Huawei ผนึกกำลังพันธมิตรครั้งใหญ่ ปูทางสู่อนาคตดิจิทัลอัจฉริยะในไทย

หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด (Huawei) จัดงาน Thailand Partner Summit 2025 “หัวเว่ย ไทยแลนด์ พาร์ทเนอร์ ซัมมิท 2025” อย่างยิ่งใหญ่ ภายใต้แนวคิด “Growing Together for a Digital and Intelligent Future” ชูความร่วมมือ “พาร์ทเนอร์+หัวเว่ย” เสริมแกร่งอีโคซิสเต็ม เตรียมพร้อมรับมือยุค AI ครองเมือง พร้อมนำเสนอโซลูชันอัจฉริยะดิจิทัลหลากหลายภาคส่วน ดึงพันธมิตรกว่า 800 รายจาก 300 บริษัท ร่วมสร้างอนาคตดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์อย่างเต็มรูปแบบ

ภายในงาน หัวเว่ยได้ประกาศถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาระบบความร่วมมือ “พาร์ทเนอร์+หัวเว่ย” ให้มีความแข็งแกร่ง โปร่งใส และเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน เพื่อร่วมกันคว้าโอกาสในยุคที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างรวดเร็ว โดยมีเป้าหมายหลักคือการช่วยให้ลูกค้าในประเทศไทยสามารถเร่งกระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบอัจฉริยะได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วิลเลี่ยม จาง ประธานธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเปิดงานโดยเน้นย้ำถึงการก้าวเข้าสู่ยุคแห่ง “All Intelligence” ที่กำลังเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของอุตสาหกรรมในทุกมิติ ซึ่งส่งผลให้องค์กรต่างๆ จำเป็นต้องมีโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ที่สามารถรองรับเทคโนโลยีอัจฉริยะได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวโน้มการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ AI ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันเพื่อค้นหาโอกาสใหม่ๆ

“เราขอยืนยันถึงความตั้งใจอันแน่วแน่ในการสร้างพาร์ทเนอร์ อีโคซิสเต็มส์ที่แข็งแกร่ง โปร่งใส และเป็นธรรม การทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดของเราจะช่วยสร้างคุณค่าที่แท้จริง ยกระดับความพึงพอใจของลูกค้า และผลักดันการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลอัจฉริยะให้รวดเร็วยิ่งขึ้น” จาง กล่าว

นอกจากนี้ นายจางยังได้เน้นย้ำถึงกลยุทธ์ทางธุรกิจขององค์กรในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งผ่านการพัฒนาทรัพยากรและการจัดการโครงสร้างพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการขยายตลาดและเพิ่มขีดความสามารถทางการค้า โดยหัวเว่ยให้ความสำคัญกับการปรับรูปแบบองค์กร การจัดสรรทรัพยากร ระบบพาร์ทเนอร์ ผลิตภัณฑ์ และโซลูชันต่างๆ เพื่อสร้างคุณค่าให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง และบรรลุผลประโยชน์ร่วมกันในระยะยาวกับพันธมิตร

สำหรับปี 2568 ธุรกิจองค์กรของหัวเว่ย ประเทศไทย ได้มีการปรับปรุงนโยบายสำหรับพันธมิตรให้มีความน่าสนใจยิ่งขึ้น โดยมอบแรงจูงใจที่มากขึ้น การสนับสนุนด้านการตลาดร่วมกันที่ดียิ่งขึ้น รวมถึงผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่มีความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น เพื่อสนับสนุนให้พันธมิตรสามารถเติบโตและประสบความสำเร็จไปพร้อมกับหัวเว่ย

เชลดอน หวัง รองประธานอาวุโสธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวถึงพัฒนาการที่รวดเร็วของเทคโนโลยี AI โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเกิดขึ้นของโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Model) อย่าง DeepSeek ซึ่งได้มอบศักยภาพอันมหาศาลให้แก่องค์กรต่างๆ ในการสร้างสรรค์โซลูชัน AI ที่มีประสิทธิภาพสูงแต่ใช้ทรัพยากรน้อยลง และสามารถปรับให้เข้ากับความต้องการเฉพาะของแต่ละองค์กรได้อย่างลงตัว ซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอัจฉริยะอย่างครอบคลุมในทุกภาคส่วน

อย่างไรก็ตาม นายหวังได้ชี้ให้เห็นว่า องค์กรต่างๆ กำลังเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญสองประการไปพร้อมกัน นั่นคือ ความจำเป็นในการปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี และการพัฒนาทักษะของบุคลากรให้สอดคล้องกับความก้าวหน้าของ AI

“ในบริบทของยุค AI ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หัวเว่ยตระหนักดีว่าเราไม่สามารถเติบโตได้โดยลำพัง เราจำเป็นต้องร่วมมือกับพันธมิตรอย่างใกล้ชิด เพื่อทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลและความอัจฉริยะอย่างแท้จริง” หวัง กล่าว

เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายใหม่ๆ ในยุค AI หัวเว่ยจึงมุ่งเน้นการทำงานร่วมกับพันธมิตรอย่างเข้มข้น เพื่อร่วมกันกำหนดนิยามใหม่ของพื้นที่ทำงาน ปรับโครงสร้างสถาปัตยกรรม ICT ให้มีความยืดหยุ่นและสามารถรองรับการอัปเกรดเทคโนโลยีและการใช้งานแบบครบวงจรได้อย่างราบรื่น พร้อมๆ กับการกำหนดนิยามใหม่ของรูปแบบการทำงานร่วมกันของพันธมิตรภายใต้แนวคิด “Partners + Huawei” ที่มุ่งเน้นการผสานความเชี่ยวชาญในแต่ละด้านเพื่อขับเคลื่อนความสำเร็จให้กับลูกค้าได้อย่างยอดเยี่ยม

เอริค หลี่ ประธานฝ่ายพัฒนาพาร์ทเนอร์ของหัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ได้นำเสนอแนวทางการทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่อให้บรรลุความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกันในระยะยาวในสามตลาดหลัก ได้แก่ ธุรกิจในกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่ (Enterprise Business), ธุรกิจคอมเมอร์เชียล (Commercial Business) และการจัดจำหน่าย (Distribution Business) ภายใต้แนวคิด “พาร์ทเนอร์ + หัวเว่ย” ที่แข็งแกร่งและยั่งยืน

หลี่ ได้กล่าวถึงนโยบายพาร์ทเนอร์ของหัวเว่ยที่จะยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer-centric) ทำงานร่วมกับคู่ค้าอย่างใกล้ชิดเพื่อร่วมลงทุน (Joint Investment), รวบรวมทรัพยากรที่มีคุณค่า (Resource Aggregation) และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศโดยรวม (Ecosystem Strengthening) เพื่อให้มั่นใจว่าพันธมิตรจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากการทำงานร่วมกับหัวเว่ย

ภายในงาน “หัวเว่ย ไทยแลนด์ พาร์ทเนอร์ ซัมมิท 2025” ยังมีการแบ่งปันประสบการณ์และความสำเร็จด้านนวัตกรรมร่วมกันระหว่างหัวเว่ยและพันธมิตรหลายราย โดย ศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า “ภายใต้ความท้าทายที่มาพร้อมกับการพัฒนาเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจอย่างรวดเร็ว หัวเว่ยได้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทางเทคโนโลยีและความคล่องตัวทางธุรกิจที่ยอดเยี่ยม ปรัชญาการบริการที่ ‘ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง’ ของบริษัทได้กลายเป็นการสนับสนุนที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับเราในการรับมือกับความท้าทายต่างๆ ในตลาด”

ปฐม อินทโรดม กรรมการ บริษัท เอสวีโอเอ จำกัด (มหาชน) ได้เน้นย้ำถึงบทบาทของเทคโนโลยี AI และการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลในการยกระดับประสิทธิภาพและสร้างสรรค์นวัตกรรมทางธุรกิจ “ความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องของหัวเว่ยในด้าน AI และการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของอุตสาหกรรม กำลังช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถบรรลุการก้าวกระโดดครั้งสำคัญในด้านประสิทธิภาพการดำเนินงานและนวัตกรรมโมเดลธุรกิจได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน” นายปฐม กล่าว

ด้าน สาธิต วรรณวุฒิ หัวหน้าคณะผู้บริหารฝ่ายเน็ตเวิร์ค บริษัท ซีวายเอ็น คอมมิวนิเคชั่น จำกัด ซึ่งเป็นพันธมิตรชั้นนำในการจัดจำหน่าย Huawei eKit ได้กล่าวถึงความสำคัญของโซลูชันที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดเอสเอ็มอี “Huawei eKit เป็นแบรนด์ที่มุ่งเน้นตลาดเอ็มเอ็มอีเป็นหลัก โดยนำเอาความสำเร็จทางเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่สุดของหัวเว่ยมาสร้างประโยชน์ให้กับธุรกิจขนาดเล็กในหลากหลายอุตสาหกรรม มอบทางเลือกที่ดีกว่าให้กับตลาดเอสเอ็มอีไทย ด้วยจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ที่เรียบง่าย ทำให้สามารถส่งมอบได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีหลักสูตรด้านเทคนิคที่หลากหลาย ให้ทั้งเทคโนโลยีและแนวทางการทำงานช่วยพัฒนาขีดความสามารถทางเทคนิคของวิศวกรได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นายสาธิต กล่าว

เพื่อเป็นการส่งเสริมและผลักดันการพัฒนาการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของอุตสาหกรรมในประเทศไทยให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น ในระหว่างการประชุม “หัวเว่ย ไทยแลนด์ พาร์ทเนอร์ ซัมมิท 2025” ในครั้งนี้ ยังได้มีการเปิดตัวโซลูชันนวัตกรรมร่วมตามสถานการณ์ (Scenario-based Solutions) จำนวน 8 โซลูชันหลัก ที่ครอบคลุมหลากหลายภาคส่วน อาทิ ภาครัฐ (Government), การเงิน (Finance), การศึกษา (Education) และภาคส่วนอื่นๆ โดยเป็นการผนึกกำลังระหว่างหัวเว่ยและพันธมิตรด้านการบูรณาการดิจิทัลชั้นนำจากประเทศจีนกว่า 10 ราย

โซลูชันเหล่านี้ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะดิจิทัลที่ทันสมัยจากประเทศจีน เพื่อช่วยให้อุตสาหกรรมต่างๆ ในประเทศไทยมีความอัจฉริยะและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การเปิดตัวโซลูชันร่วมดังกล่าวยังเป็นการสร้างแพลตฟอร์มการสื่อสารและความร่วมมือระหว่างพันธมิตรด้านดิจิทัลอัจฉริยะจากทั้งไทยและจีนให้มีความเปิดกว้างและแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมและโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดไทยได้อย่างตรงจุด

งาน “หัวเว่ย ไทยแลนด์ พาร์ทเนอร์ ซัมมิท 2025” ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการตอกย้ำความมุ่งมั่นของหัวเว่ยในการเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งและเชื่อถือได้สำหรับองค์กรและธุรกิจต่างๆ ในประเทศไทย โดยหัวเว่ยจะยังคงเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีและโซลูชันที่ล้ำสมัย พร้อมทั้งเสริมสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมกันสร้างอนาคตดิจิทัลอัจฉริยะที่ยั่งยืนสำหรับประเทศไทย

–ฟอร์ติเน็ต ผนึกกำลัง ม.สงขลานครินทร์ ปั้นยอดฝีมือไซเบอร์ ป้อนตลาดแรงงาน

• Facebook
• X
• Line