ลือ Apple เจรจา OpenAI อีกครั้งเพื่อสร้างแชทบอทสำหรับ iPhone ขณะที่ยังคงพูดคุยกับ Google อยู่เช่นกัน

ลือ Apple เจรจา OpenAI อีกครั้งเพื่อสร้างแชทบอทสำหรับ iPhone ขณะที่ยังคงพูดคุยกับ Google อยู่เช่นกัน

มีรายงานข่าวจากต่างประเทศว่า Apple กลับมาพูดคุยกับ OpenAI ผู้สร้าง ChatGPT อีกครั้ง เพื่อพัฒนาฟีเจอร์ AI ใน iOS 18 ตามรายงานใหม่ใน Bloomberg Apple ยังสร้าง Large Language Models (LLM) ของตัวเองเพื่อขับเคลื่อนฟีเจอร์บางอย่างของ iOS 18 แต่การพูดคุยกับ OpenAI นั้นเน้นไปที่ “แชทบอท/องค์ประกอบการค้นหา” ขณะเดียวกันก็กำลังเจรจากับ Google เพื่อนำ Gemini แชทบอทที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของ Google สำหรับ iOS 18 โดยมีการคาดเดาว่าสุดท้ายแล้วอาจจะลงเอยด้วยการใช้เทคโนโลยี AI จากทั้งสองบริษัทหรือไม่เลือกใครเลย

จนถึงตอนนี้ Apple ยังคงเงียบอยู่กับการพัฒนาด้าน AI ถึงแม้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ Tim Cook จะได้กล่าวไว้ว่า “Apple กำลังทำงานและลงทุนในปัญญาประดิษฐ์ต่อไป” และ “ตื่นเต้นที่จะแบ่งปันรายละเอียดเกี่ยวกับงานที่กำลังดำเนินอยู่ของเราในด้านนั้นในปลายปีนี้” โดยอ้างว่า M3 MacBook Air ใหม่ล่าสุดที่เปิดตัวเมื่อเดือนที่แล้วคือ “แล็ปท็อปสำหรับผู้บริโภคที่ดีที่สุดในโลกสำหรับ AI” และมีรายงานว่าจะเริ่มเปิดตัวแล็ปท็อปและเดสก์ท็อปที่เน้น AI ในปลายปีนี้ และเมื่อต้นสัปดาห์นี้ Apple ยังได้เปิดตัวโอเพ่นซอร์สของ Large Language Models (LLM) จำนวนหนึ่งที่ออกแบบมาเพื่อทำงานบนอุปกรณ์มากกว่าในระบบคลาวด์

ทั้งนี้นอกจาก OpenAI และ Google แล้ว ยังมี DarwinAI บริษัทสตาร์ทอัพด้าน AI ที่ Apple เข้าซื้อกิจการเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งจะเข้ามาช่วยพัฒนาระบบ AI ให้เล็กลงและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

AI กับ iOS 18 อาจจะได้เห็นอะไรบ้าง

จากอดีตที่ผ่านมาทำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Apple ที่จะบูรณาการ AI เข้ากับผลิตภัณฑ์ เพื่อปรับปรุงการทำงานระหว่างอุปกรณ์กับผู้ใช้ ปรับปรุงฟังก์ชันการทำงาน และโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมทั่วทั้งระบบนิเวศ สำหรับ Siri ผู้ช่วยเสมือนของ Apple ใช้เทคโนโลยี AI ตัวแรกๆ ที่เข้ามาให้ความช่วยเหลือผ่านการสั่งงานด้วยเสียงสำหรับงานต่างๆ เช่น การตั้งค่าการเตือนความจำ การส่งข้อความ การโทร และการตอบคำถาม แต่กับ iOS 18 ที่กำลังจะเปิดตัวเร็วๆ นี้เราอาจจะได้เห็นอะไรใหม่ๆ อีกมากมาย เช่น

1.เพิ่มความสามารถ Generative AI ในแอปฯ:

iOS 18 มีแนวโน้มที่จะนำคุณสมบัติ AI ทั่วไปมาสู่แอปฯ ต่างๆ ของ iPhone เช่น การค้นหาด้วย Spotlight, Siri, Safari, Shortcuts, Apple Music, Message, สุขภาพ, ตัวเลข, หน้า และ Keynote

นอกจากนี้ความสามารถด้าน Generative AI ยังอาจมีฟีเจอร์ขั้นสูงเพิ่มเติม เช่น การตอบคำถาม การสร้างข้อความ และการสร้างเนื้อหาภายในแอปฯ

2.On-Device AI Processing:

Apple มุ่งเน้นไปที่การใช้งานโมเดล AI โดยตรงบน iPhone แทนที่จะพึ่งพาการประมวลผลบนคลาวด์ ซึ่งวิธีการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัว ลด latency และการเปิดใช้งานฟีเจอร์ AI สามารถทำงานได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

3.เพิ่มความสามารถ Siri:

iOS 18 จะนำการปรับปรุงความสามารถของ Siri ให้สามารถจัดการกับคำถามที่ซับซ้อนได้ดีขึ้นผ่าน LLM ได้

4.AI-Powered Text Enhancements:

คุณสมบัติต่างๆ เช่น ความสามารถในการเขียนข้อความใหม่ ให้เหมาะสมกับคู่สนทนา หรือแนะนำการเติมประโยคให้สมบูรณ์มากขึ้น

5.AI App Store

เข้ามาช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างและเผยแพร่แอปฯและฟีเจอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI สำหรับอุปกรณ์ iOS

ทั้งนี้ การนำ AI เข้ามาอยู่ใน iOS 18 และ iPhone ในอนาคต ยังมีข้อกังวลอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นด้านความเป็นส่วนตัวหากนำ AI เข้ามาช่วยประมวลผล หรือด้านข้อจำกัดของอุปกรณ์ จะมี iPhone รุ่นไหนบ้างที่จะได้ใช้ฟีเจอร์ AI เพราะการประมวลผลต้องเป็นเครื่องที่ประสิทธิภาพสูงระดับหนึ่ง

AIS จับมือ กสทช. ดูแลผู้พิการรอบด้าน ตอกย้ำดิจิทัลเป็นหัวใจการสร้างความเท่าเทียมแก่ทุกกลุ่ม

Scroll to Top