จ๊อบส์ดีบี จัดงาน “FORWARD TOGETHER: Unlock the Future of Hiring” ฉายภาพรวมสถานการณ์การจ้างงานตลาดในประเทศไทยและแนวโน้มทรานส์ฟอร์มเข้าสู่โลกดิจิทัลเต็มตัว อิงผลสำรวจล่าสุด เผยหลายองค์กรปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัล เร่งพัฒนาระบบสรรหาบุคลากรที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ทันสมัยและเพิ่มโอกาสการแข่งขันเอาชนะใจผู้หางานยุคใหม่ แนะโซลูชันองค์กรพร้อมเปิดมิติใหม่สู่การสรรหาบุคลากรในอนาคต
ดวงพร พรหมอ่อน กรรมการผู้จัดการ บริษัท จัดหางาน จ๊อบส์ ดีบี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “สถานการณ์โรคระบาดได้สร้างความเปลี่ยนแปลงในหลายอุตสาหกรรมในรูปแบบที่แตกต่างกัน สิ่งหนึ่งที่สังเกตเห็นได้ชัดคือประเทศไทยของเรามีการปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัลมากขึ้นและจริงจังขึ้นกว่าเดิม แม้ว่ากระบวนการทรานฟอร์มเข้าสู่ Digital HR ก่อนหน้านี้จะเป็นไปอย่างล่าช้า แต่เมื่อประสบกับสถานการณ์โควิด-19 หลาย ๆ องค์กรจากหลากหลายอุตสาหกรรมก็ปรับตัวไปในทิศทางเดียวกัน คือ มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำงานและกระบวนการสรรหาบุคลากรมากขึ้น”
–JobsDB เผยผลสำรวจค่าตอบแทน และสวัสดิการ พบตลาดงานไทยกลับมาคึกคักเหมือนช่วงก่อนเกิดโควิด
สำหรับงาน “FORWARD TOGETHER: Unlock the Future of Hiring” ถือเป็นกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟต่อยอดจากระดับภูมิภาค เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ ให้กับพาร์ทเนอร์คนสำคัญของจ๊อบส์ดีบี โดยในครั้งนี้มีผู้ประกอบการในประเทศไทยเข้าร่วมงานกว่า 52 บริษัท
ภายในงาน ปีเตอร์ บิโธส ประธานกรรมการบริหาร ซีค เอเชีย ได้มาอัปเดตสถานการณ์ตลาดแรงงานโลกที่มีแนวโน้มดีดตัวกลับมาหลังจากที่ได้รับผลกระทบในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา “ในขณะที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวกลับมา ตลาดแรงงานปรับเปลี่ยนจาก Great Resignation เข้าสู่ Career Configuration เหล่าแรงงานกลับมาฮึดสู้และออกหางานอีกครั้ง ซีค เอเชีย สานต่อพันธะสัญญาเพื่อเป็นพาร์ทเนอร์เชื่อมต่อผู้ประกอบการและผู้หางานในยุคดิจิทัลที่ดีที่สุด เราได้มีการลงทุนเพิ่มเติมในเทคโนโลยี A.I. อย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการขององค์กร และวันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่ความมุ่งมั่นของเราสัมฤทธิ์ผล”
ลูอิส เอิง กรรมการผู้อํานวยการฝ่ายปฏิบัติการ ซีค เอเชีย กล่าวเสริมว่า “อีกไม่กี่เดือนข้างหน้าต่อจากนี้ เราเชื่อว่าฝ่ายทรัพยากรบุคคลในหลายองค์กรอาจต้องเผชิญกับแรงกดดันรอบทิศทางจากการปรับตัวรับกับเศรษฐกิจ ทั้งเรื่องของระบบ การดำเนินการ และทรัพยากรในองค์กร รวมไปถึงการช่วงชิงบุคลากรในตลาดที่อาจมาพร้อมกับต้นทุนมหาศาล วันนี้เราจึงมาอัปเดตเทรนด์และแนวทางที่มีประสิทธิภาพเพื่อช่วยในเรื่องการสรรหาสำหรับทุกองค์กร”
ดวงพร เปิดเผย ผลสำรวจแนวโน้มสถานการณ์การจ้างงาน ผลตอบแทน และสวัสดิการ ปี 2565-2566 (Compensation & Benefit Survey) สำรวจ HR และผู้ประกอบการ 429 ราย ในประเทศไทยว่า “องค์กรมากมายกำลังปรับเปลี่ยนระบบภายในให้มีความเป็นดิจิทัลมากขึ้น อาทิ การนำเทคโนโลยีและการทำงานทางไกลมาใช้ การใช้เครื่องมือเพื่อจัดการกลยุทธ์ในการบริหารบุคลากรหรือการหาโซลูชันเพื่อสรรหาคนที่ใช่เข้ามาในองค์กร ตลอดจนการเสริมและอัปเดตทักษะดิจิทัลให้บุคลากร
ทั้งนี้ ปรากฏการณ์ปรับตัวดังกล่าวเกิดขึ้นสอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบันและมุมมองที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้หางาน ซึ่งเป็นผลพวงมาจากวิถีชีวิตกำเนิดใหม่อย่าง New Normal โดยผู้หางานในวันนี้ เริ่มมีการปรับลำดับความสำคัญและความต้องการส่วนตัวใหม่ มีการมองหา Work-life balance สิทธิประโยชน์ และสวัสดิการโดยเฉพาะการทำงานระยะไกลและความยืดหยุ่นที่มากขึ้นจากองค์กร”
อย่างไรก็ตาม จากผลสำรวจ “Digital HR Transformation Survey 2022: Southeast Asia” โดย PwC พบว่า แม้ 79% ของผู้บริหารจะเห็นการเปลี่ยนสู่ดิจิทัลขององค์กรที่เร่งตัวขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่มีเพียง 25% เท่านั้นที่มีการกำหนดแนวทางการเปลี่ยนสู่ดิจิทัลของฝ่ายงาน HR ที่ชัดเจนและครอบคลุมทั่วทั้งองค์กร
ดังนั้น การปรับ mindset ตลอดจนการติดอาวุธ และส่งมอบการเรียนรู้ในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลสำหรับงานทรัพยากรบุคคลจึงเป็นเรื่องเร่งด่วน และเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยองค์กรเปิดประตูเข้าสู่ Digital HR ได้อย่างเต็มตัว
“สำหรับโรบินฮู้ดแล้ว hybrid working คือ สิ่งสำคัญในการดึงดูด talent รุ่นใหม่ที่เรากำลังตามหา เพราะทำให้สามารถทำงานไปพร้อม ๆ กับอยู่ในสภาพแวดล้อม บรรยากาศที่ talent เลือกเอง ในขณะเดียวกัน อีกสิ่งหนึ่งที่เรากำลังตามหา เพื่อให้สัมพันธ์และเสริมกันกับ hybrid working คือ growth mindset ลองคิดดูว่า ถ้าคนที่มี growth mindset ทำงานในสภาพแวดล้อมที่เขาเลือกเองได้ ประสิทธิภาพงานจะออกมาดีขนาดไหน” อมฤต ศุขะวณิช กรรมการผู้อํานวยการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด กล่าว
สำหรับ Digital HR ถือเป็นกระบวนการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในระบบการทำงานและการสรรหาบุคลากร โดยมีหลักสำคัญคือการผสมผสานองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีที่เปลี่ยนมิติจาก Traditional HR ไปสู่การทำงานในโลกยุค New World of Work เพื่อลดขั้นตอน ระยะเวลาทำงาน รวมถึงต้นทุน เพิ่มความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการเวลา และสร้างความโปร่งใสและรักษามาตรฐานสากลของข้อมูล เน้นการเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดของกระบวนการทำงานของฝ่ายทรัพยากรบุคคลโดยรวม
ในทางกลับกันยังถือเป็นการ สร้างภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กรในสายตาของผู้สมัครงานผ่านฝ่ายทรัพยากรบุคคลที่ถือเป็นตัวแทนองค์กรด่านแรกที่ผู้สมัครจะได้พบเจอ หากฝ่ายทรัพยากรบุคคลมีความทันสมัยและเลือกใช้เครื่องมือดิจิทัลที่โปร่งใส มีประสิทธิภาพ ก็สามารถสร้างความเชื่อมั่นและดึงดูดผู้หางานคุณภาพในปัจจุบันได้ไม่ยาก
“นอกจากการปรับทัศนคติองค์กรและการเพิ่มทักษะดิจิทัลของบุคลากรที่จำเป็นต่อการปรับตัวสู่ Digital HR แล้ว การมีเครื่องมือที่ดียังช่วยอำนวยความสะดวกให้การทรานฟอร์มครั้งสำคัญขององค์กรเป็นไปอย่างราบรื่น จ๊อบส์ดีบี ในฐานะ Best Talent Partner ช่วยยกระดับประสบการณ์สรรหาบุคลากรที่ดีที่สุดของผู้ประกอบการและผู้หางานทั่วประเทศด้วย Recruitment Solutions ใหม่ล่าสุดที่โดดเด่นด้วย
–ข้อมูล (Data) ที่รวบรวมและอัปเดตจากฐานข้อมูลภายในของ JobsDB และการทำสำรวจตลาดงานกับพันธมิตรระดับสากล อาทิ The Network, Boston Consulting Group (BCG) และ Research Inc. พร้อมอัปเดตข่าวสารตลาดแรงงานตลอดปี
–คำปรึกษา (Consultancy) พร้อมสรรพด้วยทีมงานดูแลและให้บริการ ที่ผ่านการฝึกอบรมระดับภูมิภาค เพื่อเสริมทักษะจำเป็น และให้คำแนะนำผู้ใช้บริการอย่างมืออาชีพ
–ความยืดหยุ่น (Flexibility) เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจากจ๊อบส์ดีบี ช่วยลดต้นทุนในกระบวนการสรรหาบุคลากรและลดขั้นตอนยุ่งยากของฝ่ายทรัพยากรบุคคล อีกทั้งยังช่วยผู้ประกอบการรักษาและบริหารทรัพยากรที่มีเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
เพราะเราเข้าใจดีว่า เมื่อโลกเปลี่ยน ธุรกิจปรับ งาน HR จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ที่ JobsDB เราจะทำให้คุณเป็น Digital HR มือโปรใน New World of Work ได้อย่างแน่นอน” ดวงพร กล่าวปิดท้าย