ดีอี และพันธมิตร เร่งเครื่องแก้ปัญหาภัยออนไลน์ ตามข้อสั่งการฯ นายกรัฐมนตรี

ดีอี และพันธมิตร เร่งเครื่องแก้ปัญหาภัยออนไลน์ ตามข้อสั่งการฯ นายกรัฐมนตรี

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชกรรมออนไลน์ทางเทคโนโลยี วันนี้ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย (มท.) ผู้แทนกระทรวงกลาโหม (กห.) ผู้แทนศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (National Electronics and Computer Technology Center : NECTEC หรือเนคเทค) (กว.) ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผู้แทนสมาคมธนาคารไทย ผู้แทนสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ผู้แทนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) และผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) มาหารือร่วมกันเพื่อดำเนินงานตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ในการแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ ให้มีผลงานชัดเจนใน 30 วัน ซึ่งมีประเด็นการหารือ ดังนี้

1.การบูรณาการข้อมูล มอบหมายให้ กสทช. ธปท. สมาคมธนาคารไทย กลต. ปปง. ดีเอสไอ สตช. และกระทรวงดีอี เร่งดำเนินการบูรณาการข้อมูล โดยมีกระทรวงดีอี ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (Anti Online Scam Operation Center : ศูนย์ AOC) เป็นเจ้าภาพหลัก ในการเชื่อมโยงข้อมูลของทุกหน่วยงาน ซึ่งทุกหน่วยงานจะต้องส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เช่น ข้อมูลบัญชีม้า ซิมม้า ข้อมูล URL/Line
ของเว็บพนัน หรือข้อมูลอื่นๆ ที่ศูนย์ AOC 1441 ร้องขอ รวมทั้งพัฒนาระบบบูรณาการข้อมูลให้มีความมั่นคงปลอดภัย และ ไม่ขัดต่อ กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

2.มาตรการแก้ไขปัญหาบัญชีม้า มอบหมายให้ ธปท. และสมาคมธนาคารไทย แก้ไขปัญหา โดยการนำบัญชีม้าออกจากระบบอย่างเร่งด่วน มีมาตรการป้องกันการเกิดบัญชีม้าเข้าสู่ในระบบ รวมถึงมาตรการกำกับการเปิดบัญชีออนไลน์ และการเปิดบัญชีหลายบัญชีต้องมีมาตรการตรวจสอบก่อนอนุมัติเปิดบัญชี โดยสั่งการให้ ธปท. กำหนดมาตรการควบคุมการเปิดบัญชี รวมถึงการมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบความเสียหายร่วมกัน
ภายใน 1 สัปดาห์ ที่ผ่านมาสำนักงาน ปปง. ได้ดำเนินการปิดบัญชีม้าไปแล้ว 318,298 บัญชี และศูนย์ AOC
ปิดไปแล้ว 102,900 บัญชี

3.การแก้ไขปัญหาซิมม้าได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องโดย กสทช. ได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการลงทะเบียนเพื่อยืนยันตัวตนสำหรับผู้ถือครองซิมการ์ดมากกว่า 100 ซิม โดยครบกำหนดการยืนยันตัวตนเมื่อวันที่ 14 ก.พ.2567 มีผู้มายืนยันตัวตนแล้วจำนวน 2.57 ล้านหมายเลข และอยู่ระหว่างดำเนินการระงับ จำนวน 2.5 ล้านหมายเลข โดยในส่วนของ สตช. และกระทรวงดีอีได้ระงับซิมม้าไปแล้ว 8 แสนกว่าหมายเลข

4.ดำเนินการเรื่องเสาโทรคมนาคม สายสัญญาณอินเทอร์เน็ต และสายโทรศัพท์ ที่ผิดกฎหมายตามแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน โดยร่วมกับกระทรวงกลาโหม กสทช. สตช. เพื่อปิดกั้น และจับกุมผู้กระทำความผิด

5.ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยในการจับกุม ปราบปราม ชาวต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทยที่มีพฤติกรรมผิดกฎหมายโดยเฉพาะการชักชวน หลอกลวงคนไทยเพื่อพาไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งนี้ ให้ความสำคัญกับจังหวัดที่มีพรมแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน

6.การปราบปรามจับกุมอาชญากรรมออนไลน์ มอบหมายให้ สตช. ดำเนินการจัดทำแผนปฏิบัติการปราบปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และอาชญากรรมออนไลน์ โดยมีเป้าหมายชัดเจน และบูรณาการแผนฯ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และดำเนินการสืบสวน สอบสวน และขยายผลการเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ที่ร่วมการกระทำความผิดอาชญากรรมออนไลน์

7.ดำเนินงานด้านระหว่างประเทศ ได้มอบหมายให้กระทรวงดีอี สตช. บูรณาการประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ในเชิงรุก รวมทั้ง มอบหมายให้ สตช. และ ตม. เคร่งครัดการตรวจสอบบุคคลเข้า-ออก และการเข้า-ออกผ่านช่องทางธรรมชาติ เพื่อลดปัญหาการเดินทางไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงการขนเงินออกนอกประเทศ ซึ่ง กต. ให้การสนับสนุนการประสานงานในการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน ในประเด็นการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เว็บพนันออนไลน์ รวมถึงประเด็นปัญหาอาชญกรรมออนไลน์อื่นๆ รวมทั้ง ขอความร่วมมืออธิบดีกรมการปกครองสำรวจคนต่างด้าวที่พำนักอาศัยในประเทศสักระยะหนึ่ง ให้แจ้งข้อมูลส่งให้ศูนย์ AOC1441 เพื่อตรวจสอบพฤติกรรมที่ผิดสังเกตคนต่างด้าวที่เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์

8.การแก้ไขกฎหมาย กฎระเบียบ เกี่ยวกับการแก้ปัญหาภัยออนไลน์ ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้

  1. ขอให้ สคบ. พิจารณาแก้ไขกฎหมาย หรือกฎระเบียบ ที่เกี่ยวกับการบริการเก็บเงินปลายทางสำหรับพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (COD) เพื่อขจัดปัญหาการหลอกขายสินค้าออนไลน์ ภายในเดือนพฤษภาคม นี้
  2. กลต. ศึกษาระเบียบการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลของผู้ประกอบธุรกิจ P2P และประกาศใช้ เพื่อตัดช่องทางการโอนเงินไปเป็นสกุลเงินดิจิทัลออกจากบัญชีม้า
  3. สำนักงาน กสทช. กำหนดกฎระเบียบเกี่ยวกับการใช้บริการข้อความสั้น (SMS) ในการส่งข้อความหรือส่งลิงก์หลอกลวง
  4. คณะอนุกรรมการด้านกฎหมาย พิจารณาแก้ไขปัญหาการคืนเงินให้แก่ผู้เสียหาย
  5. สำนักงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคล

ทั้งนี้ ดีอี ร่วมกับ NECTEC หารือแนวทางการจัดตั้งห้องปฏิบัติการปัญญาประดิษฐ์เพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลสำหรับ AOC (AOC Data Lab) เพื่อใช้ในการวิเคราะห์ตรวจสอบข้อมูลเพื่อใช้กำหนดนโยบายการแก้ไข และป้องกันอาชญากรรมออนไลน์

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมมือกันเร่งแก้ไขปัญหาภัยออนไลน์ให้แก่พี่น้องประชาชนอย่างเร่งด่วน ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี (นายเศรษฐา ทวีสิน) โดยได้กำชับทุกหน่วยงานเร่งดำเนินการและรายงานความคืบหน้าให้ทราบทุกสัปดาห์

ดีอี เตือนข่าวปลอมสุขภาพมาแรง “9 อาการที่จะทำให้เป็นโรคหัวใจระยะแรก” ระบาดหนักว่อนโซเชียล วอนอย่าแชร์!

Related Posts

Scroll to Top