IT Security

ดีอี จับมือ กัมพูชา เร่งแก้ปัญหา Call center ในไทยและอาเชียน

ดีอี เป็นประธาน คณะทำงาน ASEAN Working Group on Anti – Online Scams พร้อมร่วมลงนาม MoU กับกัมพูชา เร่งแก้ปัญหา Call center ในไทยและอาเชียน

ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวว่า กระทรวงฯได้ร่วมกับประเทศสมาชิกอาเชียนจัดตั้งคณะทำงาน ASEAN Working Group on Anti – Online Scams เพื่อปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์และแก็ง Call center โดยมีการประชุมกันครั้งที่ 1 ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา

“การประชุมคณะทำงาน WG-AS ถือเป็นผลสำเร็จของประเทศไทยที่ผลักดันให้มีการจัดตั้งคณะทำงานดังกล่าวในระดับภูมิภาคอาเซียนขึ้น เพื่อเป็นเวทีความร่วมมือและประสานงานอย่างใกล้ชิดระหว่างประเทศสมาชิก ในการต่อสู้กับภัยหลอกลวงออนไลน์ที่เกิดขึ้นในระดับประเทศและระดับอาเซียน ซึ่งเพิ่มมากขึ้นทั้ง ปริมาณของการหลอกลวง (cases) และมูลค่าความเสียหาย  นอกจากนี้ ไทยยังได้รับความไว้วางใจและการสนับสนุนจากสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ ในการทำหน้าที่ประธานคณะทำงาน ใน 2 ปี แรก เพื่อผลักดันให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมในการแก้ไขปัญหาระดับภูมิภาค” ปลัดกระทรวง กล่าวและว่า

ในระหว่างการประชุม WG – AS มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างประเทศสมาชิก ซึ่งปัจจุบันการหลอกลวงออนไลน์ในอาเซียนมีหลากหลายช่องทาง อาทิ SMS โทรศัพท์ และผ่านสื่อสังคมออนไลน์ รวมถึงการแลกเปลี่ยนกฎหมาย กฎระเบียบ แนวทางการจัดการปัญหา การตอบโต้มิจฉาชีพในรูปแบบต่าง ๆ ของประเทศสมาชิก ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมจำนวนซิม หมายเลขโทรศัพท์มือถือ การลบหรือปิดกั้น URL การเจรจากับผู้ประกอบการสื่อสังคมออนไลน์ การปราบปรามและจับกุม การให้ความรู้และแจ้งเตือนประชาชน เป็นต้น ซึ่งพบว่า ยังมีช่องว่างหรือ Gaps จากการดำเนินมาตรการของแต่ละประเทศ และยังไม่มีแนวทางที่ผู้เสียหายจะได้รับเงินคืน เป็นต้น  ดังนั้น ที่ประชุมได้มีการตกลงให้มีแลกเปลี่ยนและรวบรวมข้อมูลระหว่างกัน อาทิ สถานะ นโยบาย การกำกับดูแล กฎระเบียบ มาตรการต่าง ๆ ของแต่ละประเทศ เพื่อยกระดับไปสู่มาตรการและนโนบายการป้องกันและปราบปราบการหลอกลวงออนไลน์ในระดับอาเซียน เช่น การปิดกั้นเว็บไซต์ในอาเซียน  การกำหนดกลไกประสานงานโดยแต่งตั้งผู้ประสานงานหลักของแต่ละประเทศ เพื่อติดต่อและประสานความร่วมมือได้อย่างทันท่วงทีและแลกเปลี่ยนข้อมูลโดยเฉพาะภัยหลอกลวงออนไลน์ที่เกิดขึ้น รวมทั้ง การพิจารณาแผนการทำงานของคณะทำงานต่อไป โดยจะมีการประชุมหารือทางไกล เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็น อาทิ แนวทางการจัดทำกลไกแลกเปลี่ยนข้อมูลและหลักฐานเกี่ยวกับการหลอกลวงผ่านสื่อออนไลน์ระหว่างอาเซียน การจัดประชุม/สัมมนา การแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับผู้เชี่ยวชาญ องค์กรระหว่างประเทศ และผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ เป็นต้น

นอกจากนี้กระทรวงฯ ได้มีการร่วมหารือทวิภาคี กับ H.E. Chenda Thong ประธานหน่วยงานกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา (Telecommunication Regulator of Cambodia หรือ TRC) เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการหลอกลวงทางออนไลน์ โดยเป็นการยกระดับการดำเนินการเพื่อปราบปรามแก๊ง Call Center และ Online Scam ซึ่งเป็นปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในการยกระดับความร่วมมือและการดำเนินงานของอาเซียนในการจัดการและรับมือกับปัญหาการหลอกลวงผ่านสื่อออนไลน์

จากการประชุมหารือทวิภาคี ไทยได้แลกเปลี่ยนแนวทางในการดำเนินงานร่วมกับกัมพูชา ซึ่งพบว่าหลายเรื่องมีแนวทางดำเนินการคล้ายกัน แต่มีข้อสังเกตว่ากัมพูชามีแนวทางในการปิดกั้น URL ที่เข้าข่ายหลอกลวง และการส่งข้อมูลให้ผู้ประกอบการโทรคมนาคมและ ISP ดำเนินการปิดกั้นที่มีประสิทธิภาพ ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าชื่นชม

นอกจากนี้ กัมพูชาพร้อมจะให้ความร่วมมือกับไทยเกี่ยวกับปัญหาที่คนไทยข้ามแดนไปทำงาน เป็นแก๊ง Call Center ปัญหาบัญชีม้า และในกรณีที่มีการจับและส่งตัวกลับหรือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน มีชั้นความลับ หรืออาจกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เห็นควรให้มีการประสานงานกับสถานทูตไทยในกัมพูชาอย่างใกล้ชิด และเพื่อให้การดำเนินการในเรื่องนี้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงร่วมกันให้มีแพลตฟอร์มในการติดต่อระหว่างกัน

ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันในการขยายกรอบความร่วมมือเดิม โดยจัดทำความร่วมมือ (Memorandum of Understanding: MOU) ฉบับใหม่ เพื่อขยายขอบเขตของความร่วมมือ ที่จะทำให้ทั้งไทยและกัมพูชาสามารถทำหลาย ๆ เรื่องในการป้องกันภัยจากเทคโนโลยีได้เพิ่มมากขึ้น และเห็นชอบให้จัดตั้งคณะทำงานร่วมกัน นอกจากนี้ จากการหารือกัมพูชายินดีร่วมกันแก้ไขปัญหาสถานสัญญาณโทรคมนาคมผิดกฎหมายบริเวณชายแดน โดยสำนักงาน กสทช. จะประสานงานกับทาง TRC และในด้าน Cybersecurity กัมพูชาแสดงความยินดีที่ สกมช. จะให้การสนับสนุน และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ThaiCERT และ CambodiaCERT ที่ดีระหว่างกัน

ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ กล่าวต่อว่า คนไทยจำนวนมากที่ข้ามมาทำงานในกัมพูชา อาจจะไม่ใช่เหยื่อ และอาจมีการทำความผิดอาญาในประเทศไทย แต่ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน ดังนั้น สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ จะประสานงานและร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับกระทรวงฯ โดยศูนย์ AOC เพื่อตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับคนไทยที่มาทำงานแก็งคอลเซ็นเตอร์ให้เข้มข้นมากขึ้นว่า มีความเกี่ยวข้องหรือเข้าข่าย หรือมีพฤติกรรมการเปิดบัญชีม้าหรือไม่ เพื่อสนับสนุนงานด้านการบังคับใช้กฎหมาย การสกัดกั้นการหลอกลวง รวมถึงเป็นกลไกสำคัญในการขยายผลและติดตามการฟอกเงิน เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาดังกล่าวต่อไป

นอกจากนี้ ยังได้ทำหน้าที่หัวหน้าคณะผู้แทนไทย ในการประชุมผู้นำเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านดิจิทัลและผู้นำสภาหน่วยงานกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมแห่งอาเซียน อย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ 1 (The 1st ASEAN Digital Senior Officials Meeting – ASEAN Telecommunications Regulators’ Council Leaders’ Retreat) ประจำปี 2567 เพื่อร่วมหารือและขับเคลื่อนการดำเนินงานความร่วมมือด้านดิจิทัล ภายใต้แผนแม่บทอาเซียนด้านดิจิทัล ค.ศ. 2025 (ASEAN Digital Masterplan 2025) ระหว่างวันที่ 19-21 มีนาคม 2567 ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา พร้อมกันนี้ ประเทศไทยได้นำเสนอ 3 โครงการเพื่อผลักดันให้เกิดความร่วมมือในเวทีอาเซียน ได้แก่

  1. โครงการ Enhancing Digital Transformation with AI Skill among ASEAN มุ่งเน้นการพัฒนากรอบแนวทาง AI Literacy และจัดทำมาตรฐานการพัฒนากำลังคนด้านปัญญาประดิษฐ์ของอาเซียน เพื่อรองรับและประเมินความพร้อมทักษะบุคลากรอาเซียนกับการประยุกต์ใช้ AI ในองค์กร
  2. โครงการ ASEAN Digital Capacity Building for Smart Cities: ASEAN Chief Smart City Officers (ASEAN-CSCO) ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพการปรับเปลี่ยนไปสู่เมืองอัจฉริยะของประเทศสมาชิกอาเซียน ผ่านการถอดบทเรียนของเทศบาลนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นต้นแบบของไทยที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อส่งเสริมการให้บริการประชาชนและต่อยอดการพัฒนาเศรษฐกิจของเมือง
  3. โครงการ The Development of Guidelines for Digital Platform Regulation in ASEAN เพื่อศึกษาวิวัฒนาการ และสถานะการกำกับดูแลแพลตฟอร์มดิจิทัลของประเทศในอาเซียน สหภาพยุโรป และสหรัฐอเมริกา เพื่อนำมาจัดทำเป็นข้อเสนอแนะและแนวทางการกำกับดูแลแพลตฟอร์มดิจิทัลในระดับภูมิภาคอาเซียนที่เหมาะสม

ที่ประชุมได้เห็นพ้องร่วมกันและมีมติให้ประเทศไทยเป็น ผู้ดำเนิน โครงการ Final Review of ASEAN Digital Masterplan 2025 ASEAN Digital Masterplan 2025 ซึ่งเป็นโครงการสำคัญ ที่จะทบทวนและประเมินผลแผนแม่บท ADM 2025 ซึ่งมีการดำเนินโครงการต่างๆ มาตั้งแต่ ปี ค.ศ 2020-2025  เพื่อประเมินความสำเร็จของอาเซียน ตามเป้าประสงค์ของแผนแม่บท ในการปรับเปลี่ยนอาเซียนให้เป็นประชาคมผู้นำด้านดิจิทัลและขับเคลื่อนบริการ เทคโนโลยี และระบนิเวศด้านดิจิทัล ที่ขับเคลื่อนการรวมกลุ่มเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งเป็นประโยชน์ต่อการวางแนวนโยบายที่เหมาะสมในการพัฒนาด้านดิจิทัลของอาเซียนในระยะถัดไป และสนับสนุนการจัดทำแผนแม่บทดิจิทัลของอาเซียนปี 2030

“การไปเยือนกัมพูชาในครั้งนี้ ถือว่าเป็นประโยชน์กับประเทศไทยอย่างมาก ในการสร้างความร่วมมือกับต่างประเทศ และไทยยังเป็นแกนนำประเทศสมาชิกอาเซียนร่วมกันยกระดับการแก้ปัญหาการหลอกลวงออนไลน์ ส่งต่อแนวปฏิบัติที่ดีของไทยไปสู่กรอบอาเซียน อาทิ การจัดตั้งศูนย์ ACO 1441 และการออกพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 และในท้ายที่สุดเมื่อทุกประเทศมีความเข้มแข็งจะทำให้อาชญากรรมออนไลน์ซึ่งเป็นอาชญากรรมข้ามชาติดำเนินการได้ยากขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนไทยและพี่น้องชาวอาเซียนในระยะยาว ดีอียังได้ผลักดันความร่วมมือและโครงการด้านดิจิทัลต่าง ๆ ในกรอบอาเซียนอย่างต่อเนื่อง  อาทิ ด้านการพัฒนากำลังคนด้านปัญญาประดิษฐ์ของอาเซียน เมืองอัจฉริยะ และการกำกับดูแลแพลตฟอร์มดิจิทัล รวมทั้งประเทศไทยได้รับความไว้วางใจจากอาเซียนให้เป็นผู้ดำเนินโครงการการประเมินผลความสำเร็จของแผนแม่บทดิจิทัลของอาเซียนด้วย” ปลัดกระทรวงดีอี กล่าว

Kaspersky เปิดตัวเลขภัยคุกคามของไทยปี 2566 พร้อมแนวโน้มล่าสุดแนะองค์กรรับมือด้วยแพลตฟอร์ม KUMA รับดิจิทัลไลเซชัน

supersab

Recent Posts

China Unicom to Blanket 300+ Cities with 5G-Advanced by 2025, While Thailand Leads APAC’s 5G Revolution

China Unicom has launched its ambitious 5G-Advanced Action Plan, setting the stage for a significant…

30 minutes ago

AIS ผนึกกำลังพันธมิตรภาครัฐ เดินหน้าจัดระเบียบสายสื่อสาร ถนนวิทยุ สร้างมหานครสวยงาม ปลอดภัย

AIS จับมือ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.), กสทช., กรุงเทพมหานคร และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระดมทีมวิศวกรเข้าดำเนินการจัดระเบียบสายสื่อสารบนเสาไฟฟ้าและนำลงใต้ดิน บริเวณถนนวิทยุ ตั้งแต่แยกวิทยุ ถึงแยกเพลินจิต ทั้งสองฝั่ง ตลอดแนวถนน การดำเนินงานในครั้งนี้ มุ่งเน้นไปที่ความปลอดภัยของประชาชนและการลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ…

49 minutes ago

“Trumpism 2.0” กระแทกโลก! สกสว. ชี้ไทยต้องเร่งเครื่อง BCG Economy ดันนวัตกรรมรับมือ ตั้งเป้าปั้นไทยเป็นฮับเทคโนโลยีอาเซียน ดึงต่างชาติร่วมลงทุน

ในยุคที่ "Trumpism" กำลังเขย่าวงการโลกอีกครั้ง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ได้จัดเวทีเสวนา “Trump 2.0 วิกฤตหรือโอกาสของระบบ ววน. ไทย” เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบจากนโยบาย "America…

56 minutes ago

องค์กร 61% กังวลความปลอดภัยคลาวด์ ฟอร์ติเน็ตแนะใช้แพลตฟอร์มรวมศูนย์-เสริมทักษะรับมือภัยคุกคามยุคใหม่

ฟอร์ติเน็ต เปิดเผยผลสำรวจล่าสุดจากรายงานสถานะความปลอดภัยระบบคลาวด์ประจำปี 2568 (2025 State of Cloud Security Report) ซึ่งจัดทำโดย Cybersecurity Insiders ชี้ให้เห็นว่า องค์กรส่วนใหญ่กำลังเผชิญกับความท้าทายในการรักษาความปลอดภัยบนคลาวด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการปฏิบัติตามกฎระเบียบและการปกป้องข้อมูล…

60 minutes ago

เปิดเทรนด์ “Conscious Travel” สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

ยุคสมัยที่โรงแรมเป็นเพียง "ที่นอน" ได้ลาจากไปแล้ว! นักท่องเที่ยวไทยยุคใหม่กำลังมองหาประสบการณ์ที่มากกว่าการพักผ่อน พวกเขาต้องการสัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่น และใส่ใจความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม เทรนด์ "Conscious Travel" หรือการเดินทางอย่างมีสติกำลังมาแรง สะท้อนผ่านพฤติกรรมการพักผ่อนที่ยาวนานขึ้นในโรงแรม พร้อมแสวงหาประสบการณ์สุดพิเศษที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคล เจาะลึกเทรนด์นักท่องเที่ยว จากรายงาน Changing…

1 hour ago

ไชน่า ยูนิคอม ผนึกกำลัง หัวเว่ย เร่งเครื่อง 5G-Advanced ทั่วเอเชีย

ไชน่า ยูนิคอม ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญในการพัฒนาเครือข่าย 5G ไปอีกขั้น ด้วยการเปิดตัวแผนปฏิบัติการ 5G-Advanced อย่างเป็นทางการ ในงานแถลงข่าว "Powering the Asian Winter Games with…

1 hour ago