Apple เปิดตัว iPhone 15 Pro ตัวเครื่องไทเทเนียม ชิป A17 Pro ราคาเริ่มต้น 41,900 บาท

Apple เปิดตัว iPhone 15 Pro ตัวเครื่องไทเทเนียม ชิป A17 Pro ราคาเริ่มต้น 41,900 บาท

วันนี้ Apple เปิดตัว iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max ที่ได้รับการออกแบบมาด้วยไทเทเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมอวกาศที่ทั้งแข็งแกร่งและเบา จนได้เป็นรุ่น Pro ของ Apple ที่เบาที่สุดเท่าที่เคยมีมา ดีไซน์ใหม่ดังกล่าวยังมาพร้อมขอบมนและปุ่มแอ็คชั่นที่ปรับแต่งได้ ผู้ใช้จึงปรับแต่งประสบการณ์ iPhone ได้ตรงความต้องการ การอัปเกรดกล้องที่ทรงพลังมอบคุณสมบัติเทียบเท่าเลนส์ระดับโปร 7 ตัว ที่ให้คุณภาพของภาพอันน่าทึ่ง รวมทั้งระบบกล้องหลัก 48MP ที่ล้ำยิ่งขึ้นไปอีกที่ตอนนี้รองรับค่าเริ่มต้นความละเอียดสูงเป็นพิเศษแบบใหม่ที่ 24MP และยังรองรับการถ่ายภาพบุคคลเจเนอเรชั่นถัดไปที่มีคุณสมบัติการควบคุมโฟกัสและระยะชัดลึก มีการปรับปรุงโหมดกลางคืนและ HDR อัจฉริยะ และยังมีกล้องเทเลโฟโต้ 5 เท่าแบบใหม่หมด พิเศษเฉพาะใน iPhone 15 Pro Max

นอกจากนี้ชิป A17 Pro ยังปลดล็อคประสบการณ์การเล่นเกมและประสิทธิภาพระดับโปรให้เหนือไปอีกขั้น เช่นเดียวกับขั้วต่อ USB‑C ใหม่ที่เร็วสุดแรงด้วยความเร็วของ USB 3 ที่เร็วกว่า USB 2 สูงสุด 20 เท่า และมาพร้อมกับไฟล์วิดีโอรูปแบบใหม่ที่มอบเวิร์กโฟลว์ระดับโปรอย่างมีประสิทธิภาพในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน1 อีกทั้งยังมีคุณสมบัติเพิ่มเติมอย่างบริการช่วยเหลือบนท้องถนนผ่านดาวเทียมที่พัฒนาขึ้นบนโครงข่ายดาวเทียมอันทันสมัยของ Apple เพื่อให้ผู้ใช้สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ในกรณีที่รถมีปัญหาเมื่ออยู่ในพื้นที่อับสัญญาณ

Apple เปิดตัว iPhone 15 ราคาเดิม เริ่มต้นที่ 32,900 บาท

ทั้ง 2 รุ่นพร้อมวางจำหน่ายใน 4 สีสันใหม่โดนใจ ได้แก่ สีไทเทเนียมดำ สีไทเทเนียมขาว สีไทเทเนียมน้ำเงิน และสีไทเทเนียมธรรมชาติ โดยลูกค้าสามารถสั่งซื้อล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 15 กันยายน และจะวางจำหน่ายในวันศุกร์ที่ 22 กันยายน

“นี่เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่โปรที่สุดเท่าที่เราเคยสร้างขึ้นมา มีดีไซน์ที่ทำจากไทเทเนียมอันล้ำสมัย มาพร้อมระบบกล้อง iPhone ที่ดีที่สุดที่พลิกวงการด้วยเวิร์กโฟลว์ใหม่ และยังมีชิป A17 Pro ที่ปูทางสู่มิติใหม่แห่งประสิทธิภาพการทำงานและการเล่นเกมในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนบน iPhone” Greg Joswiak รองประธานอาวุโสฝ่าย Worldwide Marketing ของ Apple กล่าว

ดีไซน์ที่ทั้งเบา ทนทาน และสวยสะดุดตา

ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมดีไซน์จากไทเทเนียมที่ทั้งแข็งแกร่งและเบา นับเป็นครั้งแรกของ iPhone โดยมีขนาดจอภาพให้เลือกที่ 6.1 นิ้ว และ 6.7 นิ้ว ตามลำดับ2 อัลลอยเกรดพรีเมียมแบบเดียวกับที่ใช้ในยานอวกาศมีอัตราส่วนความแข็งแรงต่อน้ำหนักที่สูงสุดยิ่งกว่าโลหะใดๆ จนได้เป็นผลิตภัณฑ์ตระกูล Pro ของ Apple ที่เบาที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมผิวที่ผ่านการปัดจนสวยเงางามแบบใหม่ มีขอบมน และขอบจอที่บางที่สุดใน iPhone ผลิตภัณฑ์ตระกูล Pro สร้างมาให้ใช้งานได้ยาวนาน โดยได้ผสานความแข็งแกร่งของไทเทเนียม กระจกด้านหลังที่แข็งแกร่งที่สุดในสมาร์ทโฟน และตัวเครื่องด้านหน้าแบบ Ceramic Shield ชั้นแนวหน้าของอุตสาหกรรม แถบไทเทเนียมที่หุ้มโครงสร้างส่วนล่างแบบใหม่ทำจากอะลูมิเนียมรีไซเคิล 100% และใช้กระบวนการทางความร้อนเชิงกลครั้งแรกในอุตสาหกรรมเพื่อเชื่อมโลหะทั้ง 2 ชนิดเข้าด้วยกันโดยอาศัยการแพร่ของสารในสถานะของแข็งจนแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ โครงอะลูมิเนียมช่วยให้ระบายความร้อนได้ดีและยังทำให้สามารถเปลี่ยนกระจกด้านหลังได้ง่าย ดีไซน์แบบใหม่นี้โดดเด่นในเรื่องจอภาพ Super Retina XDR พร้อมการแสดงผลแบบติดตลอดและเทคโนโลยี ProMotion เพื่อประสบการณ์การดูที่เหนือชั้น

ปุ่มแอ็คชั่นแบบใหม่หมดจะทำหน้าที่แทนสวิตช์ที่ทำงานได้เพียงหนึ่งอย่างซึ่งเดิมใช้ในการสลับเปิด/ปิดเสียง โดยจะมีตัวเลือกเพิ่มเติมให้ผู้ใช้เลือกได้หลายอย่าง เช่น สั่งให้เปิดกล้องหรือไฟฉายอย่างรวดเร็ว เปิดใช้งานแอปเสียงบันทึก โหมดโฟกัส แอปแปลภาษา3 และคุณสมบัติการช่วยการเข้าถึงอย่างแว่นขยาย หรือใช้คำสั่งลัดเพื่อเข้าถึงตัวเลือกอื่นๆ เพิ่มเติม คำสั่งนิ้วในการกดปุ่มค้างไว้พร้อมการตอบสนองแบบผิวสัมผัสที่ปรับแต่งมาอย่างละเอียด รวมถึงการสื่อด้วยภาพใน Dynamic Island ทำให้มั่นใจได้ว่าปุ่มแอ็คชั่นใหม่ดังกล่าวจะสั่งการได้ตามที่ผู้ใช้ตั้งใจ

ชิป A17 Pro: Apple Silicon เจเนอเรชั่นถัดไปสำหรับ iPhone

ประสิทธิภาพการทำงานและความสามารถระดับโปร เพราะขับเคลื่อนด้วยชิป A17 Pro ซึ่งเป็นชิป 3 นาโนเมตรตัวแรกในอุตสาหกรรม โดยชิป A17 Pro ได้รับการปรับปรุงใหม่ในทุกส่วน รวมถึงการออกแบบ GPU ใหม่ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Apple เพื่อคงความเป็นผู้นำอย่างต่อเนื่องในด้านซิลิคอนของสมาร์ทโฟน ทั้งนี้ CPU ใหม่ที่ได้รับการปรับปรุงด้านสถาปัตยกรรมระดับไมโครและการออกแบบสามารถทำงานเร็วขึ้นสูงสุด 10% ขณะเดียวกัน Neural Engine ก็ทำงานเร็วขึ้นสูงสุด 2 เท่า และมอบขุมพลังให้แก่คุณสมบัติต่างๆ เช่น คุณสมบัติการแก้ไขโดยอัตโนมัติและคุณสมบัติเสียงส่วนตัวใน iOS 17 ในส่วนของ GPU ระดับโปรนั้นก็ทำงานเร็วขึ้นสูงสุด 20% จึงช่วยปลดล็อคประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำได้มาก่อน โดยมาพร้อมดีไซน์แบบ 6-core ที่เพิ่มขีดความสามารถสูงสุดทั้งในด้านประสิทธิภาพการทำงานและการประหยัดพลังงาน อีกทั้งตอนนี้ยังรองรับเรย์เทรซิ่งที่เร่งความเร็วด้วยฮาร์ดแวร์ ซึ่งเร็วกว่าเรย์เทรซิ่งแบบซอฟต์แวร์ถึง 4 เท่า จึงทำให้กราฟิกที่ราบรื่นขึ้นและทำงานกับแอปพลิเคชัน AR หรือการเล่นเกมได้อย่างเต็มอิ่มสมจริงยิ่งขึ้น มีเกมในฝั่งเครื่องเล่นเกมคอนโซลให้เลือกเล่นมากมายเป็นครั้งแรกบนสมาร์ทโฟน เช่น Resident Evil Village, Resident Evil 4, Death Stranding และ Assassin’s Creed Mirage

ชิป A17 Pro มีตัวถอดรหัส AV1 โดยเฉพาะ ทำให้ได้รับประสบการณ์วิดีโอที่มีคุณภาพสูงและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นสำหรับบริการสตรีมมิ่ง อีกทั้งตัวควบคุม USB ใหม่ยังรองรับความเร็วระดับ USB 3 บน iPhone เป็นครั้งแรก จึงสามารถถ่ายโอนข้อมูลได้ที่ความเร็วสูงขึ้นและรองรับการส่งสัญญาณวิดีโอ HDR ระดับ 4K ที่ 60 fps ด้วย

ระบบกล้องระดับโปรที่ทรงพลังเพื่อการควบคุมตามความสร้างสรรค์ที่ดียิ่งกว่าเดิม

ระบบกล้องสุดล้ำทั้ง 2 รุ่น มีฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ทำงานผสานกันอย่างล้ำลึกจนเทียบเท่าเลนส์ระดับโปร 7 ตัว ทั้งหมดเป็นไปได้ด้วยชิป A17 Pro นอกจากนี้กล้องหลัก 48MP ที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะสำหรับผลิตภัณฑ์ตระกูล Pro ยังมาพร้อมขุมพลังในการประมวลผลภาพถ่ายเชิงคำนวณ ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้อย่างอิสระมากขึ้นด้วยค่าเริ่มต้นความละเอียดสูงเป็นพิเศษแบบใหม่ที่ 24MP จึงให้คุณภาพของภาพอย่างน่าทึ่งด้วยขนาดไฟล์ที่เหมาะแก่การจัดเก็บและการแชร์ได้อย่างสะดวก กล้องหลักยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถสลับไปมาระหว่างทางยาวโฟกัสยอดนิยม 3 ระยะ ได้แก่ 24 มม., 28 มม. และ 35 มม. หรือจะเลือกทางยาวโฟกัสระยะที่ต้องการเพื่อกำหนดให้เป็นค่าเริ่มต้นก็ได้เช่นกัน นอกจากนี้กล้องหลักยังรองรับ HEIF ความละเอียด 48MP ที่มีความละเอียดมากขึ้น 4 เท่า เพิ่มเติมจากการรองรับ ProRAW ความละเอียด 48MP สำหรับรุ่น Pro นั้นมาพร้อมกล้องเทเลโฟโต้ 3 เท่า ขณะที่รุ่น Pro Max มอบการซูมแบบออปติคัลได้ไกลที่สุดเท่าที่เคยมีมาใน iPhone ถึง 5 เท่า ที่ 120 มม. ทั้งนี้กล้องเทเลโฟโต้ใหม่ในรุ่น Pro Max มีดีไซน์แบบเตตระปริซึมที่ทันสมัยซึ่งมาพร้อมการผสานรวมระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคัลและโมดูลการปรับตำแหน่งเซ็นเซอร์แบบ 3D ที่รองรับการโฟกัสอัตโนมัติ เรียกว่าเป็นระบบป้องกันภาพสั่นไหวที่ล้ำหน้าที่สุดของ Apple เท่าที่เคยมีมา จึงทำให้ถ่ายภาพระยะใกล้ ภาพสัตว์ป่า และภาพแอ็คชั่นจากระยะไกลได้อย่างสวยงาม

นอกจากนี้ทั้ง 2 รุ่น ยังมีคุณสมบัติใหม่อย่างภาพถ่ายบุคคลเจเนอเรชั่นถัดไปที่ให้รายละเอียดคมชัดมากขึ้น สีสันสดใสกว่าเดิม และให้ประสิทธิภาพในสภาวะแสงน้อยได้ดีขึ้น ถือเป็นครั้งแรกที่ผู้ใช้จะถ่ายภาพบุคคลได้โดยไม่ต้องสลับไปเป็นโหมดภาพถ่ายบุคคล เพราะ iPhone จะเก็บข้อมูลชัดลึกโดยอัตโนมัติเมื่อมีบุคคล สุนัข หรือแมวอยู่ในเฟรมภาพ หรือเมื่อผู้ใช้แตะจุดที่ต้องการโฟกัส ทำให้ผู้ใช้เปลี่ยนรูปภาพดังกล่าวให้เป็นภาพถ่ายบุคคลที่สวยงามได้ในภายหลังในแอปรูปภาพบน iPhone, iPad หรือ Mac อีกทั้งยังควบคุมตามความสร้างสรรค์ได้มากขึ้นเพราะรองรับการปรับจุดโฟกัสไปยังตำแหน่งอื่นได้แม้หลังจากถ่ายภาพดังกล่าวแล้วก็ตาม

คุณสมบัติเพิ่มเติมที่มีประโยชน์กับกล้องทุกตัวใน iPhone 15 Pro และ Pro Max มีดังนี้

  • โหมดกลางคืนให้ภาพที่ดีขึ้นโดยมีรายละเอียดที่คมชัดกว่าเดิมและมีสีสันสดใสมากขึ้น โดยตอนนี้ขับเคลื่อนด้วย Photonic Engine รวมถึงภาพถ่ายบุคคลในโหมดกลางคืนที่ทำงานได้โดยใช้สแกนเนอร์ LiDAR
  • HDR อัจฉริยะใหม่รองรับการถ่ายภาพบุคคลและฉากหลังด้วยการเรนเดอร์โทนสีผิวที่สมจริงยิ่งขึ้น ให้รูปภาพที่มีส่วนไฮไลท์สว่างขึ้น ส่วนมิดโทนที่ครบถ้วนยิ่งขึ้น และส่วนเงามืดที่ดำสนิทกว่าเดิมเมื่อดูในแอปรูปภาพ การเรนเดอร์ HDR ขั้นสูงดังกล่าวยังใช้งานได้กับแอปของบริษัทอื่น ดังนั้นภาพที่ได้จึงดูดีกว่าเดิมเมื่อแชร์ผ่านทางออนไลน์
  • วิดีโอคุณภาพดีที่สุดบนสมาร์ทโฟนได้รับการอัปเกรดให้ดียิ่งกว่าเดิมด้วยชิป A17 Pro และยังปรับปรุงวิดีโอในสภาวะแสงน้อยและโหมดแอ็คชั่นให้ดียิ่งขึ้น

สมาร์ทโฟนคู่ใจสำหรับครีเอทีฟมืออาชีพและผู้สร้างภาพยนตร์ทำงานได้ดียิ่งขึ้นด้วยเวิร์กโฟลว์ระดับโปรใหม่ ตอนนี้ผู้ใช้จะถ่ายโอนไฟล์ได้เร็วขึ้นสูงสุด 20 เท่า ด้วยสาย USB 3 ที่เป็นอุปกรณ์เสริม นอกจากนี้ iPhone และโซลูชันจากบริษัทอื่น เช่น Capture One ยังช่วยให้ช่างภาพสร้างสรรค์สตูดิโอระดับโปรได้เอง โดยรองรับการถ่ายภาพและถ่ายโอน ProRAW ความละเอียด 48MP จาก iPhone ไปที่ Mac ได้ในทันที และยังบันทึกวิดีโอ ProRes ไปที่อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอกได้โดยตรง ทำให้สามารถใช้ตัวเลือกการบันทึกวิดีโอสูงขึ้นถึงระดับ 4K ที่ 60 fps รวมถึงการให้อิสระที่มากกว่าระหว่างอยู่หน้างานเมื่อใช้ iPhone เป็นกล้องหลัก อีกหนึ่งตัวเลือกใหม่ที่มาพร้อมกับรุ่นนี้ก็คือ การเข้ารหัสแบบ Log นับว่าเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกในโลกที่รองรับ ACES หรือ Academy Colour Encoding System ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับโลกในด้านเวิร์กโฟลว์สี

ภายในปีนี้ iPhone 15 Pro จะเพิ่มมิติใหม่ในการถ่ายวิดีโอด้วยความสามารถในการบันทึกวิดีโอเชิงมิติพื้นที่สำหรับ Apple Vision Pro เพื่อรองรับการถ่ายวิดีโอช่วงเวลาสำคัญที่มีคุณค่าของผู้ใช้ในรูปแบบ 3 มิติ และฟื้นชีวิตให้ความทรงจำเหล่านั้นอย่างสมจริงจนน่าทึ่งบน Apple Vision Pro ที่กำลังจะพร้อมจำหน่ายในช่วงต้นปีหน้าในสหรัฐอเมริกา

Apple เปิดตัว iPhone 15 Pro ตัวเครื่องไทเทเนียม ชิป A17 Pro ราคาเริ่มต้น 41,900 บาท

ประสิทธิภาพและการเชื่อมต่อแบบไร้สายที่เหนือขึ้นไปอีกขั้น

วิธีชาร์จแบบใหม่ที่สะดวกกว่า รองรับการค้นหาเพื่อนในสถานที่พลุกพล่าน และให้คุณต่อติดได้ตลอดเวลาระหว่างการเดินทาง โดยทั้ง 2 รุ่นใช้ขั้วต่อ USB‑C ซึ่งเป็นมาตรฐานการชาร์จและการถ่ายโอนข้อมูลที่ได้รับการยอมรับเป็นสากล จึงใช้สายเส้นเดียวกันเพื่อชาร์จได้ทั้ง iPhone, Mac, iPad และ AirPods Pro (รุ่นที่ 2) ที่ได้รับการอัปเดตใหม่ ผู้ใช้ยังสามารถชาร์จ AirPods หรือ Apple Watch ได้โดยตรงจาก iPhone โดยใช้ขั้วต่อ USB‑C ด้วย นอกจากนี้ ทั้ง 2 รุ่นยังรองรับ USB 3 ซึ่งให้ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูงสุด 10 กิกะบิตต่อวินาที หรือเร็วขึ้นกว่าที่ผ่านมาถึง 20 เท่า

ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมชิปอัลตร้าไวด์แบนด์เจเนอเรชันที่ 2 ทำให้ iPhone ที่ใช้ชิปเดียวกันนี้ 2 เครื่อง เชื่อมต่อถึงกันได้ในระยะที่มากกว่าเดิมถึง 3 เท่า เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ iPhone 15 สามารถใช้คุณสมบัติค้นหาตำแหน่งที่ตั้งจริงสำหรับค้นหาเพื่อนๆ ของฉันในรูปแบบใหม่ เพื่อแชร์และค้นหาตำแหน่งของเพื่อนได้แม้ในสถานที่พลุกพล่าน ซึ่งคุณสมบัติค้นหาตำแหน่งที่ตั้งจริงดังกล่าวได้พัฒนาขึ้นภายใต้การคุ้มครองความเป็นส่วนตัวแบบเดียวกับที่ผู้ใช้มั่นใจจากแอปค้นหาของฉัน

นอกจากนี้ทั้ง 2 รุ่น ยังรองรับ Wi-Fi 6E ซึ่งให้ประสิทธิภาพการทำงานไร้สายที่ดีขึ้น โดยให้ความเร็วมากขึ้นสูงสุด 2 เท่า และยังเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่รองรับ Thread ดังนั้นจึงสามารถเชื่อมผสานกับแอปบ้านได้ในอนาคต

มาพร้อมกับ 5G ที่เร็วสุดแรง รวมถึงคุณสมบัติอื่นๆ ดังนี้

  • รองรับ MagSafe และการชาร์จแบบไร้สาย Qi2 ในอนาคต
  • ปรับปรุงคุณภาพเสียงในการโทร รวมถึงการโทรผ่าน FaceTime หรือแอปของบริษัทอื่นด้วย ผู้ใช้ยังจะได้คุณภาพเสียงที่ดีขึ้นเมื่อเลือกโหมดแยกเสียง ทำให้การสนทนามีเสียงดังฟังชัดแม้ว่าจะอยู่ในสถานที่อันวุ่นวายก็ตาม
  • eSIM พร้อมรองรับการใช้งานแล้วจากผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มากกว่า 295 ราย ดังนั้นแม้ระหว่างการเดินทาง ผู้ใช้ก็ยังเชื่อมต่อออนไลน์ได้ผ่านแผนบริการสำหรับการใช้งานโรมมิ่งในต่างประเทศจากผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ของตนเอง หรือจะซื้อแผนบริการ eSIM แบบเติมเงินในกว่า 50 ประเทศและภูมิภาคก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นออสเตรเลีย อิตาลี ไทย และอีกมากมาย

มาพร้อม iOS 17

มาพร้อม iOS 177 ซึ่งทำให้ iPhone เป็นตัวคุณและใช้งานง่ายยิ่งขึ้น โดยคุณสมบัติใหม่ๆ มีดังนี้

  • แอปโทรศัพท์ได้รับการอัปเดตครั้งใหญ่ ทั้งคุณสมบัติโปสเตอร์ของรายชื่อที่ช่วยให้ผู้ใช้ปรับแต่งลักษณะของตัวเองที่ปรากฏแก่คนอื่นๆ ตามรายชื่อบนเครื่อง และคุณสมบัติวอยซ์เมลแบบสดที่อาศัยขุมพลังของชิป A17 Pro เพื่อให้ผู้ใช้เห็นข้อความจากการถอดเสียงบนอุปกรณ์แบบเรียลไทม์ในขณะที่มีคนกำลังฝากข้อความวอยซ์เมล โดยผู้ใช้ยังเลือกที่จะรับสายระหว่างที่ผู้โทรกำลังฝากข้อความได้ด้วย
  • แอปข้อความมีสติกเกอร์แบบใหม่ รองรับการค้นหาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถถอดเสียงจากข้อความเสียงโดยอัตโนมัติ และยังมีคุณสมบัติเช็คอินที่ผู้ใช้สามารถแจ้งเพื่อนและครอบครัวโดยอัตโนมัติเมื่อเดินทางไปถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย
  • NameDrop มอบวิธีใช้ AirDrop แบบใหม่เพื่อให้แชร์ข้อมูลรายชื่อได้ง่ายขึ้นเพียงแค่นำ iPhone ทั้ง 2 เครื่องมาอยู่ด้วยกัน วิธีดังกล่าวยังใช้ในการแชร์คอนเทนต์และอีกมากมายผ่าน AirDrop ได้ด้วย โดยผู้ใช้แต่ละคนแยกย้ายกันได้ทันทีเพราะสามารถส่งไฟล์ขนาดใหญ่ได้จนเสร็จผ่านอินเทอร์เน็ต8
  • โหมดพร้อมรอใช้งานช่วยให้ผู้ใช้เห็นข้อมูลที่เหลือบมองดูได้แบบเต็มหน้าจอในแบบที่ปรับแต่งได้เอง ซึ่งออกแบบมาเพื่อให้เห็นได้จากระยะไกลเมื่อวาง iPhone ตะแคงเพื่อชาร์จ และด้วยคุณสมบัติจอภาพแบบติดตลอดของ iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max ก็จะทำให้โหมดพร้อมรอใช้งานสามารถแสดงข้อมูลที่มีประโยชน์ค้างไว้ได้ตลอด เหมาะทั้งสำหรับการใช้งานบนโต๊ะทำงาน โต๊ะข้างเตียง หรือเคาน์เตอร์ครัว
  • วิดเจ็ตแบบอินเทอร์แอ็คทีฟบนหน้าจอโฮม หน้าจอล็อค หรือในโหมดพร้อมรอใช้งาน ช่วยให้ผู้ใช้ลงมือทำนั่นทำนี่ได้ด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว จึงง่ายต่อการทำเครื่องหมายสิ่งที่ต้องทำให้เสร็จ หรือเล่น/หยุดเล่นเพลงจากวิดเจ็ตได้โดยตรง
  • Safari มอบการปกป้องที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นให้กับการท่องเว็บแบบส่วนตัว และรองรับการสร้างโปรไฟล์เพื่อให้ผู้ใช้แยกการท่องเว็บได้ตามหัวข้อการใช้งาน เช่น เรื่องงานและเรื่องส่วนตัว

iOS 17 มีอัปเดตอีกมากมาย รวมถึงแอปบันทึก9 แอปใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้ iPhone ได้ทบทวนและฝึกขอบคุณเรื่องดีๆ ด้วยการจดบันทึก มีการปรับปรุงคุณสมบัติการแก้ไขโดยอัตโนมัติและการป้อนตามคำบอกที่ทำให้การป้อนข้อความทั้งเร็วและง่ายยิ่งกว่าที่ผ่านมา รวมถึงคุณสมบัติการแชร์รหัสผ่านและพาสคีย์ด้วย iCloud Keychain และอีกมากมาย

ราคาและความพร้อมในการวางจำหน่าย

iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max พร้อมวางจำหน่ายในสีไทเทเนียมดำ สีไทเทเนียมขาว สีไทเทเนียมน้ำเงิน และสีไทเทเนียมธรรมชาติ โดย iPhone 15 Pro มีราคาเริ่มต้นที่ 41,900 บาท หรือ 4,190 บาท ต่อเดือน และมีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลให้เลือกตั้งแต่ความจุ 128GB, 256GB, 512GB และ 1TB สำหรับ iPhone 15 Pro Max มีราคาเริ่มต้นที่ 48,900 บาท หรือ 4,890 บาท ต่อเดือน และมีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลให้เลือกตั้งแต่ความจุ 256GB, 512GB และ 1TB

Scroll to Top