วันนี้ Apple เปิดตัว Apple Watch Ultra 2 โดยนำคุณสมบัติใหม่ๆ มาสู่สมาร์ทวอตช์ที่มากความสามารถและสมบุกสมบันที่สุดของ Apple อีกทั้งยังรุดหน้าในเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อม มาพร้อมกับคุณสมบัติต่างๆ ที่ผู้ใช้จะชื่นชอบในรุ่น Ultra รวมถึง SiP รุ่น S9 อันทรงพลังใหม่, คำสั่งนิ้ว “แตะสองครั้ง” อันน่าทึ่ง, จอภาพสว่างที่สุดของ Apple, ช่วงระดับความสูงที่เพิ่มขึ้น, Siri ในตัว, คุณสมบัติค้นหาตำแหน่งที่ตั้งจริงสำหรับ iPhone และความสามารถล้ำหน้าสำหรับการผจญภัยทางน้ำ ใช้ watchOS 10 ที่มีแอปซึ่งได้รับการออกแบบใหม่, Smart Stack แบบใหม่ ประสบการณ์การปั่นจักรยานรูปแบบใหม่และคุณสมบัติที่จะช่วยในการสำรวจที่ต่างๆ และหน้าปัด Modular Ultra ใหม่ นอกเหนือจากคุณสมบัติล้ำหน้าต่างๆ แล้ว ยังมีระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนาน 36 ชั่วโมงดังเดิมเมื่อใช้งานตามปกติและยังสามารถใช้งานได้นานถึง 72 ชั่วโมงเมื่ออยู่ในโหมดประหยัดพลังงาน
–Apple เปิดตัว Apple Watch Series 9 เริ่มต้นที่ 15,900 บาท
นี่ยังเป็นครั้งแรกที่ลูกค้าสามารถจับคู่สายและตัวเรือนแบบต่างๆ ของ Apple Watch ที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนได้ ซึ่งเป็นหนึ่งในหมุดหมายสำคัญที่จะนำ Apple ไปสู่เป้าหมาย Apple 2030 นั่นคือการทำให้ธุรกิจทั้งหมด ตลอดจนซัพพลายเชนการผลิต และวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์มีความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2030
“ในปีนี้เราได้ทำให้ Apple Watch รุ่นที่สมบุกสมบันและมากความสามารถที่สุดทรงประสิทธิภาพยิ่งขึ้น” Jeff Williams, Chief Operating Officer ของ Apple กล่าว Apple Watch Ultra 2 เป็น Apple Watch รุ่นที่ล้ำหน้าที่สุด เพราะมีประสิทธิภาพการทำงานและการอัปเดตคุณสมบัติต่างๆ ที่ยอดเยี่ยม อีกทั้งยังเหมาะกับผู้ที่ต้องการจอภาพขนาดใหญ่ที่สุด ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานที่สุด และ GPS ที่ดีที่สุดในกลุ่ม Apple Watch พร้อมดีไซน์ที่สวยสะดุดตา”
SiP รุ่น S9 ใหม่อันทรงพลัง
ขับเคลื่อนโดย Apple Silicon ที่กำหนดเองได้ใน SiP รุ่น S9 แบบใหม่หมด ชิปนาฬิกาที่ทรงพลังที่สุดของ Apple นี้ได้รับการปรับปรุงทั้งระบบและมาพร้อมคุณสมบัติโฉมใหม่ รวมถึงคำสั่งนิ้ว “แตะสองครั้ง” และ Siri บนอุปกรณ์พร้อมด้วยความสามารถในการเข้าถึงและบันทึกข้อมูลสุขภาพได้อย่างเป็นส่วนตัวและปลอดภัย ยังมาพร้อมกับ Neural Engine แบบ 4-core ใหม่ที่สามารถประมวลผลงานด้านการเรียนรู้ของระบบได้เร็วกว่ารุ่นก่อนหน้าถึงสองเท่า
คำสั่งนิ้ว “แตะสองครั้ง”
นวัตกรรมต่างๆ เช่น Digital Crown และ Taptic Engine รวมถึงคำสั่งนิ้วอย่างการแตะ ปัด ยกข้อมือ และบังหน้าปัดเพื่อปิดเสียงคือสิ่งที่ทำให้ Apple Watch เป็นอุปกรณ์ที่เรียบง่ายและใช้งานได้ง่าย ผู้ใช้สามารถควบคุม Apple Watch ได้อย่างง่ายดายโดยใช้คำสั่งนิ้ว “แตะสองครั้ง” โดยใช้เพียงแค่มือเดียว ไม่ต้องแตะจอภาพ ผู้ใช้สามารถใช้มือที่สวมนาฬิกาแตะนิ้วชี้กับนิ้วโป้งสองครั้งเพื่อทำสิ่งที่ทำบ่อยๆ อย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย การแตะสองครั้งยังเป็นการเปิด Smart Stack จากหน้าปัดนาฬิกา และเมื่อทำเช่นเดิมอีกครั้งก็จะเลื่อนผ่านวิดเจ็ตต่างๆ ในสแต็คได้
โดยการแตะสองครั้งจะเข้าถึงการควบคุมปุ่มหลักในแอป ซึ่งใช้เพื่อหยุดตัวจับเวลา เล่นหรือหยุดเพลงชั่วคราว หรือเลื่อนนาฬิกาปลุกได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้คำสั่งนิ้วเพื่อรับและวางสาย ถ่ายภาพด้วยรีโมทกล้องบน Apple Watch หรือแม้แต่เปลี่ยนมุมมองระดับความสูงในแอปเข็มทิศเพื่อดูระดับความสูงสัมพัทธ์ของการปักจุดที่บันทึกไว้
คำสั่งนิ้ว “แตะสองครั้ง” ใหม่ขับเคลื่อนด้วย Neural Engine ที่เร็วกว่าเดิมใน Apple Watch Ultra 2 ซึ่งประมวลผลข้อมูลจากอุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหว ไจโรสโคป และเซ็นเซอร์วัดหัวใจแบบออปติคัลพร้อมด้วยอัลกอริทึมการเรียนรู้ของระบบใหม่ อัลกอริทึมจะตรวจจับการเคลื่อนไหวเล็กน้อยของข้อมือและการเปลี่ยนแปลงของการไหลเวียนโลหิตเมื่อนิ้วชี้และนิ้วโป้งขยับขณะแตะสองครั้ง คำสั่งนิ้ว “แตะสองครั้ง” จะสามารถใช้ได้เมื่อมีการอัปเดตซอฟต์แวร์ในเดือนหน้า
จอภาพที่สว่างยิ่งขึ้น
สถาปัตยกรรมจอภาพที่ล้ำหน้าแบบใหม่ช่วยให้มีความสว่างได้สูงสุดถึง 3000 นิต ซึ่งสว่างกว่ารุ่นแรกถึง 50% และเป็นจอภาพที่สว่างที่สุดที่ Apple เคยออกแบบมา ทำให้สามารถอ่านหน้าจอได้ภายใต้แสงอาทิตย์สว่างจ้า สำหรับห้องมืดหรือช่วงเช้าตรู่ จอภาพยังสามารถหรี่แสงลงให้เหลือเพียงหนึ่งนิตเพื่อไม่ให้รบกวนผู้ที่อยู่ใกล้ ไฟฉายยังได้รับประโยชน์จากสถาปัตยกรรมจอภาพใหม่ โดยสามารถเพิ่มความสว่างชั่วคราวเพื่อส่องทางได้ถึงสองเท่าด้วยการหมุน Digital Crown
หน้าปัด Modular Ultra
Modular Ultra หน้าปัดใหม่ที่ออกแบบมาสำหรับ Apple Watch Ultra ใช้ประโยชน์จากหน้าจอขนาดใหญ่โดยใช้ขอบด้านนอกเพื่อนำเสนอข้อมูลแบบเรียลไทม์ รวมถึงวินาที ระดับความสูง หรือความลึก อีกทั้งยังมีกลไกหน้าปัดมากกว่าหน้าปัดดิจิทัลของ Apple ทุกแบบเพราะสามารถปรับแต่งเพื่อการเล่นกีฬา การผจญภัยกลางแจ้ง และกิจกรรมในมหาสมุทรและทางน้ำ
ทดสอบแล้วสำหรับสายเอ็กซ์ตรีม
ออกแบบมาเพื่อสายเอ็กซ์ตรีมและได้รับการทดสอบในช่วงระดับความสูงที่กว้างกว่าผลิตภัณฑ์ใดๆ ของ Apple ตั้งแต่ระดับต่ำกว่าน้ำทะเล 500 เมตรเพื่อสำรวจหุบเขาที่ต่ำที่สุด ไปจนถึง 9,000 เมตรสำหรับพิชิตยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก
การดำน้ำสกูบาเชิงนันทนาการและฟรีไดรฟ์
Apple Watch Ultra เหมาะที่สุดสำหรับกีฬาทางน้ำ รวมถึงกิจกรรมเอ็กซ์ตรีมต่างๆ อย่างไคท์เซิร์ฟและเวคบอร์ด และการดำน้ำสกูบาเชิงนันทนาการถึงความลึก 40 เมตรด้วยแอป Oceanic+ ที่ได้รับการอัปเดตจาก Huish Outdoors1
แอปความลึกที่มากับนาฬิกาสามารถบันทึกรายการของแต่ละเซสชั่น ผู้ใช้จึงสามารถดูเซสชั่นล่าสุดบน Apple Watch Ultra หรือดูประวัติแบบเต็มของการดำน้ำทุกครั้งได้ด้วยจุดป้อน GPS ในแอปฟิตเนสบน iPhone
เมื่อใช้แอป Oceanic+ ขณะฟรีไดรฟ์ ผู้ใช้จะเห็นข้อมูลสำคัญอย่างความลึกและเวลาที่ผ่านไป และจะได้รับการแจ้งเตือนความลึกเป้าหมายในรูปแบบของข้อความขนาดใหญ่ ตัวหนา ที่สามารถเหลือบมองได้ ระหว่างการดำน้ำ โซนอัตราการเต้นของหัวใจจะช่วยให้ผู้ใช้ตรวจดูและลดอัตราการเต้นของหัวใจ และการตั้งการแจ้งเตือนอย่างเวลาขึ้นสู่ผิวน้ำและเวลาเซสชั่นที่ผ่านไปช่วยนำผู้ใช้ในแต่ละเซสชั่นการฝึกอบรม ขณะที่สมุดบันทึกจะแสดงโปรไฟล์แบบเต็ม รวมถึงความเร็วในการดำลงและดำขึ้น
Siri บนอุปกรณ์พร้อมด้วยความสามารถในการเข้าถึงและบันทึกข้อมูลสุขภาพ
นับเป็นครั้งแรกบน Apple Watch ที่คำขอ Siri บางอย่างจะถูกประมวลผลบนอุปกรณ์ ส่วนคำขอที่ไม่ต้องใช้ข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต เช่น การเริ่มออกกำลังกายหรือตั้งตัวจับเวลา Siri จะไม่ต้องใช้เครือข่าย Wi-Fi หรือเซลลูลาร์ ทำให้สามารถตอบสนองได้รวดเร็วและเชื่อถือได้มากขึ้น Neural Engine อันทรงพลังยังทำให้การพูดตามคำบอกมีความแม่นยำขึ้นถึง 25%
การประมวลผลบนอุปกรณ์นั้นจะเป็นส่วนตัวและปลอดภัย และตอนนี้ผู้ใช้ยังสามารถใช้ Siri เพื่อเข้าถึงข้อมูลจากแอปสุขภาพได้ทันที หากมีคำถามเกี่ยวกับสุขภาพและฟิตเนส ยกตัวอย่างเช่น ผู้ใช้สามารถถามว่าหลับไปกี่ชั่วโมงเมื่อคืนก่อน วงแหวนกิจกรรมมีความคืบหน้าอย่างไรในวันนี้ เริ่มการออกกำลังกายด้วยการวิ่งกลางแจ้งหรือปั่นจักรยาน หรือขอสิ่งต่างๆ เช่น ตั้งค่าจุดอ้างอิงโดยใช้เพียงแค่เสียง แม้แต่ตอนที่ไม่มีการเชื่อมต่อ ผู้ใช้สามารถใช้คำขอ Siri บน Apple Watch Ultra 2 เพื่อบันทึกข้อมูล เช่น น้ำหนัก อุณหภูมิร่างกาย ประจำเดือน หรือยาที่รับประทาน2
คุณสมบัติค้นหาตำแหน่งที่ตั้งจริง
ความสามารถในการใช้ Apple Watch เพื่อค้นหา iPhone เป็นคุณสมบัติโปรดของผู้ใช้ ตอนนี้ SiP รุ่น S9 ยังมีชิป Ultra Wideband เจเนอเรชันที่ 2 ที่ทำให้เปิดใช้งานคุณสมบัติค้นหาตำแหน่งที่ตั้งจริงสำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ iPhone 15 ซึ่งใช้ชิปเดียวกัน คุณสมบัติค้นหาตำแหน่งที่ตั้งจริงให้ข้อมูลระยะทางและทิศทาง รวมถึงการนำทางไปยัง iPhone ที่ลืมวางไว้ด้วยภาพ การสั่น และเสียง แม้ว่าจะอยู่คนละห้องและผู้ใช้จำไม่ได้ว่าวางไว้ที่ไหนหลังจากการดำน้ำ
มาพร้อมกับ watchOS 10
watchOS 10 ที่มาพร้อมการอัปเดตครั้งสำคัญรวมถึง
- วิธีใหม่ๆ ในการดูข้อมูลอย่างรวดเร็วด้วยแอปที่ออกแบบใหม่และ Smart Stack ใหม่เพื่อแสดงวิดเจ็ตที่เกี่ยวข้องได้ทันทีที่ผู้ใช้ต้องการ
- หน้าปัดใหม่สวยงามนอกเหนือจากหน้าปัด Modular Ultra อย่าง สนูปี้, จานสี, สุริยะอนาล็อก และ Nike แบบลูกโลก
- โหมดกลางคืนยังใช้เซ็นเซอร์ตรวจวัดแสงโดยรอบเพื่อเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติในที่มืด
- การเชื่อมต่อบลูทูธสำหรับมิเตอร์วัดพลัง เซ็นเซอร์วัดความเร็ว และเซ็นเซอร์วัดรอบขาใช้งานได้แล้วสำหรับนักปั่นจักรยาน ซึ่งจะปลดล็อคค่าวัดใหม่ๆ และมุมมองขณะออกกำลังกาย และการออกกำลังกายด้วยการปั่นจักรยาน โซนพลังเพื่อช่วยให้ผู้ใช้ได้ประโยชน์สูงสุดจากการออกกำลังกาย
- การออกกำลังกายด้วยการปั่นจักรยานจะแสดงเป็นกิจกรรมสดบน iPhone และสามารถใช้แบบเต็มจอได้เมื่อแตะ
- แอปเข็มทิศที่อัปเดตแล้วจะแสดงระดับความสูงแบบเรียลไทม์ อีกทั้งยังมีมุมมองจุดอ้างอิงแบบ 3D ที่แสดงระดับความสูงสัมพัทธ์
- เส้นชั้นความสูงแบบใหม่ในแอปแผนที่แสดงข้อมูลสำคัญ เช่น จุดที่น่าสนใจและจุดเริ่มต้นเส้นทาง อีกทั้งยังมอบรายละเอียดที่เป็นประโยชน์ เช่น การแรเงาเนินเขา เส้นชั้นความสูง ระดับความสูง และจุดอ้างอิงเซลลูลาร์และ SOS ฉุกเฉิน
- นอกจากนั้น ยังมีเครื่องมือเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนด้านสุขภาพจิตของผู้ใช้ด้วยการบันทึกสภาวะจิตใจลงในแอปทำสมาธิ
- ความสามารถในการวัดเวลาที่ใช้ในแสงช่วงกลางวันจะใช้เซ็นเซอร์ตรวจวัดแสงโดยรอบเพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะสายตาสั้น
กลุ่มผลิตภัณฑ์
Apple Watch Ultra 2 มีให้ใช้ในขนาด 49 มม. และเป็นกลางทางคาร์บอนเมื่อจับคู่กับสายแบบ Trail Loop หรือ Alpine Loop แบบใหม่
สายแบบ Alpine Loop มีสีใหม่ให้เลือก (สีน้ำเงิน, สี indigo, สีมะกอก), Trail Loop (สีส้ม/เบจ, สีเขียว/เทา, สีน้ำเงิน/ดำ) และ Ocean Band (สีน้ำเงิน, สีส้ม)
สายแบบ Apple Watch Trail Loop และ Alpine Loop แบบใหม่หมดเป็นกลางทางคาร์บอนและมีวัสดุรีไซเคิลกว่า 30%
ราคาและความพร้อมในการวางจำหน่าย
- ราคา 31,900 บาท
- watchOS 10 จะพร้อมใช้งานภายในปีนี้สำหรับ Apple Watch Series 4 หรือใหม่กว่าในวันจันทร์ที่ 18 กันยายน และต้องมี iPhone Xs หรือใหม่กว่าที่ใช้ iOS 17 คุณสมบัติบางประเภทอาจใช้ไม่ได้ในอุปกรณ์บางเครื่องและในบางภูมิภาค
