AIS อุ่นใจ Cyber จับมือ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ตำรวจไซเบอร์ ร่วมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับคนไทยให้มีความเข้าใจด้านการใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัยห่างไกลภัยจากกลุ่มมิจฉาชีพ ในวัน Safer Internet Day มุ่งเน้นการสื่อสารอย่างตรงประเด็นเน้นย้ำ ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน เพื่อลดปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
พร้อมยกระดับเครื่องมือการใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย AIS Secure Net บริการที่ช่วยแจ้งเตือน และปกป้องคุณจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ทั้งทางเครือข่ายมือถือและเน็ตบ้านสำหรับลูกค้า AIS รวมถึงบริการ Google Family Link สำหรับลูกค้าทุกเครือข่าย ที่ผู้ปกครองสามารถ ดูแลการใช้งานโทรศัพท์ รวมถึงดูแลความปลอดภัยจากพิกัดปัจจุบันของบุตรหลานได้ ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างเหมาะสม
–HMD เปิดตัวแท็บเล็ต Nokia T20 ในไทย ราคา 8,590 บาท
–เทคโนโลยีการสื่อสารและการสร้างแบบจำลองสามมิติในถ้ำ ประโยชน์ต่อการรับมือพิบัติภัยและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว
ปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหาร กลุ่มลูกค้าทั่วไป AIS อธิบายว่า “ในปี 2564 ที่ผ่านมา จากการเก็บข้อมูลของ AIS อุ่นใจ Cyber มีภัยที่เกิดขึ้นจากการใช้อินเทอร์เน็ตที่หลากหลายรูปแบบซึ่งสร้างความเสียหายให้กับคนไทยและลูกค้าเป็นอย่างมาก โดยยังคงมีคนไทยที่ตกเป็นเหยื่อเนื่องจากขาดภูมิคุ้มกันในการรับมือกับกลุ่มมิจฉาชีพที่แฝงตัวมากับสถานการณ์ของบ้านเมืองในรูปแบบต่างๆ เราจึงถือโอกาสพิเศษในวัน Safer Internet Day จับมือกับตำรวจไซเบอร์ ร่วมกันแก้ปัญหาที่ต้นเหตุด้วยการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันภัยจากอาชญกรรมทางเทคโนโลยีรูปแบบต่างๆ ผ่านการสื่อสารไปยังกลุ่มประชาชนร่วมกัน
นอกจากนี้ AIS ยังมีเครื่องมือที่เป็นเสมือนกับเกราะป้องกันภัยจากโลกไซเบอร์ที่เปิดให้บริการสำหรับลูกค้าได้ใช้งานฟรีกับ AIS Secure Net บริการที่ช่วยแจ้งเตือนภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่มาจากการใช้งานอินเทอร์เน็ตทั้งบนเครือข่ายมือถือและเน็ตบ้าน ที่วันนี้มีลูกค้าใช้งานแล้วกว่า 142,016 คน ที่สามารถป้องกันภัยคุกคามไซเบอร์จากการใช้งานอินเทอร์เน็ตในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น สแปม ฟิชชิ่ง ไวรัสต่างๆ ควบคู่ไปกับการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์กับบริการ Google Family Link สำหรับลูกค้าทุกเครือข่าย ที่สามารถดูแลการใช้งานโทรศัพท์มือถือของบุตรหลานให้อยู่บนความปลอดภัยและสร้างสรรค์”
ทางด้าน พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี กล่าวว่า “ในปีที่ผ่านมามีคดีความทางเทคโนโลยีเกิดขึ้นกว่า 4,239 คดี คิดเป็นเม็ดเงินที่สร้างความเสียหายมากกว่า 7,000 ล้านบาท เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงออนไลน์ด้านการเงิน ด้านการขายสินค้าออนไลน์/สินค้าผิดกฎหมาย การเผยแพร่ข่าวปลอม การแฮ็กระบบ การพนันออนไลน์ หรือแม้แต่การล่วงละเมิดทางเพศ ทั้งหมดเป็นผลมาจากการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างผิดวิธี ขาดสติยั้งคิดของทั้งมิจฉาชีพและเหยื่อผู้เสียหายที่รู้ไม่เท่าทัน
ด้วยภารกิจของกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีคือการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ผ่านการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ และในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสอันดีในการเริ่มต้นทำงานร่วมกับภาคเอกชนอย่าง AIS ที่เห็นความสำคัญของภัยจากการหลอกลวงทางไซเบอร์ ในการร่วมกันสื่อสารเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประชาชนไทยห่างภัยไซเบอร์
วันนี้อาชญากรรมทางเทคโนโลยีเป็นเสมือนกับเชื้อโรคที่สร้างผลกระทบให้กับทั้งด้านชีวิตและทรัพย์สิน เราต้องร่วมกันฉีดวัคซีนทางความรู้ให้ประชาชนมีสติรู้เท่าทันโดยต้อง ไม่เชื่อ สรรพคุณอวดอ้างหรือการชักจูงในทุกรูปแบบ ไม่รีบ ตัดสินใจพูดคุยให้ข้อมูลส่วนตัวหรือตกลงเพราะความกลัว สุดท้ายต้องไม่โอนเด็ดขาด หากเข้าใจและนำ 3 ไม่ คือ ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน ไปใช้ในการรับมือ ก็จะเป็นภูมิคุ้มกันชั้นดีที่ทำให้เราปลอดภัยจากโลกไซเบอร์”
ปรัธนา กล่าวต่อไปอีกว่า “โดยการทำงานของ AIS อุ่นใจ Cyber เป็นการบูรณาการร่วมกันของมิติต่างๆ ทั้งการเป็นศูนย์กลางด้านข้อมูลการสื่อสารแจ้งเตือนและให้ความรู้กับคนไทยอย่างต่อเนื่อง มาจนถึงการทำงานร่วมกับตำรวจไซเบอร์ในครั้งนี้ก็จะเป็นการเสริมมิติของการให้ข้อมูลเชิงลึกที่ถูกต้องทั้งการรับมือ แนวทางในการป้องกันและการดำเนินการทางกฎหมาย รวมถึงการพัฒนาเครื่องมือการป้องกันภัยเพื่อแก้ปัญหาที่ต้นเหตุไปพร้อมๆ กัน มีเป้าหมายเพื่อให้คนไทยอุ่นใจจากการใช้งานบนโลกไซเบอร์ในฐานะเพื่อนคู่คิดที่จะเดินหน้าช่วยเหลือ ตรวจสอบ และดำเนินการตามกฎหมายขั้นสูงสุดกับมิจฉาชีพตอกย้ำภารกิจการใช้งานให้ลูกค้าอยู่กับ AIS ปลอดภัยที่สุด”