ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคการขนส่ง ซึ่งถือเป็นเส้นเลือดใหญ่ของประเทศ การรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์จึงเป็นสิ่งที่ไม่อาจมองข้ามได้ สำนักงานคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) และสำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม (สปค.) ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญดังกล่าว จึงได้ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2568 เพื่อเสริมสร้างมาตรการและมาตรฐานด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ มุ่งยกระดับการป้องกันภัยคุกคามที่อาจส่งผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของประเทศ
ดร.ณหทัย ทิวไผ่งาม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่าเป็น “การแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการปกป้องโครงสร้างพื้นฐานของประเทศจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่มีความซับซ้อนและรุนแรงมากขึ้นในยุคดิจิทัล” พร้อมทั้งเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการพัฒนาแนวทางการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านภัยคุกคามไซเบอร์ระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงการเสริมสร้างศักยภาพของบุคลากรให้พร้อมรับมือกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่
วิทยา ยาม่วง รองปลัดกระทรวงคมนาคม ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “กระทรวงคมนาคมตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ต่อระบบขนส่งของประเทศ” เนื่องจากปัจจุบัน ระบบควบคุมการเดินรถ ระบบตั๋วอิเล็กทรอนิกส์ และโครงข่ายการสื่อสารของโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม ล้วนต้องพึ่งพาเทคโนโลยีดิจิทัลในการบริหารจัดการ การร่วมมือกับ สกมช. ในครั้งนี้ จึงเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันภัยไซเบอร์
พลอากาศตรี อมร ชมเชย เลขาธิการคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ได้กล่าวว่า “โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ” การลงนามบันทึกความเข้าใจในครั้งนี้ จะช่วยเสริมสร้างมาตรการป้องกันและรับมือภัยคุกคามทางไซเบอร์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ลดความเสี่ยงจากการโจมตีทางไซเบอร์ที่อาจส่งผลกระทบต่อระบบขนส่ง ความปลอดภัยของประชาชน และความมั่นคงของประเทศ
ปัจจุบัน ระบบขนส่งและโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมมีการพึ่งพาเทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้น ตั้งแต่ระบบควบคุมการเดินรถ ระบบตั๋วอิเล็กทรอนิกส์ โครงข่ายการสื่อสารของโครงสร้างพื้นฐาน ไปจนถึงระบบขนส่งอัจฉริยะ (ITS) ที่นำเทคโนโลยีมาช่วยบริหารจัดการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกสบายให้กับประชาชน อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีเหล่านี้ก็นำมาซึ่งความเสี่ยงด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน
“เรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมต้องเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้น ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์จึงไม่ใช่เพียงทางเลือก แต่เป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องให้ความสำคัญลำดับแรก” พลอากาศตรี อมร กล่าว
ภายใต้ความร่วมมือนี้ สกมช. จะทำงานร่วมกับกระทรวงคมนาคมในการพัฒนาแนวทางป้องกันและตอบโต้ภัยคุกคามทางไซเบอร์อย่างเป็นระบบ รวมถึงจัดทำมาตรฐานและแนวปฏิบัติที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล เพื่อให้โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมมีความมั่นคงปลอดภัย พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและการพัฒนาระบบขนส่งอัจฉริยะในอนาคต
นอกจากนี้ สกมช. และกระทรวงคมนาคม ยังได้วางแผนร่วมกันในการพัฒนากำลังคนเฉพาะทางด้านไซเบอร์สำหรับภาคคมนาคม ผ่านโครงการฝึกอบรมและการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ให้สามารถเฝ้าระวัง วิเคราะห์ และตอบสนองต่อภัยคุกคามไซเบอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การเติบโตของเทคโนโลยีเหล่านี้มาพร้อมกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อทั้งความปลอดภัยของระบบและข้อมูลที่สำคัญ
“ในเวทีเสวนาเรื่อง ‘OT Security กับอนาคตของ Digital Infrastructure ท่ามกลางความท้าทายจากภัยคุกคามไซเบอร์ในอุตสาหกรรมสำคัญของไทย’ เราได้แลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับความท้าทายในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของระบบเทคโนโลยีปฏิบัติการ (OT) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในภาคอุตสาหกรรม เช่น ระบบขนส่ง พลังงาน และการผลิต ที่ต้องอาศัยความปลอดภัยสูงสุดในการดำเนินงาน”

โครงการสนับสนุนการจัดตั้ง Sectoral CERT ด้านขนส่งและโลจิสติกส์ และด้านพลังงาน จัดขึ้นเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงปลอดภัยของระบบสารสนเทศในภาคขนส่ง โลจิสติกส์ และพลังงาน มีเป้าหมายในการช่วยเฝ้าระวัง ตรวจจับ รับมือ ป้องกัน แจ้งเตือน และบรรเทาสถานการณ์จากภัยคุกคามใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละภาคส่วน
ทั้งในแง่ของการจัดการกับช่องโหว่ และการตรวจสอบประมวลผลหลังเกิดเหตุ โดยวัตถุประสงค์ของโครงการคือ การพัฒนาระบบป้องกัน ตรวจจับ วิเคราะห์ และโต้ตอบภัยคุกคามไซเบอร์ โดยเตรียมความพร้อมในการรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉินในระบบคอมพิวเตอร์ของหน่วยงานในภาคขนส่ง โลจิสติกส์ และพลังงาน พร้อมทั้งการสร้างทีมบุคลากรและศูนย์ประสานงานเฉพาะที่มีศักยภาพในการติดต่อ ประสานงาน และรับมือภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพในการรับแจ้งเตือนภัยคุกคาม พร้อมทั้งให้คำแนะนำและแนวปฏิบัติที่เหมาะสมแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมพร้อมรับมือภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ทั้งนี้ พาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ ได้เข้ามาสนับสนุนโซลูชั่นในโครงการ Sectoral CERT อันประกอบด้วย ระบบไฟร์วอลล์ ในการป้องกันภัยไซเบอร์ โซลูชั่น XDR,และ Cortex XSOAR ช่วยให้ทีมรักษาความปลอดภัยลดเวลาเฉลี่ยในการตรวจจับ (MTTD) และเวลาในการตอบสนองเฉลี่ย (MTTR) และสามารถทำได้อย่างอัตโนมัติ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญสำหรับทีมรักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะในระบบขนส่งซึ่งจำเป็นต้องรายงานผลได้อย่างทันท่วงที
–ภัยไซเบอร์ทุบสถิติ “พลสุธี” แนะเทคนิครู้ทันกลโกง รับมือภัยร้ายยุคดิจิทัล