CLASS CAFE เปิดตัว VELAVERSE นำร่องสู่ Metaverse เต็มรูปแบบแห่งแรกของโคราช

CLASS CAFE เปิดตัว VELAVERSE นำร่องสู่ Metaverse เต็มรูปแบบแห่งแรกของโคราช

มารุต ชุ่มขุนทด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คลาส คอฟฟี่ จำกัด พร้อมทีมพันธมิตรทั้งภาคธุรกิจ ภาคการศึกษา ได้ร่วมแถลงข่าวเปิดตัว VELAVERSE (เวลาเวิร์ส) Metaverse แห่งแรกของโคราช โดยกล่าวว่า การเปิดตัวเวลาเวิร์ส ได้รับความร่วมมือจากภาคธุรกิจและภาคการศึกษา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสร้างโลกเสมือนอย่างเต็มรูปแบบดังกล่าวขึ้น โดยมองว่าจะเป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจ สร้างงานรูปแบบใหม่ เช่นงานด้านดิจิทัล อาร์ต และ ดีไซน์เนอร์ สร้างเศรษฐกิจใหม่ ได้ทันที สามารถก้าวข้ามสมาร์ทซิตี้ได้เลย โดยหลังจากนี้จะขยายไปที่จังหวัดขอนแก่น มหาสารคาม และอีกหลายจังหวัด

ปฐม อินทโรดม มองกระแส Metaverse และ Cryptocurrency กับความพร้อมคนไทย
Adobe เผย 10 เทรนด์เทคโนโลยีอนาคตในมุมมองด้านครีเอทีฟ

ในระยะแรกจะ เปิดให้ผู้สนใจเข้าดูแผนผังเมืองผ่านเว็บไซต์ www.velaverse.io ซึ่งหากสนใจซื้อที่ดินในเวลาเวิร์ส สามารถทำได้โดยใช้เหรียญคลาสคอยน์ เพื่อทำการซื้อที่ดิน บ้านหรืออาคารพาณิชย์ บนโลกเสมือน ใน “เวลา-เวิร์ส” ตามราคาที่กำหนด โดยพื้นที่ที่ซื้อไป สามารถนำไปใช้ในการทำธุรกิจบนโลกเสมือน หรือสร้างรายได้เพิ่มในอนาคต ส่วนระยะถัดไปในวันที่ 27-28 กุมภาพันธ์ 65 จะมีการเปิดตัวละคร(ผู้ใช้งาน) ให้สามารถลงไปเดินใช้ชีวิตในโลกเสมือนได้ และจะเปิดตัวธุรกิจใน virtual ออฟฟิศ หรือ ร้านค้า virtual ในรูปของอีคอมเมิร์สด้วย นายมารุต ยืนยันว่า ทุกกระบวนการของการทำ เวลา-เวิร์ส ผ่านการหารือกับหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องแล้ว และการดำเนินการเป็นไปตามกฎหมายที่กำหนด

CLASS CAFE เปิดตัว VELAVERSE นำร่องสู่ Metaverse เต็มรูปแบบแห่งแรกของโคราช

ด้าน โดม เจริญยศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทโทเคนไนนท์ จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจออกเหรียญดิจิทัล (Token) กล่าวว่า มาตรการต่างๆ ที่ออกมากำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล ทั้งจากธนาคารแห่งประเทศไทย , ก.ล.ต. และ กรมสรรพากร ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่ทำให้การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล มีความชัดเจนในแง่ของกฎหมายและแนวทางปฏิบัติ และไม่มีผลกระทบต่อการพัฒนาเทคโนโลยี นอกจากนี้ การสร้างความชัดเจนในแนวทางปฏิบัติเหล่านี้จะทำให้คนที่สนใจในการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล กล้าเปิดบัญชีลงทุนมากขึ้น ซึ่งจากเดิมที่มีผู้เปิดบัญชีสินทรัพย์ดิจิทัล เพิ่มขึ้นจาก 1.7 แสนรายในปี 63 เพิ่มเป็น 1.98 ล้านรายในปี 64 และเชื่อว่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดมาแตะที่ 5 ล้านรายได้ในปีนี้

นอกจากนี้ยังมองว่า การที่​ธปท.ออกมาตรการคุมเข้มการใช้สินทรัพย์ดิจิทัล ที่ไม่อนุญาตให้ใช้คริปโตฯ ในการชำระค่าสินค้าและบริการ นายโดม มองว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะโดยปกติแล้ว ธรรมชาติของคริปโตฯ ไม่ได้เกิดมาเพื่อใช้ชำระค่าสินค้าและบริการ แต่เป็นสินทรัพย์ที่เกิดมาเพื่อการลงทุน ซึ่งหากต้องการใช้เงินดิจิทัล เพื่อชำระค่าสินค้าและบริการ จะมีอีกส่วนหนึ่งที่ธปท. กำลังดำเนินการ คือ เหรียญ CBDC เงินดิจิทัล ที่อ้างอิงเงินบาทที่ชัดเจน ซึ่งคาดว่าจะทดลองใช้ได้ในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้

Scroll to Top