รัฐบาลเดินหน้ามาตรการ “การยกระดับความปลอดภัยในการใช้ Mobile Banking” ตรวจสอบชื่อผู้ใช้งาน Mobile Banking ให้ตรงกับชื่อเจ้าของซิม สกัดบัญชีม้า ตัดตอนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เริ่ม 1 กุมภาพันธ์ 2568 นี้ ขณะที่ AIS-True ประกาศสนับสนุนมาตรการภาครัฐ ยกระดับความปลอดภัยโมบายแบงก์กิ้ง ลูกค้าได้รับ SMS แจ้งเตือนจากธนาคาร ให้รีบอัปเดตข้อมูลชื่อผู้จดทะเบียนซิมให้ตรงกับบัญชีธนาคาร ภายใน 30 เมษายน 2568 ป้องกันการถูกระงับการใช้งาน พร้อมอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าทุกขั้นตอน
ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และบัญชีม้า ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อประชาชน โดยมติที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้มอบหมายให้ ปปง., ธปท., กสทช., สมาคมธนาคารไทย และสมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกันยกระดับความปลอดภัยในการใช้งาน Mobile Banking เพื่อสกัดกั้นบัญชีม้าที่เป็นช่องทางในการก่ออาชญากรรมของมิจฉาชีพ โดยกำหนดให้ชื่อผู้ใช้งาน Mobile Banking ตรงกับชื่อเจ้าของซิม
มาตรการ “การยกระดับความปลอดภัยในการใช้ Mobile Banking”
กระทรวงดีอี ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินมาตรการตรวจสอบรายชื่อเจ้าของหมายเลขโทรศัพท์มือถือ และเจ้าของบัญชีธนาคาร Mobile Banking หรือ การ Cleaning Mobile Banking เพื่อให้ชื่อผู้ใช้งาน Mobile Banking ตรงกับชื่อเจ้าของซิมหมายเลขโทรศัพท์มือถือ โดย กสทช. และผู้ให้บริการโทรคมนาคม (Telco), สำนักงาน ปปง., ธปท. และธนาคาร ได้ดำเนินการตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์จำนวนกว่า 120 ล้านหมายเลข ซึ่งเสร็จสิ้นเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา และแบ่งกลุ่มลูกค้าออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
- กลุ่ม M: ลูกค้าที่ Telco แจ้งว่าชื่อเจ้าของซิม และ Mobile Banking ตรงกัน มีจำนวนประมาณ 75.8 ล้านหมายเลข คิดเป็นร้อยละ 63.02
- กลุ่ม N: ลูกค้าที่ Telco แจ้งว่าชื่อเจ้าของซิม และ Mobile Banking ไม่ตรงกัน มีจำนวนประมาณ 30.9 ล้านหมายเลข คิดเป็นร้อยละ 25.68
- กลุ่ม P: ลูกค้าที่ Telco แจ้งว่าไม่พบชื่อเจ้าของซิม หรือไม่มีข้อมูล มีจำนวน 13.5 ล้านหมายเลข คิดเป็นร้อยละ 11.29
ขั้นตอนการดำเนินการ
- แจ้งเตือน: ธนาคารจะดำเนินการแจ้งประชาชนที่อยู่ในกลุ่ม N และกลุ่ม P ผ่านช่องทาง Mobile Banking ของแต่ละธนาคาร ภายในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568
- อัพเดตข้อมูล: ประชาชนที่ได้รับแจ้งต้องดำเนินการอัพเดตข้อมูลชื่อเจ้าของซิม และชื่อผู้ใช้งาน Mobile Banking ให้ตรงกัน ภายในเวลา 90 วัน (สิ้นสุดวันที่ 30 เมษายน 2568)
- ระงับการใช้งาน: หากไม่ดำเนินการภายในเวลาที่กำหนด ปปง., ธปท. และ กสทช. จะพิจารณาระงับการใช้งาน Mobile Banking เป็นการชั่วคราว
กลุ่มลูกค้าที่ต้องดำเนินการ
1. กลุ่ม N (ชื่อเจ้าของซิม และ Mobile Banking ไม่ตรงกัน):
- บัญชีคนไทย: ลูกค้าที่เปิดบัญชีตั้งแต่ปี พ.ศ. 2565 และเปิดใช้งาน Mobile Banking ก่อนปี พ.ศ. 2566 ที่มีชื่อเจ้าของซิมไม่ตรงกับชื่อผู้ใช้งาน Mobile Banking
- บัญชีต่างชาติ: ลูกค้าต่างชาติที่เปิดบัญชีตั้งแต่ปี พ.ศ. 2565 และเปิดใช้งาน Mobile Banking ก่อนปี พ.ศ. 2566 ที่มีชื่อเจ้าของซิมไม่ตรงกับชื่อผู้ใช้งาน Mobile Banking
วิธีการดำเนินการ:
- เปลี่ยนชื่อเจ้าของซิม: ติดต่อศูนย์บริการโทรศัพท์มือถือเพื่อเปลี่ยนชื่อเจ้าของซิมให้ตรงกับชื่อผู้ใช้งาน Mobile Banking
- เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ที่ผูกกับ Mobile Banking: ติดต่อธนาคารที่ใช้งาน Mobile Banking เพื่อเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์มือถือที่ผูกกับบัญชี ให้เป็นเบอร์ที่มีชื่อเจ้าของซิมตรงกับชื่อผู้ใช้งาน Mobile Banking
2. กลุ่ม P (ไม่พบชื่อเจ้าของซิม):
- ลูกค้าที่เปิดบัญชีตั้งแต่ปี พ.ศ. 2565 และเปิดใช้งาน Mobile Banking ก่อนปี พ.ศ. 2566 ที่ตรวจสอบจากค่ายมือถือแล้ว แต่ไม่พบชื่อเจ้าของซิม
วิธีการดำเนินการ:
- ลงทะเบียนซิม: ติดต่อศูนย์บริการโทรศัพท์มือถือที่ใช้บริการด้วยตนเอง พร้อมบัตรประชาชน เพื่อลงทะเบียนซิม โดยสามารถเลือกลงทะเบียนชื่อเจ้าของซิมให้ตรงกับชื่อผู้ใช้งาน Mobile Banking หรือลงทะเบียนชื่อเจ้าของซิมเป็นชื่ออื่นตามที่ต้องการ (ธนาคารไม่สามารถดำเนินการแทนได้)
หมายเหตุ:
- กำหนดเวลา: ลูกค้าที่ได้รับแจ้งให้ดำเนินการอัพเดตข้อมูล ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 เมษายน 2568 หากไม่ดำเนินการตามกำหนด บริการ Mobile Banking อาจถูกระงับการใช้งาน
- ลูกค้าทั่วไป: ประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้รับการแจ้งเตือนผ่าน Mobile Banking ยังไม่ต้องดำเนินการใดๆ และสามารถใช้ Mobile Banking ได้ตามปกติ แม้ว่าชื่อเจ้าของหมายเลขโทรศัพท์จะไม่ตรงกับเจ้าของ Mobile Banking
ข้อยกเว้น
กระทรวงดีอี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้พิจารณายกเว้นกลุ่มบุคคล ดังนี้
- เบอร์มือถือที่จดทะเบียนในชื่อหน่วยงานราชการ: เช่น สำนักงานอัยการสูงสุด หรือองค์กรที่ใช้โดยพนักงานหรือเจ้าหน้าที่
- ลูกค้าที่มีความจำเป็นหรือข้อจำกัดเฉพาะ: เช่น ไม่สามารถเปลี่ยนเบอร์มือถือได้เนื่องจากข้อจำกัดทางกฎหมาย หรือเอกสาร สามารถยื่นคำร้องขอยกเว้น พร้อมเอกสารประกอบแสดงเหตุผลต่อธนาคาร
- กลุ่มบุคคลในครอบครัว: เช่น พ่อ แม่ บุตร พี่น้อง ปู่ ย่า ตายาย คู่สมรส (จดทะเบียน) โดยต้องแสดงเอกสารความสัมพันธ์ต่อธนาคาร เช่น ทะเบียนบ้าน สูติบัตร ทะเบียนสมรส และเอกสารแสดงความเป็นเจ้าของเบอร์โทรศัพท์ เช่น ใบกำกับภาษี ใบเสร็จค่าโทรศัพท์
- นิติบุคคล: เช่น บริษัทเอกชน หรือนิติบุคคลตามกฎหมาย (กรณีที่ลงทะเบียนในนามนิติบุคคล และให้พนักงานในองค์กรใช้งาน) ต้องมีเอกสารรับรองจากบริษัท ที่มีข้อความระบุชื่อ เบอร์โทรศัพท์ และอนุญาตให้ใช้เบอร์โทรศัพท์ผูก Mobile Banking
- ผู้ที่ต้องได้รับความดูแลตามกฎหมาย: เช่น ผู้ไร้ความสามารถ ผู้เสมือนไร้ความสามารถ และผู้พิการ ต้องแสดงเอกสารตามคำสั่งศาลแต่งตั้งผู้อนุบาล หรือเอกสารตามคำสั่งศาลแต่งตั้งผู้พิทักษ์ บัตรผู้พิการ หรือเอกสารที่หน่วยงานราชการออกให้
ประเสริฐ ย้ำว่า มาตรการนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการยกระดับการป้องกันและปราบปรามการก่ออาชญากรรมออนไลน์ โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และบัญชีม้า ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล โดยการยกระดับมาตรการด้าน Mobile Banking นี้ เป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงดีอี, กสทช., ปปง., ภาคธนาคาร และภาคโทรคมนาคม เพื่อตัดตอนเส้นทางการเงินของมิจฉาชีพ และสร้างความปลอดภัยในการทำธุรกรรมออนไลน์ให้กับประชาชน
AIS-True ร่วมยกระดับความปลอดภัยโมบายแบงก์กิ้ง หนุนมาตรการรัฐ ตรวจสอบชื่อผู้ใช้บริการให้ตรงกับบัญชีธนาคาร
AIS และ True สองผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่ของประเทศไทย ประกาศเดินหน้าสนับสนุนมาตรการของภาครัฐในการป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยกระดับความปลอดภัยในการใช้งานโมบายแบงก์กิ้ง สืบเนื่องจากปัญหาการเกิดขึ้นของ “บัญชีม้า” ที่ถูกมิจฉาชีพใช้เป็นช่องทางในการหลอกลวงประชาชน สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล
มาตรการสำคัญ: ภาครัฐกำหนดให้ชื่อผู้ใช้งานโมบายแบงก์กิ้งต้องตรงกับชื่อเจ้าของซิมหมายเลขโทรศัพท์มือถือ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป
AIS อำนวยความสะดวก: สำหรับลูกค้า AIS ที่ได้รับ SMS แจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันธนาคาร ให้รีบดำเนินการอัปเดตชื่อจดทะเบียนซิมให้ตรงกับบัญชีโมบายแบงก์กิ้ง ภายในวันที่ 30 เมษายน 2568 หากไม่ดำเนินการภายในระยะเวลาที่กำหนด บริการโมบายแบงก์กิ้งอาจถูกระงับการใช้งาน
วรุณเทพ วัชราภรณ์ หัวหน้าฝ่ายงานธุรกิจสัมพันธ์ AIS กล่าวว่า “AIS พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างปีแห่งความปลอดภัยไซเบอร์ให้กับประเทศไทย พร้อมสนับสนุนให้ทุกการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลของคนไทยปลอดภัยและมั่นใจยิ่งขึ้น รวมถึงเสริมสร้างความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางการเงิน จึงขอให้ลูกค้าที่ได้รับการแจ้งเตือนจากแอปธนาคารรีบดำเนินการปรับปรุงข้อมูลให้ถูกต้องภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยเอไอเอสพร้อมอำนวยความสะดวกในทุกขั้นตอนอย่างเต็มที่”
ลูกค้า AIS สามารถดำเนินการอัปเดตข้อมูลได้ฟรี โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ที่ AIS Shop, AIS Telewiz, AIS Buddy หรือตัวแทนจำหน่าย AIS ทั่วประเทศกว่า 2,400 จุด
ทรู พร้อมให้บริการ: ด้านทรู คอร์ปอเรชั่น โดย จักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกิจการองค์กร เปิดเผยว่า ทรูให้ความสำคัญต่อมาตรการของภาครัฐที่เป็นแนวทางเสริมสร้างความปลอดภัยทางการเงินและป้องกันซิมผี บัญชีม้า พร้อมอำนวยความสะดวกลูกค้าผู้ใช้บริการตามหลักเกณฑ์และแนวทางของธนาคารเจ้าของบัญชี
ทั้งนี้ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน 2568 ธนาคารจะเป็นผู้ส่ง SMS แจ้งเตือนลูกค้าที่ต้องดำเนินการ หากชื่อผู้ใช้งานโมบายแบงก์กิ้งไม่ตรงกับชื่อเจ้าของซิมหมายเลขโทรศัพท์มือถือ ดังนั้น หากลูกค้าไม่ได้รับการแจ้งเตือน ก็ไม่จำเป็นต้องดำเนินการใด ๆ และสามารถใช้โมบายแบงก์กิ้งได้ตามปกติ
สำหรับลูกค้าทรูที่ได้รับ SMS แจ้งเตือนจากธนาคาร สามารถติดต่อสอบถามได้โดยตรงจากธนาคารเจ้าของบัญชี หรือ คอลเซ็นเตอร์ ทรู 1242 หรือ ดีแทค 1678
กรณีที่ต้องการเปลี่ยนชื่อผู้จดทะเบียนเบอร์มือถือให้ตรงกับชื่อเจ้าของบัญชีโมบายแบงก์กิ้ง ผู้จดทะเบียนเดิมและใหม่ สามารถนำบัตรประชาชนตัวจริงไปติดต่อดำเนินการได้ที่ ทรูช้อป หรือศูนย์บริการดีแทค
กลุ่มที่ได้รับการยกเว้น: สำหรับกลุ่มบุคคลที่ได้รับการอนุโลมให้ชื่อจดทะเบียนซิมไม่ต้องตรงกับบัญชีโมบายแบงก์กิ้ง ได้แก่
- บุคคลในครอบครัว
- ผู้ที่ต้องได้รับการดูแลตามกฎหมาย
- นิติบุคคล
โดยต้องนำเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องไปยืนยันตนที่ธนาคารภายในวันที่ 30 เมษายน 2568
ความร่วมมือครั้งสำคัญ: มาตรการดังกล่าวเกิดจากความร่วมมือของหลายหน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.), สํานักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.), ธนาคารแห่งประเทศไทย และสมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทย เพื่อยกระดับความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางการเงิน และสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในการใช้งานโมบายแบงก์กิ้ง
คำแนะนำเพิ่มเติม:
- ตรวจสอบ SMS แจ้งเตือนจากธนาคารอย่างสม่ำเสมอ
- หากพบความผิดปกติใด ๆ ให้รีบติดต่อธนาคารเจ้าของบัญชีทันที
- ไม่ควรเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว เช่น รหัสผ่าน OTP ให้กับบุคคลอื่น
- อัปเดตแอปพลิเคชันธนาคารให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดอยู่เสมอ
ทั้งนี้ ประชาชนที่จะต้องดำเนินการอัพเดตข้อมูล จะได้รับการแจ้งเตือนผ่าน Mobile Banking ของธนาคารโดยตรงเท่านั้น จะไม่มีการแจ้งเตือนผ่านช่องทางอื่นๆ เพื่อป้องกันมิจฉาชีพแอบอ้าง ดังนั้น ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อการแจ้งเตือนจากช่องทางอื่นๆ นอกเหนือจาก Mobile Banking ของธนาคาร
–10 เกราะป้องกันภัยไซเบอร์ รู้ทันกลโกงมิจฉาชีพ ใช้บัตรเครดิตออนไลน์อย่างอุ่นใจ