Technology IT

Huawei ผนึกกำลังทุกภาคส่วนไทย ร่วมเดินหน้าสร้างเมือง “กรุงเทพอัจฉริยะ”

Huawei ได้ผนึกกำลังอย่างยิ่งใหญ่กับองค์กรภาครัฐ ซึ่งนำโดยกรุงเทพมหานคร กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และภาคเอกชน จากพันธมิตรกว่า 160 องค์กร เพื่อระดมความคิด ร่วมสร้าง “กรุงเทพฯ เมืองน่าอยู่” ให้เกิดขึ้นจริงในอนาคตอันใกล้ ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในความเคลื่อนไหวสำคัญที่ทุกฝ่ายร่วมกันหารือและแบ่งปันวิสัยทัศน์ ทัศนคติ รวมถึงแนวคิดเชิงกลไก เพื่อกำหนดทิศทางการขับเคลื่อนกรุงเทพฯ สู่ “Smart City” อย่างแท้จริง

วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญในเรื่องการวางผังเมืองให้เป็นมิตรกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ทำงานร่วมกับกรุงเทพมหานครและหลายภาคส่วน ในการออกมาตรการเพื่อดูแลสิ่งแวดล้อม รวมถึงควบคุมการทำงานของภาคส่วนต่างๆ ทั้งการค้า อุตสาหกรรม การใช้พลังงาน การก่อสร้าง และสถาปัตยกรรม เพื่อนำไปสู่การสร้างสุขภาพที่ดีขึ้น สร้างความสุขให้กับทุกคนได้อย่างยั่งยืนในอนาคต

กทปส. ร่วมพัฒนาขีดความสามารถการใช้ประโยชน์เทคโนโลยีดิจิทัล ในพื้นที่ห่างไกลระบบส่งไฟฟ้า

ทั้งนี้ ศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้กล่าวถึงแนวคิด “เมืองที่ทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกัน และสร้างร่วมกัน” (Co-Creation City) มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับการผลักดันให้กรุงเทพฯ ยกระดับขึ้นเป็นเมืองอัจฉริยะ เนื่องจากยการทำให้คนในกรุงเทพฯ ทุกคนมีความรู้สึกว่าเป็นเจ้าของเมืองร่วมกัน จะช่วยสร้างจุดมุ่งหมายเดียวกันในการพัฒนาเมือง ซึ่งการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยขับเคลื่อนนโยบายการเปิดเผยข้อมูล (Open Bangkok) จะเปิดพื้นที่และโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมและเข้าถึงนโยบายผ่านโลกออนไลน์ นำข้อมูลใน Database มาวิเคราะห์และบริหารจัดการเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญกรุงเทพฯ จะต้องวางจุดยืนให้เป็นเมืองน่าอยู่เพื่อดึงดูดบุคลากรมากทักษะ โดยเฉพาะด้านดิจิทัลจากทั่วทุกมุมโลกมาไว้ด้วยกัน

ในฝั่งของภาคเอกชน ดร.ชวพล จริยาวิโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวถึงความร่วมมือในการสร้างกรุงเทพฯ อัจฉริยะ ด้วยการใช้เทคโนโลยียกระดับระบบความปลอดภัยชั้นเลิศเพื่อให้คนกรุงเทพฯ มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ผ่านระบบอัจฉริยะ (Smart System) และระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ (Smart Security System) ที่หัวเว่ยได้นำนวัตกรรม AI ตัวล่าสุดเข้ามาประยุกต์ใช้กับอุปกรณ์อัจฉริยะ ซึ่งรวมไปถึงกล้อง CCTV ที่ติดตั้งอยู่ทั่วเมือง อุปกรณ์อัจฉริยะดังกล่าวได้รับการออกแบบมาอย่างชาญฉลาด สามารถช่วยควบคุมการจราจร ดูแลความปลอดภัย ตรวจตราเหตุอาชญากรรมและอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตให้กับประชาชนได้ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านการรับ-ส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์ไปจัดเก็บบนคลาวด์คอมพิวติ้งเพื่อประมวลผลและนำไปต่อยอดและประยุกต์ใช้กับระบบต่าง ๆ ในกรุงเทพฯ

นอกจากนี้ ดร.ชวพล ยังได้กล่าวถึงทิศทางในการสร้างกรุงเทพฯ อัจฉริยะอย่างยั่งยืนในศตวรรษที่ 21 ด้วยการผนึกกำลังกับทุกภาคส่วนว่า ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีและผู้สนับสนุนการพัฒนาด้านดิจิทัลของประเทศ หัวเว่ย ประเทศไทย จะเดินหน้าตามพันธกิจ “เติบโตไปพร้อมกับประเทศไทย สนับสนุนประเทศไทย” (Grow in Thailand, Contribute to Thailand)” อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสิ่งสำคัญสำหรับการจะสร้างกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองอัจฉริยะในทุกมิติ คือการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีไอซีทีตัวล่าสุดของหัวเว่ยมาประยุกต์ใช้เพื่อบริหารจัดการกรุงเทพฯ และดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งระบบดังกล่าวจะประกอบไปด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะต่อไปนี้:

1) IoT (Internet of Things) เครือข่ายรวมของอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่สามารถเชื่อมต่อถึงกันและสามารถทำงานโต้ตอบระหว่างกันได้อย่างอัตโนมัติ เพื่อสร้างระบบความปลอดภัยในกรุงเทพมหานครอย่างบูรณาการ ด้วยกระบวนการดำเนินงานที่มีความอัจฉริยะ

2) เทคโนโลยีการเชื่อมต่อผ่านเครือข่าย 5G ผ่านสายไฟเบอร์ (5G Fiber) ที่เป็นมากกว่าอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง โดยมีความเร็วการเชื่อมต่อระดับกิกะบิตต่อวินาที และมีค่าความหน่วงน้อยกว่าเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ 4G ถึง 20 เท่า ทำให้การส่งข้อมูลระหว่างอุปกรณ์เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วที่สุด

3) Intelligence Cloud-Based Platform หรือการเก็บข้อมูลต่าง ๆ อย่างมหาศาลบนแพลตฟอร์มคลาวด์ คอมพิวติ้งทั้งหมด ซึ่งจะช่วยให้ทุกคนเข้าถึงเทคโนโลยี เกิดการเชื่อมต่อและแลกเปลี่ยนกันของข้อมูล (Data) สู่การสร้างสมองของเมือง ทำให้ทุกคนเข้าถึงข้อมูลผ่านการเชื่อมต่อได้ทุกแห่งหน (Ubiquitous Connectivity) ด้วยสามสิ่งนี้ หัวเว่ยเชื่อว่ากรุงเทพฯ จะกลายเป็นเมืองแห่งอนาคต ที่มีการบริหารจัดการอย่างชาญฉลาด และทุกคนจะได้ใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมและเทคโนโลยีได้อย่างไร้รอยต่อ สู่การเป็น “กรุงเทพอัจฉริยะ” แห่งศตวรรษที่ 21 อย่างยั่งยืน

supersab

Recent Posts

Canon เปิดราคา V-Series ในรุ่น EOS R50 V และ PowerShot V1

แคนนอน (Canon) เปิดตัวกล้องซีรีส์ V ใหม่ล่าสุด 2 รุ่น ได้แก่ EOS R50 V และ PowerShot V1 ซึ่งออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของครีเอเตอร์รุ่นใหม่ที่กำลังมองหากล้องขนาดกะทัดรัด…

9 hours ago

Thailand Aims for Global Healthcare Hub Status: Roche & Medical Technology Council Unite to Elevate Lab Standards

Thailand is taking a significant step towards becoming a leading medical and wellness hub in…

9 hours ago

แล็บไทยพลิกโฉม! โรชผนึกสภาเทคนิคฯ ยกระดับมาตรฐาน สู่ศูนย์กลางการแพทย์โลก

ทะยานสู่ Medical Hub! โรช ไดแอกโนสติกส์ จับมือสภาเทคนิคการแพทย์ เสริมแกร่งห้องแล็บไทย ตั้งเป้า 150 แห่งเข้าร่วมโครงการ Lab Benchmarking 2025 พร้อมดันมาตรฐานสากล เพิ่มห้องแล็บรับรอง…

9 hours ago

ดีอี-ไปรษณีย์ไทย ผนึกกำลัง! ส่งด่วน EMS ผลไม้ทั่วไทย เริ่มต้น 60 บาท หนุนเกษตรกร กระจายผลผลิต 6.7 ล้านตัน

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ร่วมกับ ไปรษณีย์ไทย เปิดตัวบริการ "EMS ส่งด่วนผลไม้" ในอัตราค่าบริการสุดพิเศษ เริ่มต้นเพียง 3 กิโลกรัม 60 บาททั่วประเทศ เพื่อสนับสนุนเกษตรกรไทยในการกระจายผลผลิตทางการเกษตร โดยเฉพาะผลไม้สดใหม่…

9 hours ago

“Market Place เทพรักษ์” เปิดแล้ว ดึงแบรนด์ดังกว่า 360 ร้านค้า สร้างศูนย์กลางไลฟ์สไตล์ครบวงจร ตอบโจทย์คนเมืองยุคใหม่

"Market Place เทพรักษ์" เปิดตัวแล้ว! โมเดลใหม่ Community Mall ผสาน Urban Fresh Market ชู Neighbourhood-Centric ยึดใจกลางพหลฯ-วัชรพล ดึงแบรนด์ดังกว่า…

9 hours ago

กฟผ. – มูลนิธินายช่างไทย ใจอาสา เตรียมนำทีมวิศวกรและช่างอาสา กฟผ. ลงพื้นที่ตรวจสอบโครงสร้างอาคารโรงเรียน สพฐ.

นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในฐานะประธานมูลนิธินายช่างไทย ใจอาสา เผยว่า จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวใหญ่ศูนย์กลางประเทศเมียนมา ส่งผลให้อาคารบ้านเรือนในหลายพื้นที่ของไทยได้รับความเสียหาย ประชาชนได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก รวมทั้งโรงเรียนภายใต้การดูแลของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กฟผ. จึงร่วมกับมูลนิธินายช่างไทย ใจอาสา…

14 hours ago

This website uses cookies.