Google Cloud เปิดตัวนวัตกรรม AI สุดล้ำในงาน Next 2025 ตอกย้ำความแรงในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ในงาน Google Cloud Next 2025 ที่ผ่านมา Google Cloud (กูเกิล คลาวด์) ได้ประกาศความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการนำเทคโนโลยี AI มาประยุกต์ใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรมทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมเปิดตัวนวัตกรรม AI ที่ครอบคลุมทุกระดับเทคโนโลยี เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถปลดล็อกศักยภาพของข้อมูล ขับเคลื่อนพันธกิจ และตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

Google Cloud มุ่งมั่นที่จะนำเสนอระบบคลาวด์ที่เปิดกว้างและทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่นที่สุดในอุตสาหกรรม โดยสนับสนุนให้องค์กรสามารถสร้าง จัดการ และเชื่อมต่อ AI agent ที่หลากหลาย ทั้งในสภาพแวดล้อมแบบมัลติคลาวด์และภายในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี AI ที่ส่งมอบแล้วกว่า 3,000 รายการในปี 2024 ได้ถูกนำไปปรับใช้ในบริษัทชั้นนำมากมายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ Astra International, Bank Jago, Bareksa, Blibli.com, Erajaya, Indosat Ooredoo Hutchison, Telkomsel, Vidio ในอินโดนีเซีย; AI Singapore, Centre for Strategic Infocomm Technologies (CSIT), DBS Bank, FairPrice Group, Enterprise Singapore ในสิงคโปร์; Bangkok Bank, Central Retail, Chulalongkorn University, Finnomena, Gulf Edge, ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในประเทศไทย; และ Bank Muamalat, CARSOME Group, Dagang NeXchange Berhad (DNeX), Gamuda, Maxis, รวมถึงสำนักงาน AI แห่งชาติของมาเลเซีย ซึ่งส่งผลให้การใช้งาน Vertex AI เติบโตขึ้นถึง 20 เท่าสำหรับลูกค้าองค์กรในช่วงปีที่ผ่านมา โดยมีโมเดล AI ชั้นนำของอุตสาหกรรมอย่าง Gemini, Imagen และ Veo เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ นอกจากนี้ Google Workspace ยังมีการใช้งาน AI assists มากกว่า 2 พันล้านรายการต่อเดือนทั่วโลก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานอย่างแท้จริง

โทมัส คูเรียน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Google Cloud กล่าวว่า “AI นำเสนอโอกาสที่ไม่เคยมีมาก่อน ด้วยพลังในการยกระดับคุณภาพชีวิต เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และพลิกโฉมกระบวนการต่างๆ อย่างที่ไม่เคยจินตนาการมาก่อน Google ได้นำ Machine Learning มาใช้ในผลิตภัณฑ์ของเรามานานกว่า 20 ปี และการลงทุนใน AI ของเรานั้นหยั่งรากลึกในภารกิจหลักของเรา นั่นคือการจัดระเบียบข้อมูลของโลกและทำให้ข้อมูลเหล่านั้นเข้าถึงได้และเป็นประโยชน์สำหรับทุกคน Google Cloud ถือเป็นส่วนขยายที่สอดคล้องกับภารกิจของ Google เพื่อสร้างสิ่งที่ดีให้กับองค์กร โดยเราถือว่า AI เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่ทรงพลังที่สุดในการช่วยให้ลูกค้า นักพัฒนา และพันธมิตรของเราพัฒนาภารกิจของตนให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นแบบก้าวกระโดด”

ปลดล็อกขีดความสามารถการประมวลผลที่ไม่เคยมีมาก่อนด้วยโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก

Google Cloud พร้อมให้องค์กรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานการประมวลผลระดับโลกที่แข็งแกร่ง ซึ่งมี Google Cloud Region ถึง 42 แห่งทั่วโลก รวมถึงในอินโดนีเซียและสิงคโปร์ พร้อมแผนการขยายไปยังประเทศไทยและมาเลเซียอย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ Google Cloud ยังให้บริการ AI Hypercomputer ผ่าน Cloud Region ต่างๆ ซึ่งเป็นระบบซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ผสานรวมฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และรูปแบบการใช้งานที่ยืดหยุ่น เพื่อให้องค์กรสามารถนำ AI ไปใช้งานได้ง่ายขึ้น พร้อมประสิทธิภาพที่คุ้มค่าระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม โดยในงาน Next ’25 ได้มีการเปิดตัวความก้าวหน้าใหม่ๆ ของ AI Hypercomputer ได้แก่:

• หน่วยประมวลผลเทนเซอร์ Ironwood (TPU): TPU รุ่นที่ 7 ที่ทรงพลังและปรับขนาดได้มากที่สุด ออกแบบมาสำหรับการอนุมาน AI โดยเฉพาะ ประหยัดพลังงานกว่า TPU รุ่นก่อนหน้าถึง 2 เท่า
• ตัวเลือก GPU ของ NVIDIA ที่ครอบคลุม: นำเสนอ Virtual Machines (VM) A4 และ A4X ที่ขับเคลื่อนโดย NVIDIA HGX B200 และ NVIDIA GB200 รวมถึงเป็นผู้ให้บริการคลาวด์รายแรกที่นำเสนอ GPU Vera Rubin รุ่นถัดไปของ NVIDIA
• Cluster Director: ช่วยให้องค์กรสามารถใช้งานและจัดการตัวเร่งความเร็ว AI จำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพและยืดหยุ่น
• การอนุมาน Google Kubernetes Engine (GKE): ความสามารถใหม่ในการอนุมานใน GKE ช่วยลดต้นทุนการให้บริการ AI ได้ถึง 30% ลดเวลาแฝงได้ถึง 60% และเพิ่มปริมาณงานได้ถึง 40%
• ความพร้อมใช้งานของ Pathways: Distributed machine learning runtime ของ Google DeepMind พร้อมให้บริการแก่องค์กรแล้ว ช่วยให้สามารถอนุมานโฮสต์หลายโฮสต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า

เครือข่ายระดับโลก Cloud WAN พร้อมใช้งานแล้ว

Google Data Centers และ Google Cloud Regions เชื่อมต่อกันด้วยโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายระดับโลกที่มีสายไฟเบอร์ยาวกว่า 2 ล้านไมล์ ครอบคลุมพื้นที่และอาณาเขตกว่า 200 แห่ง ด้วย “ความเร็วของ Google” ที่มีค่าความหน่วงต่ำมาก เพื่อรองรับบริการต่างๆ เช่น Gmail, YouTube และ Google Search สำหรับผู้ใช้หลายพันล้านคนทั่วโลก

ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป Google Cloud จะเปิดให้บริการเครือข่ายส่วนตัวทั่วโลกนี้สำหรับองค์กรต่างๆ ผ่านบริการใหม่ที่เรียกว่า Cloud Wide Area Network (WAN) ซึ่งเป็นบริการที่ได้รับการจัดการอย่างเต็มรูปแบบ เชื่อถือได้ และปลอดภัย ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพเครือข่ายได้สูงถึง 40% พร้อมลดต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของได้มากถึง 40%

Gemini พร้อมใช้งานบน Google Distributed Cloud (GDC)

Google Cloud ประกาศว่าโมเดล Gemini จะพร้อมใช้งานบน Google Distributed Cloud (GDC) ทำให้โมเดลที่ทรงพลังที่สุดของ Google สามารถใช้งานได้ในสภาพแวดล้อมภายในองค์กร (on-premises environments) โดย Google Cloud ได้ร่วมมือกับ NVIDIA เพื่อนำโมเดล Gemini ไปสู่ระบบ NVIDIA Blackwell โดยมี Dell เป็นพันธมิตรหลัก ทำให้สามารถใช้โมเดลเหล่านี้ภายในองค์กรได้ทั้งในสภาพแวดล้อมที่เชื่อมต่อกันและแยกจากกัน (air-gapped) ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับองค์กรที่อยู่ภายใต้ข้อกำหนดด้านกฎระเบียบที่เข้มงวด

Vertex AI: แพลตฟอร์มที่ครอบคลุมที่สุดสำหรับนวัตกรรม AI

Vertex AI คือแพลตฟอร์มระดับองค์กรของ Google Cloud สำหรับการสร้างและจัดการแอปพลิเคชัน AI และ AI agent รวมถึงการฝึกอบรมและการปรับใช้โมเดล โดยในงาน Next ’25 ได้มีการประกาศความก้าวหน้าใหม่ๆ ที่ช่วยปรับปรุงความสามารถขององค์กรในการจัดการแผนการด้าน AI ได้แก่:

• โมเดล AI กว่า 200 โมเดลใน Vertex AI Model Garden: รวมถึงโมเดลจาก Google และบริษัทชั้นนำอื่นๆ เช่น Anthropic, AI21, Mistral และโมเดลแบบเปิดจาก DeepSeek, Meta และ The Allen Institute
• การฝึกฝนและปรับแต่งโมเดล AI ตามความต้องการ: องค์กรสามารถฝึกฝนและปรับแต่งโมเดลจาก Google และโมเดลแบบเปิดได้โดยใช้ข้อมูลของตนเอง
• การเชื่อมต่อแหล่งข้อมูลจากคลาวด์หลากหลายแพลตฟอร์ม: รองรับการเชื่อมต่อข้อมูลจาก Google Cloud, AWS, Microsoft Azure, Oracle และผู้ให้บริการรายอื่นๆ
• ยกระดับความน่าเชื่อถือด้วยการอ้างอิงแหล่งข้อมูลที่ไว้ใจได้ยิ่งขึ้น: รองรับการ Grounding ข้อมูลด้วย Google Maps และแหล่งข้อมูลจากพันธมิตรภายนอกเพิ่มเติม
• แดชบอร์ด Vertex AI และเครื่องมือปรับแต่งโมเดล: ช่วยให้องค์กรสามารถติดตามการใช้งานโมเดล AI และปรับแต่งโมเดลให้มีประสิทธิภาพตามความต้องการ
• Live API: นำเสนอการสตรีมเสียงและวิดีโอให้กับโมเดล Gemini โดยตรง เพื่อการโต้ตอบแบบเรียลไทม์

ขยายขีดความสามารถของ Vertex AI เพื่อสนับสนุน Multi-Agent

Vertex AI เป็นแพลตฟอร์ม AI สำหรับนักพัฒนาที่เปิดกว้างที่สุด และเป็นรายแรกที่รองรับโซลูชันแบบ Multi-Agent อย่างแท้จริง โดยมีขีดความสามารถใหม่ๆ ที่จะช่วยให้องค์กรก้าวเข้าสู่ระบบนิเวศแบบ Multi-Agent ได้แก่:

• Agent Development Kit (ADK): เฟรมเวิร์กโอเพนซอร์สใหม่จาก Google Cloud ช่วยให้องค์กรสามารถพัฒนาระบบ Multi-Agent ได้ง่ายขึ้น
• Agent2Agent (A2A) protocol: โพรโทคอลแบบเปิดรายแรกจากผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ เพื่อรองรับ Multi-Agent ecosystem ให้ AI agent สามารถสื่อสารกันได้
• Agent Garden: ชุดตัวอย่างและเครื่องมือพร้อมใช้งาน ช่วยให้องค์กรสามารถเชื่อมต่อ AI agent ของตนเข้ากับตัวเชื่อมต่อที่สร้างไว้ล่วงหน้ากว่า 100 ตัว

Google Agentspace: เสริมพลังให้พนักงานทุกคนด้วย AI

Google Agentspace ได้นำบริการค้นหาระดับองค์กรคุณภาพสูง AI สำหรับการสนทนา โมเดล Gemini และ Third-Party Agent มารวมเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อเสริมพลังให้พนักงานสามารถค้นหาและสังเคราะห์ข้อมูลภายในองค์กร สนทนากับ AI agent และดำเนินการต่างๆ ผ่านแอปพลิเคชันระดับองค์กรได้อย่างง่ายดาย โดยมีขีดความสามารถใหม่ๆ ที่เปิดตัวในงาน Next ‘25 ได้แก่:

• การเชื่อมต่อกับ Chrome Enterprise: ช่วยให้พนักงานสามารถค้นหาและเข้าถึงทรัพยากรทั้งหมดขององค์กรได้โดยตรงจากช่องค้นหาใน Chrome
• Agent Gallery: ช่วยให้พนักงานสามารถดู AI agent ทั้งหมดที่มีอยู่ในองค์กรได้อย่างครอบคลุม
• Agent Designer: อินเทอร์เฟซแบบไม่ต้องเขียนโค้ดสำหรับการสร้าง AI agent ที่ปรับแต่งเองได้
• Idea Generation Agent: AI agent ที่ช่วยจัดอันดับและต่อยอดแนวคิดต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ
• Deep Research Agent: AI agent ที่ทำหน้าที่ค้นคว้าหัวข้อที่ซับซ้อนและสรุปข้อมูลเชิงลึก
• การค้นหาผ่าน Google Agentspace บน GDC: ระบบการค้นหาที่ปลอดภัยและมีการควบคุมสิทธิ์การเข้าถึงอย่างรัดกุม

–BDI ชี้ตลาด Big Data และ AI ไทย มูลค่าทะลุ 3.7 หมื่นล้าน โตต่อเนื่อง แต่ยังขาดแคลนบุคลากรเฉพาะทาง

• Facebook
• X
• Line