Autodesk ชี้ BIM 2.0 โซลูชันที่นักออกแบบต้องใช้

Autodesk ชี้ BIM 2.0 โซลูชันที่นักออกแบบต้องใช้

ออโต้เดสก์ ปักหมุดประเทศไทย จัดประชุม Autodesk Converge 2023 รวบรวมผู้นำจากอุตสาหกรรมสถาปัตยกรรม วิศวกรรมและการก่อสร้าง และการออกแบบและการผลิตกว่า 250 ราย แลกเปลี่ยนมุมมองการใช้เทคโนโลยีใหม่ทรานส์ฟอร์มภาคอุตสาหกรรมในอาเซียน ชี้ BIM 2.0 คือโซลูชันที่นักออกแบบต้องใช้

Autodesk จัดงาน Converge 2023 ที่ไทยครั้งแรก

Serene Sia กรรมการผู้จัดการภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Autodesk ASEAN กล่าวว่า ประเทศไทยมีการทำ Digital transformation ในหลายภาคส่วนธุรกิจ แต่ที่น่าสนับสนุนเพิ่มเติมคือในส่วนของภาคการผลิตและโรงงานอุตสาหกรรม จึงได้จัดงาน Autodesk Converge 2023 ที่ประเทศไทยเป็นครั้งแรก ในหัวข้อ “State of Design and Make” โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากอุตสาหกรรมสถาปัตยกรรม วิศวกรรมและการก่อสร้างรวมถึงการออกแบบและการผลิตมาร่วมให้ความรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เช่น เรื่อง Digital Transformation in the age of Design and Make for AEC , เรื่อง D&M – Disruption Creates Opportunity เป็นต้น

Lenovo นำเสนอเทคโนโลยีและสร้างการเรียนรู้ร่วมกัน เพื่อก้าวไปสู่ยุคใหม่ของการศึกษา

ทั้งนี้ Autodesk ต้องการส่งต่อความรู้และเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดรวมถึงการบอกเล่าความสำเร็จเพื่อให้เกิดการจ่อยอดพัฒนาอุตสาหกรรมและมีส่วนร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรมของประเทศต่างๆ ในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนอย่างเป็นรูปธรรมผ่านกิจกรรม Autodesk ASEAN Innovation Awards 2023 เพื่อยกย่องความสำเร็จของบริษัทต่างๆ ทั่วอาเซียนที่มีความเป็นเลิศในอุตสาหกรรมสถาปัตยกรรม วิศวกรรม การก่อสร้างและการผลิต ซึ่งปีนี้มีผู้สนใจส่งผลงานเข้ามาประกวดจำนวน 153 ชิ้นงานจาก 50 บริษัทในอาเซียน โดยมีผลงานหลายบริษัทมาจากประเทศไทย

สำหรับรางวัล Autodesk ASEAN Innovation Awards 2023 เป็นการแข่งขันประจำปีในด้านทักษะความเชี่ยวชาญการประยุกต์ใช้งานนวัตกรรมทางเทคโนโลยีของ Autodesk ได้แก่ Building Information Modeling (BIM) , Autodesk AEC (Architecture, Engineering and Construction) และ Autodesk Construction Cloud โดยรางวัลแบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ ประเภท Innovator of The Year Award, ประเภท Cloud Advocate of The YearAward, ประเภท Better World Builder of The Year Award และประเภท Future Pillar of The Year Award

Design and Make a Better World

Serene Sia กล่าวต่อว่า ภาคธุรกิจที่น่าสนใจในการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันมี 3 กลุ่ม คือ ธุรกิจสื่อและบันเทิง (Media and Entertainment) ธุรกิจออกแบบ (Design) และธุรกิจภาคการผลิตและโรงงานอุตสาหกรรม โดยในส่วนที่เห็นชัดเจนในการนำโซลูชันของ Autodesk ไปใช้คือ งานออกแบบ จากเดิมจะเห็นได้ว่าการออกแบบใช้วิธีเดิมๆ ที่มีความซับซ้อน แต่ก้วยเทคโนโลยีใหม่ที่เกิดขึ้นทำให้มีการพัฒนาโซลูชันให้สอดรับกับการทำงานมากยิ่งขึ้น เช่น Building Information Modeling หรือ BIM ที่ผู้ใช้งานสามารถสัมผัสได้ถึงความง่าย สะดวกและการลดต้นทุน เป็นต้น

ทั้งนี้ BIM ได้พัฒนาเป็นเวอร์ชัน 2.0 ที่ช่วยให้พนักงานของบริษัทซึ่งมีหน้าที่และอำนาจตัดสินใจในชิ้นงานหรือสินค้าที่ออกแบบได้เข้าดูข้อมูลและตรวจสอบความถูกต้องได้พร้อมกันบนระบบคลาวด์ (Cloud) ทำให้เกิดการทำงานที่รวดเร็วขึ้นและสามารถทำงานได้จากทุกที่ ซึ่งจะเห็นประโยชน์ในส่วนนี้อย่างชัดเจนในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ระบาดหนักที่ผ่านมา พนักงานต่างทำงานจากที่บ้าน ซึ่งบริษัทที่ใช้โซลูชันนี้ในการทำงานต่างให้ผลตอบรับที่ดี

ขณะที่ในอุตสาหกรรม EV การออกแบบเป็นสิ่งที่ถูกนำไปใช้เช่นกัน โดยสิ่งที่ Autodesk ทำให้ลูกค้าคือ ช่วยให้ฝ่ายผลิตและประกอบชิ้นส่วน EV ทำงานได้เร็ว ง่ายขึ้นและตอบโจทย์กับความต้องการของผู้บริโภคที่ชอบการใช้ EV

อย่างไรก็ตาม ในประเทศไทย BIM ไม่ได้มีการใช้งานอย่างแพร่หลายมากนัก โดยจะใช้ในกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ แต่มองว่าตอนนี้ยังอยู่ในช่วงของการสร้างการเรียนรู้และทำให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กได้มองเห็นการเปลี่ยนผ่านจากการออกแบบโดยใช้ AutoCAD ไปสู่ BIM มากขึ้น

Scroll to Top