จุฬาฯ ผนึก Google Cloud เปิดตัว “ChulaGENIE” AI สุดล้ำ ปฏิวัติวงการศึกษาไทย!

จุฬาฯ ผนึก Google Cloud เปิดตัว "ChulaGENIE" AI สุดล้ำ ปฏิวัติวงการศึกษาไทย!

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ประกาศความร่วมมือกับ Google Cloud เปิดตัว “ChulaGENIE” (Chula’s Generative AI Environment for Nurturing Intelligence and Education) แพลตฟอร์ม Generative AI ที่จะเข้ามา revolutionize วงการศึกษาไทย โดยจะเป็นเครื่องมือสำคัญ ที่ช่วยยกระดับศักยภาพการเรียนรู้ การสอน และการทำวิจัยของจุฬาฯ ให้ก้าวไปอีกขั้น

ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า “จุฬาฯ มุ่งมั่นสู่การเป็น AI University การร่วมมือกับ Google Cloud ในครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของเรา ในการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพและมีความรับผิดชอบ เพื่อพัฒนาศักยภาพของนักศึกษา บุคลากร และขับเคลื่อนการวิจัยและนวัตกรรม ChulaGENIE จะเป็นกุญแจสำคัญ ในการพลิกโฉมการศึกษาของจุฬาฯ และประเทศไทย ให้ก้าวสู่ยุค AI อย่างเต็มรูปแบบ”

นายอรรณพ ศิริติกุล Country Director, Google Cloud ประเทศไทย กล่าวว่า “Google Cloud เชื่อมั่นว่า AI จะสร้างประโยชน์มหาศาล หากนำมาใช้อย่างถูกต้องและมีความรับผิดชอบ เรามีความยินดีที่ได้ร่วมมือกับจุฬาฯ ในการพัฒนา ChulaGENIE ซึ่งจะเป็นต้นแบบในการนำ AI มาใช้ในวงการศึกษาไทย และเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาประเทศ ให้พร้อมรับกับยุค AI ที่กำลังมาถึง”

AI อัจฉริยะ เพื่อการศึกษาและวิจัย

ChulaGENIE ถูกพัฒนาขึ้นบน Vertex AI ของ Google Cloud ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม AI ที่ทรงพลัง ปลอดภัย และมีความยืดหยุ่นสูง โดยมีจุดเด่น ดังนี้

  • เข้าถึงโมเดล AI ชั้นนำ: ผู้ใช้สามารถเลือกใช้โมเดล AI ได้หลากหลาย เช่น Gemini 1.5 Pro, Gemini 1.5 Flash ของ Google, Claude จาก Anthropic และ Llama จาก Meta ซึ่งแต่ละโมเดล มีความสามารถและเหมาะสมกับงานที่แตกต่างกัน เช่น การประมวลผลภาษาธรรมชาติ (NLP), การสร้างรูปภาพ, การแปลภาษา เป็นต้น
  • ประมวลผลข้อมูลหลากหลายรูปแบบ: รองรับข้อมูลได้ทั้งข้อความ รูปภาพ ตาราง แผนภูมิ และไฟล์ PDF
  • ประมวลผลบริบทขนาดใหญ่: สามารถประมวลผลเอกสารที่มีความยาวมากถึง 1.4 ล้านคำ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง สำหรับการวิเคราะห์งานวิจัย หรือเอกสารที่มีความซับซ้อน
  • ปรับแต่งได้ตามความต้องการ: ผู้ใช้สามารถสร้าง “ตัวช่วย AI” เฉพาะทาง สำหรับงานด้านต่าง ๆ เช่น
    • ตัวช่วยด้านการวิจัย: ช่วยนักวิจัยในการวิเคราะห์ข้อมูล สรุปงานวิจัย ค้นคว้าหาข้อมูล และสร้างสมมติฐานใหม่ ๆ
    • ตัวช่วยด้านการศึกษา: ช่วยนักศึกษาในการเรียนรู้ ทำการบ้าน เตรียมตัวสอบ และวางแผนการเรียน
    • ตัวช่วยด้านการบริหาร: ช่วยบุคลากรในการจัดการงานเอกสาร ตอบคำถาม และให้บริการข้อมูล
  • ใช้งานง่าย: ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย ด้วย interface ที่เป็นมิตร แม้ผู้ใช้ที่ไม่มีความรู้ด้าน AI ก็สามารถใช้งานได้
  • ปลอดภัยและเป็นส่วนตัว:ChulaGENIE ให้ความสำคัญกับความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัวของข้อมูล โดยมีระบบรักษาความปลอดภัย และการเข้ารหัสข้อมูล เพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต

พลิกโฉมวงการศึกษา

ChulaGENIE จะเข้ามาเปลี่ยนโฉมหน้าการศึกษา และการวิจัย ในหลายด้าน เช่น

  • การเรียนการสอน: สามารถช่วยอาจารย์ ในการออกแบบการเรียนการสอน สร้างสื่อการเรียนรู้ และประเมินผล ส่วนนักศึกษา สามารถใช้เพื่อการเรียนรู้ ค้นคว้าหาข้อมูล ทำการบ้าน และเตรียมตัวสอบ
  • การวิจัย: ช่วยนักวิจัย ในการวิเคราะห์ข้อมูล สรุปงานวิจัย และค้นหาข้อมูลเชิงลึก
  • การบริหารงาน: ช่วยบุคลากร ในการจัดการงานเอกสาร ตอบคำถาม และให้บริการข้อมูล

ความมุ่งมั่นด้าน Responsible AI

จุฬาฯ ให้ความสำคัญกับการใช้ AI อย่างมีความรับผิดชอบ โดยมีการกำหนดนโยบาย AI และใช้ระบบกรองเนื้อหาของ Vertex AI เพื่อป้องกันการสร้างเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม นอกจากนี้ จุฬาฯ ยังมีแผนที่จะพัฒนาโมเดลภาษาไทยขนาดใหญ่แบบโอเพ่นซอร์ส เพื่อสนับสนุนการศึกษาในระดับอุดมศึกษา

การเปิดตัว ChulaGENIE นับเป็นก้าวสำคัญของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการเป็นผู้นำด้าน AI และสะท้อนถึงความมุ่งมั่น ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา และการวิจัยของประเทศไทย

#ChulaGENIE #AI #จุฬาฯ #GoogleCloud #GenerativeAI #ปัญญาประดิษฐ์ #นวัตกรรม #การศึกษา #AIUniversity

องค์กรไทยแห่ใช้ Gen AI! ETDA ชูธง “ธรรมาภิบาล” นำทัพ AI Ethics สู่เวทีโลก

Scroll to Top