hours ago

รู้ก่อนขาย! ช้อปปี้ เผย 3 ข้อควรรู้ เสริมความปลอดภัยในธุรกิจออนไลน์ สร้างความมั่นใจให้ผู้ซื้อ ขยายโอกาสให้ผู้ขาย

ในยุคที่การช้อปปิ้งออนไลน์กลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับมาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้าเป็นอย่างยิ่ง ช้อปปี้ จึงมุ่งมั่นยกระดับมาตรฐานด้านความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นและมั่นใจในทุกประสบการณ์การซื้อขายบนแพลตฟอร์ม ช้อปปี้มุ่งมั่นในการมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่เหนือระดับ พร้อมสนับสนุนการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด สำหรับผู้ซื้อ เรามอบประสบการณ์การช้อปที่ปลอดภัย ยุติธรรม และมีคุณภาพสูงสุด เพื่อสร้างความมั่นใจในทุกการทำธุรกรรม ซึ่งทำให้ทุกการช้อปปิ้งเป็นไปได้อย่างราบรื่น ด้านผู้ขาย ช้อปปี้มุ่งยกระดับความเชื่อมั่นในด้านการดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับกฎหมาย…

24 hours ago