อินเทลประกาศเปิดตัวแพลตฟอร์มยานยนต์แบบครบวงจรในงาน CES 2025 ชูจุดเด่น “Whole-Vehicle Platform” ผสานพลัง AI และความร่วมมือกับ AWS ปฏิวัติวงการยานยนต์ไฟฟ้าและ SDV พร้อมลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และเร่งการพัฒนาสู่ตลาด
อินเทลเผยโฉมแพลตฟอร์มยานยนต์ครบวงจร ภายในงาน CES 2025 ตอบรับกระแสการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และยานยนต์ที่ควบคุมด้วยซอฟต์แวร์ (SDV) โดยแพลตฟอร์มนี้ครอบคลุมตั้งแต่การประมวลผลประสิทธิภาพสูง กราฟิกการ์ด AI การจัดการพลังงาน โซลูชัน Zonal Controller และ Intel® Automotive Virtual Design Environment (VDE) ที่พัฒนาร่วมกับ Amazon Web Services (AWS)
นายแจ็ค วีสต์ รองประธานและผู้จัดการทั่วไปฝ่ายยานยนต์ของอินเทล กล่าวว่า “Intel Automotive กำลังนำเสนอโซลูชันนวัตกรรมที่ช่วยลดต้นทุนในการปฏิวัติ SDV ผ่านแนวคิด Whole-Vehicle Platform และผสานการทำงานบนคลาวด์ เพื่อนำเสนอโซลูชันแบบครบวงจรที่ช่วยลดต้นทุนรวมในการพัฒนาและการใช้งาน พร้อมช่วยให้ผู้ผลิตรถยนต์สามารถพลิกโฉมอนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์ได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และสร้างผลกำไรมากยิ่งขึ้น”
Whole-Vehicle Platform: หัวใจสำคัญของการปฏิวัติ SDV
แพลตฟอร์มยานยนต์แบบครบวงจรของอินเทล ช่วยลดความซ้ำซ้อนและช่องโหว่ในด้านประสิทธิภาพของสถาปัตยกรรมยานยนต์แบบเดิมๆ ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างไฟฟ้า/อิเล็กทรอนิกส์ทั้งระบบ ส่งผลให้ลดต้นทุนและยกระดับสมรรถนะของยานยนต์ได้อย่างมีนัยสำคัญ
เพื่อเสริมประสิทธิภาพของแพลตฟอร์ม อินเทลได้เปิดตัว Adaptive Control Unit (ACU) สำหรับระบบส่งกำลังของ EV และ Zonal Controller Applications
Adaptive Control Unit (ACU): พลังขับเคลื่อนแห่งอนาคต
ACU U310 คือหน่วยประมวลผลรุ่นใหม่ที่รองรับการรวมฟังก์ชันที่ต้องทำงานแบบเรียลไทม์ มีความปลอดภัยสูง และรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (X-in-1) ไว้ในชิปเดียว ต่างจากไมโครคอนโทรลเลอร์หรือ Zonal Controller รุ่นเก่าที่ประมวลผลตามลำดับเวลาและมีข้อจำกัดในการจัดการโหลดงานหลายรูปแบบ
ACU มาพร้อมพื้นที่ลอจิกที่ยืดหยุ่น ช่วยแบ่งเบาภาระของอัลกอริทึมควบคุมเรียลไทม์ออกจาก CPU cores มั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพที่เสถียร ปลอดภัยจากการรบกวน (Freedom from Interference – FFI) และส่งข้อมูลได้แม่นยำแม้ขณะรวมงานหลายรูปแบบไว้ในหน่วยควบคุมเดียว โครงสร้าง “Dual-brain” นี้ช่วยจัดการโหลดงานได้มีประสิทธิภาพ ลดต้นทุน เพิ่มความปลอดภัย ความมั่นคงทางไซเบอร์ และประสิทธิภาพโดยรวม
ประสิทธิภาพที่เหนือกว่าสำหรับ EV
ในระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า ACU U310 ช่วยซัพพอร์ตอัลกอริทึมขั้นสูงที่ลดการใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ ปรับแรงดันไฟฟ้าและความถี่ให้เหมาะสมกับสไตล์การขับขี่และสภาพถนน ลดต้นทุนต่อกิโลวัตต์ เพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน กู้คืนพลังงานที่สูญเสียในระบบขับเคลื่อนได้สูงถึง 40% เพิ่มประสิทธิภาพ 3-5% ในการทดสอบ WLTP ส่งผลให้ระยะการขับขี่เพิ่มขึ้น ชาร์จเร็วขึ้น ขับขี่ได้ดียิ่งขึ้น ลดต้นทุนอุปกรณ์ BOM ขนาดมอเตอร์ และต้นทุนแบตเตอรี่
ความร่วมมือที่แข็งแกร่ง
Stellantis Motorsports เลือกอินเทลเป็นพันธมิตร นำเทคโนโลยี Adaptive Control มาใช้ในระบบควบคุมอินเวอร์เตอร์รุ่นใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขัน เช่น ควบคุมมอเตอร์ไฟฟ้าและกู้คืนพลังงาน Karma Automotive สนับสนุน ACU ของอินเทล พัฒนาระบบอินเวอร์เตอร์พร้อมอัลกอริทึมควบคุม Optimal Pulse Pattern เพิ่มประสิทธิภาพ รองรับโปรไฟล์การขับขี่ 4 รูปแบบ รวมถึง Torque Ripple Reduction และ Range Boost
ด้วยความสามารถในการตั้งโปรแกรม ACU จึงเป็น Zonal Controller ที่ควบคุมด้วยซอฟต์แวร์ ช่วยปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับโครงสร้างยานยนต์ ลดความซับซ้อนในห่วงโซ่อุปทาน สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ SDV
AI: ก้าวสำคัญแห่งอนาคตยานยนต์
อินเทลเปิดตัวกราฟิก Intel® Arc™ ซีรีส์ B รุ่นที่สองสำหรับยานยนต์ พัฒนาจาก SDV System-on-chips (SoC) รุ่นแรกที่ปรับปรุงด้วย AI ผลิตในปลายปี 2025 โซลูชันนี้มอบประสิทธิภาพการคำนวณสูงสำหรับงาน AI ระบบ HMI รุ่นใหม่ ประสบการณ์สมจริงในยานยนต์ และการเล่นเกมระดับ AAA เมื่อทำงานร่วมกับ SoC SDV จะมอบประสิทธิภาพที่ปรับขยายได้สำหรับงาน AI
Intel & AWS: ปฏิวัติการพัฒนาซอฟต์แวร์ยานยนต์
Intel Automotive Virtual Development Environment บน AWS คือแนวทางใหม่ที่ช่วยให้การทำงานระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เป็นหนึ่งเดียวกันตั้งแต่คลาวด์จนถึงรถยนต์ แก้ปัญหาตลอดวงจรการพัฒนายานยนต์ วิศวกรสามารถสลับการตั้งค่าฮาร์ดแวร์เสมือนและฮาร์ดแวร์จริงได้ โดยใช้บริการเว็บที่ให้พื้นที่การประมวลผลด้วยโปรเซสเซอร์ Intel® Xeon® บน Amazon EC2 และครั้งแรกที่ผสานรวม SoC สำหรับยานยนต์ SDV ของอินเทลไว้ใน AWS ลดความจำเป็นของ ECU ราคาแพง ความร่วมมือนี้ช่วยเร่งนวัตกรรม ลดต้นทุน R&D และเพิ่มความเร็วในการนำออกสู่ตลาด
ข้อได้เปรียบของอินเทล
แนวทางการพัฒนายานยนต์แบบครบวงจรของอินเทล มอบประโยชน์มากมาย เช่น ลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน พัฒนาอย่างราบรื่น ปรับปรุงประสิทธิภาพพลังงาน ผสาน AI ลดเวลาในการออกสู่ตลาด และการสนับสนุนจากห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกของอินเทล
–AWS ทุ่ม 5 พันล้านดอลลาร์ เปิดบริการโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ Region ใหม่ในไทย