Midea ผนึกกำลัง Huawei, AIS และ China Unicom สร้างโรงงาน 5G เต็มรูปแบบแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Midea ผนึกกำลัง Huawei, AIS และ China Unicom สร้างโรงงาน 5G เต็มรูปแบบแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Midea จับมือ Huawei, AIS และ China Unicom ในการสร้างโรงงานอัจฉริยะพร้อมระบบ 5G เต็มรูปแบบแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สร้างมาตรฐานใหม่ของสายการผลิตอัจฉริยะในประเทศไทยที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรมล้ำสมัย โดยการผนึกกำลังครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญที่ปูทางสู่ยุคแห่งเทคโนโลยี 5G ที่ช่วยยกระดับประสิทธิภาพ, ความปลอดภัย, และรองรับการทำงานร่วมกันแบบอัตโนมัติภายใต้กระบวนการผลิตที่มีความซับซ้อน

ทั้งนี้ เครือข่าย 5G ที่ครอบคลุมทั่วพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมและแพลตฟอร์มอินเทอร์เน็ต 5G+ เชิงอุตสาหกรรม ทำให้กระบวนการผลิตเชื่อมต่อกันโดยสมบูรณ์ผ่านเทอร์มินัล 5G ความเร็วสูง นอกจากนี้ ยังติดตั้งไพรเวทเน็ตเวิร์ก 5G แบบเดดิเคท (Dedicated) ที่ได้รับการออกแบบให้รองรับข้อกำหนดกระบวนการทำงานและให้ทำงานร่วมกับระบบอัจฉริยะต่าง ๆ ได้อย่างราบรื่นโดยเฉพาะ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของสถานการณ์การผลิตและเชื่อมต่อขั้นตอนการผลิตเข้าด้วยกันแบบไร้รอยต่อ

วินเซ็นท์ ไค ผู้จัดการทั่วไป โรงงานเครื่องปรับอากาศไมเดียประเทศไทย กล่าวว่า “โรงงานอัจฉริยะ 5G ในประเทศไทยได้กำหนดต้นแบบสายการผลิตแห่งโลกอนาคต เพื่อสอดรับกับกลยุทธ์การพลิกโฉมสู่ยุคดิจิทัลและเทคโนโลยีอัจฉริยะเต็มรูปแบบของไมเดีย กรุ๊ป โดยเราได้ออกแบบสายการผลิตประสิทธิภาพสูงให้เชื่อมต่อกันอย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย”

ทั้งนี้ โซลูชันหลักที่เสริมศักยภาพให้กับโรงงานอัจฉริยะ 5G ได้แก่:

  • การเชื่อมต่อและการวิเคราะห์ข้อมูลผ่านเครือข่าย 5G: เครือข่าย 5G มอบศักยภาพการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์จำนวนมหาศาลอย่างมีเสถียรภาพ จึงสามารถตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลของอุปกรณ์การผลิตแบบเรียลไทม์ รวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างต่อเนื่องช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้อุปกรณ์, ลดเวลาหยุดทำงาน (down time) และเพิ่มศักยภาพการใช้งานอุปกรณ์ในสายการผลิต
  • รถลำเลียงสินค้าอัตโนมัติ 5G (Automated Guided Vehicles – AGV): เทคโนโลยี 5G พลิกโฉมการทำงานของรถลำเลียงสินค้าอัตโนมัติ (AGV) โดยปลดล็อคข้อจำกัดของ AGV ในการลำเลียงสินค้าแบบดั้งเดิม ที่ใช้การกำหนดเส้นทางล่วงหน้าร่วมกับเครื่องหมายต่าง ๆ ที่ติดตั้งในพื้นที่ ด้วยการวางแผนเส้นทางแบบมีพลวัตรและวิเคราะห์สภาพแวดล้อมแบบเรียลไทม์ เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและขีดความสามารถในการปรับเปลี่ยนเส้นทาง ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานในสายการผลิตที่ซับซ้อน
  • ระบบตรวจสอบคุณภาพด้วย AI ผ่านเครือข่าย 5G: การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI ช่วยเพิ่มอัตราการผลิตชิ้นงานที่สมบูรณ์แบบในครั้งแรกถึง 4% ระบบตรวจสอบคุณภาพด้วย AI ช่วยลดจำนวนอุปกรณ์ที่ต้องนำกลับมาแก้ไขลงจากจำนวน 4,000 ชิ้น เหลือเพียง 1,000 ชิ้น ลดข้อผิดพลาดในการปฏิบัติงาน และลดอัตราข้อผิดพลาดของชิ้นงานลงถึง 75%
  • แขนกลอัจฉริยะ 5G: พนักงานสามารถควบคุมแขนกลจากระยะไกลผ่านสมาร์ทโฟนที่รองรับ 5G ลดการใช้แรงงานคนในบริเวณที่เสี่ยงอันตราย ช่วยเพิ่มความปลอดภัยของพนักงานและเพิ่มประสิทธิภาพการลำเลียงวัสดุที่ใช้ในการผลิตเพื่อยกระดับคุณภาพสินค้า
  • ห้องควบคุมการปฏิบัติงานระบบ 5G: ห้องควบคุมการปฏิบัติงานจำลองและทดสอบสถานะของคอมเพรสเซอร์ที่อยู่ข้างนอกผ่านระบบ 5G ทำให้กระบวนการทำงานมีประสิทธิภาพและปราศจากข้อผิดพลาด มาพร้อมโซลูชัน 5G backhaul ที่มีค่าความหน่วงต่ำและระบบป้องกันข้อมูลสูญหาย ทำให้การรับส่งข้อมูลระหว่างแอปพลิเคชันสำคัญเป็นไปอย่างราบรื่น

ในโครงการโรงงานอัจฉริยะ ผู้ให้บริการเครือข่ายถือว่ามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล โดยใช้ความเชี่ยวชาญและอีโคซิสเต็มในประเทศไทยเพื่อผลักดันเครือข่าย 5G ให้บรรลุประสิทธิภาพที่เหนือชั้น, มอบการเชื่อมต่อที่ไร้ขีดจำกัด รวมทั้งช่วยรักษาความปลอดภัยของข้อมูลในการดำเนินงาน ภูผา เอกะวิภาต รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจองค์กร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส ตอกย้ำความมุ่งมั่นของเอไอเอสในการสร้างนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยกล่าวว่า “เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีอื่น 5G ถือเป็นเทคโนโลยีหนึ่งเดียวที่สามารถสร้างเครือข่ายครอบคลุมพื้นที่กว่า 160,000 ตร.ม. รวมโรงงานผลิตถึง 3 แห่งเข้าด้วยกันได้ และในอนาคต เอไอเอสยังคงมุ่งมั่นขับเคลื่อนนวัตกรรมและผนึกกำลังกับผู้ผลิตระดับโลกในการสร้างโรงงานอัจฉริยะในประเทศไทย”

ในขณะเดียวกัน ยูนิซ เซ, ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไชน่า ยูนิคอม โอเปอเรชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวย้ำถึงความสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมและไอทีว่า “ความพร้อมของเครือข่าย 5G ของประเทศไทยอยู่ในระดับแนวหน้าของภูมิภาคอาเซียน ทางไชน่า ยูนิคอม มุ่งมั่นสนับสนุนความสำเร็จของนโยบาย Thailand 4.0 ด้วยสถานการณ์การใช้งานที่ครอบคลุม และสถานการณ์แบบ 5G2B ใหม่ ๆ ที่หลากหลาย พร้อมขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลและระบบอัจฉริยะสำหรับอุตสาหกรรมการผลิตต่าง ๆ”

วรกาน ลิขิตเดชาศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีเครือข่ายโทรคมนาคม บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวย้ำถึงความมุ่งมั่นของหัวเว่ยในการพลิกโฉมอุตสาหกรรม “เรามองเห็นแล้วว่า 5G มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการพลิกโฉมของภาคอุตสาหกรรม และภาคอุตสาหกรรมการผลิตเองก็ได้แสดงศักยภาพด้านการพัฒนาและยกระดับศักยภาพด้วยเทคโนโลยี 5G ให้ประจักษ์ โดยหัวเว่ยยังคงมุ่งต่อยอดความร่วมมือกับลูกค้าในภาคอุตสาหกรรม ผู้ให้บริการเครือข่าย และพาร์ทเนอร์เพื่อสร้างมูลค่าทางธุรกิจด้วยเทคโนโลยี 5G ต่อไป เพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว เราได้ทำงานกับลูกค้าอย่างใกล้ชิดเพื่อทำความเข้าใจกลยุทธ์ดิจิทัลในแต่ละราย และเจาะลึกกระบวนการผลิตและค้นหาความต้องการเฉพาะด้าน พร้อมแบ่งปันประสบการณ์และหลักปฏิบัติจากความเชี่ยวชาญเฉพาะทางเพื่อเร่งนำเทคโนโลยี 5G มาใช้เพื่อยกระดับสายการผลิตอัจฉริยะ”

โรงงานอัจฉริยะ 5G เต็มรูปแบบแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถือเป็นก้าวสำคัญของการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคอัจฉริยะและยุคอุตสาหกรรม 4.0 ของประเทศไทย และยังได้แสดงให้เห็นถึงพลังของความร่วมมือและนวัตกรรมล้ำสมัย เพื่อร่วมกันกำหนดต้นแบบของเทคโนโลยีการผลิตแห่งโลกอนาคต

เนคเทค สวทช. ผนึกกำลังเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี ลงนามความร่วมมือพัฒนาทักษะนักวิทย์ฯ ด้วย KidBright Education Platform หวังดัน “Suratthani Model, บอร์ด KidBright”

Scroll to Top