Huawei Cloud เดินหน้ารุกตลาดไทย เปิดตัวโซลูชัน AI พร้อมอัปเกรดเทคโนโลยีสุดล้ำ

Huawei Cloud เดินหน้ารุกตลาดไทย เปิดตัวโซลูชัน AI พร้อมอัปเกรดเทคโนโลยีสุดล้ำ

หัวเว่ย คลาวด์ เดินหน้าตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดคลาวด์ในประเทศไทย ด้วยการจัดงาน Huawei Cloud Thailand Gala Dinner 2024 เปิดตัวโซลูชันใหม่ล่าสุดที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) พร้อมอัปเกรดเทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์ มุ่งเน้นการเสริมศักยภาพองค์กรธุรกิจไทยให้ก้าวสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ

เจิง ซิงหยุน ประธานหัวเว่ย คลาวด์ ระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “หัวเว่ย คลาวด์ มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เราเติบโตขึ้นถึง 30 เท่าในตลาดเอเชียแปซิฟิก และก้าวขึ้นเป็นผู้ให้บริการคลาวด์ที่มีอัตราการเติบโตเร็วที่สุดในกลุ่มผู้ให้บริการคลาวด์ 5 อันดับแรก ความสำเร็จนี้เป็นผลมาจากการสร้างสรรค์นวัตกรรมควบคู่ไปกับการพัฒนาระบบนิเวศในท้องถิ่นให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง”

เซลีน เกา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวเว่ย คลาวด์ ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า “หัวเว่ย คลาวด์ มุ่งมั่นที่จะเสริมศักยภาพให้อุตสาหกรรมต่างๆ ในประเทศไทย ผ่านโซลูชันคลาวด์อัจฉริยะและระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูง การเปิดตัวโซลูชันและการอัปเกรดในครั้งนี้ สะท้อนถึงพันธกิจของเราในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล ยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงาน และสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนขององค์กรธุรกิจไทย”

ภายในงาน Huawei Cloud Thailand Gala Dinner 2024 นายวิคเตอร์ หลัว รองประธานหัวเว่ย คลาวด์ ประเทศไทย ได้เปิดตัว 2 โซลูชันอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วย AI ได้แก่ CloudPond และ CodeArts

CloudPond: โซลูชันที่นำแนวคิด “One CloudPond, All Cloud Service” สู่การปฏิบัติจริง โดยองค์กรสามารถปรับใช้บริการคลาวด์สาธารณะได้โดยตรง ณ สถานที่ของตนเอง รองรับบริการคลาวด์ชั้นนำมากกว่า 30 รายการ มุ่งเน้นการจัดเก็บข้อมูลที่ปลอดภัย พร้อมลดเวลาแฝงในการให้บริการให้ต่ำกว่า 5 มิลลิวินาที เพื่อมอบความสะดวกสบายและการควบคุมที่เหนือกว่า

CodeArts: แพลตฟอร์มการพัฒนาซอฟต์แวร์บนคลาวด์แบบครบวงจร ขับเคลื่อนโดยโมเดลการวิจัยและพัฒนาของหัวเว่ย คลาวด์ Pangu ช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างโค้ดบริการ เพิ่มคำอธิบาย และสร้างกรณีทดสอบโดยอัตโนมัติ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ด้วยการเข้าถึงที่ครอบคลุมทั่วโลก ปัจจุบันมีองค์กรกว่า 10,000 แห่ง และนักพัฒนากว่า 3.5 ล้านคน โดย CodeArts เป็นผู้นำในด้านกลยุทธ์และตลาดแพลตฟอร์ม DevOps ในประเทศจีนมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่สาม

นอกจากนี้ หัวเว่ย คลาวด์ ยังได้พัฒนาโซลูชันต่างๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจในยุคดิจิทัล ได้แก่

DataArts: โซลูชันขั้นสูงสำหรับการรวมข้อมูล การจัดเก็บ และการบริหารจัดการข้อมูล รองรับแหล่งข้อมูลมากกว่า 30 แหล่ง พร้อมการจัดการ Metadata โดยมีการอัปเกรดสำคัญ ได้แก่

  • สถาปัตยกรรมที่ล้ำสมัย (Innovative Architecture): LakeHouse ที่เป็นเอกลักษณ์ในอุตสาหกรรม มีการจัดการพูลสามชั้น (Three-layer pooling) แยกการจัดเก็บและการคำนวณ เพิ่มประสิทธิภาพได้ถึง 20%
  • การปรับใช้ที่ยืดหยุ่น (Flexible Deployment): รองรับทั้งคลาวด์สาธารณะและคลาวด์แบบไฮบริด เพิ่มประสิทธิภาพในการวิเคราะห์ข้อมูลข้ามภูมิภาคและข้ามแหล่งข้อมูลได้ถึง 10 เท่า
  • การรวมข้อมูล (Data Convergence): การจัดการ Metadata และเวิร์กโฟลว์ (workflow) ที่เป็นระบบเดียวกันในคลังข้อมูลขนาดใหญ่ (Data lake) คลังข้อมูล และแพลตฟอร์ม AI ช่วยเพิ่มการใช้ทรัพยากรได้ถึงสามเท่า

MetaStudio: ปฏิวัติการสร้างเนื้อหาดิจิทัลด้วยแพลตฟอร์มบนคลาวด์ นำเสนอความสามารถ ดังนี้

  • การผลิตและการเรนเดอร์บนคลาวด์ในโหมด PGC/UGC
  • การสร้างมนุษย์ดิจิทัล (Digital Human) เนื้อหาสามมิติ (3D Content) และวิดีโอที่ขับเคลื่อนด้วย AI โดยมนุษย์ดิจิทัลสามารถลิปซิงค์ริมฝีปากได้ถึง 95% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอุตสาหกรรม

GaussDB: ฐานข้อมูลกระจายจากหัวเว่ย คลาวด์ มาพร้อมสถาปัตยกรรมคลาวด์เนทีฟประสิทธิภาพสูง

  • การประสานงานระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ พร้อมความสอดคล้องที่แข็งแกร่งในระบบคลัสเตอร์คู่ (Dual-Cluster)
  • การบูรณาการฐานข้อมูลหลายรูปแบบ เพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลาย
  • เทคโนโลยีที่ยกระดับความปลอดภัย (E2E security) เข้ารหัสข้อมูลและป้องกันการปลอมแปลงแบบครบวงจร GaussDB ยกระดับระบบการทำงานของธนาคารชั้นนำในประเทศจีน และช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการประมวลผลข้อมูลบัตรเครดิต KTC ในประเทศไทยได้ถึงสามเท่า

เซลีน เกา กล่าวเพิ่มเติมว่า “การเปิดตัวโซลูชันและการอัปเกรดใหม่ในครั้งนี้ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับความเป็นผู้นำของหัวเว่ย คลาวด์ในประเทศไทย โดยหัวเว่ย คลาวด์ครองตำแหน่งอันดับ 1 ด้วยความหน่วงเวลาเพียง 12 มิลลิวินาที ตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา เรามีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยกว่า 150 รายการ อัตราการให้บริการ SLA หลักของหัวเว่ย คลาวด์สูงกว่า 99.99% โดยไม่มีเหตุการณ์ที่สำคัญเกิดขึ้นในปี 2566”

นอกจากนี้ ภายในงาน หัวเว่ย คลาวด์ ยังได้มอบรางวัลให้แก่ลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อเชิดชูความสำเร็จและการสนับสนุน ได้แก่

  • รางวัลนวัตกรรม (Innovation Awards): มอบให้แก่ลูกค้าที่มีผลงานโดดเด่นในการยกระดับประสบการณ์การให้บริการ ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีคลาวด์
  • รางวัลความเป็นเลิศ (Excellence Awards): มอบให้แก่ลูกค้าที่พัฒนาโซลูชันที่มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงและขับเคลื่อนความก้าวหน้าในอุตสาหกรรม

พร้อมกันนี้ หัวเว่ย คลาวด์ ยังได้มอบรางวัลและของรางวัลให้แก่ผู้ชนะจากการแข่งขัน Huawei ICT Competition 2024-2025 โดยผู้ชนะสามทีม ได้แก่

  • ทีม Union จากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (Network Track)
  • ทีม Bearx5 (Cloud Track) และทีม Compnet (Computing Track) จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

โดยทั้งสามทีมจะเป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขันรอบภูมิภาคในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย

หัวเว่ย คลาวด์ มุ่งมั่นที่จะพัฒนาเทคโนโลยีคลาวด์อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและขับเคลื่อนธุรกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนในยุคดิจิทัล

#HuaweiCloud #CloudThailand #DigitalTransformation #AI #CloudComputing #DataArts #MetaStudio #GaussDB #HuaweiICTCompetition

OnlyFans ถูกบล็อกในจีนอีกครั้ง หลังเปิดให้เข้าถึงได้ช่วงสั้น ๆ

Scroll to Top