เสียวหมี่เปิดตัว Xiaomi 13T Series อย่างเป็นทางการทั่วโลก

เสียวหมี่เปิดตัว Xiaomi 13T Series อย่างเป็นทางการทั่วโลก

เสียวหมี่ประกาศเปิดตัว Xiaomi 13T Series สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดที่ออกแบบมาเพื่อลูกค้าทั่วโลกที่พร้อมจะปลดปล่อยความเป็นศิลปินด้านการถ่ายภาพ จากความร่วมมือด้านเลนส์ออปติคัลระดับมืออาชีพกับ Leica ทำให้สามารถสร้างสรรค์ภาพอันเป็นเอกลักษณ์ในแบบฉบับของ Leica ออกมาได้ นอกจากนี้ตัวสมาร์ทโฟนยังมาพร้อมการออกแบบที่เพิ่มประสิทธิภาพขั้นสูงและอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนาน รวมไปถึงหน้าจอแสดงผลที่คมชัด จึงมอบประสบการณ์สมาร์ทโฟนที่โดดเด่นไม่ว่าจะเป็นด้านการถ่ายภาพ การรับชมวิดีโอ หรือการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน

สร้างสรรค์ผลงานชิ้นเอกของคุณด้วยความสามารถในการถ่ายภาพระดับมืออาชีพจาก Leica

Xiaomi 13T Series นั้นถูกรังสรรค์มาเพื่อผู้ที่ชอบการสร้างสรรค์ โดยมอบประสบการณ์การถ่ายภาพระดับมืออาชีพ ซึ่งทั้งรุ่น 13T และ 13T Pro มีระบบกล้องสามตัวพร้อมเลนส์ Summicron ที่ออกแบบร่วมกับ Leica (Summicron lenses co-engineered with Leica) และยังมาพร้อมกับเลนส์ไวด์ความละเอียด 50MP ทางยาวโฟกัสเทียบเท่า 24 มม. (50MP wide angle camera with 24mm equivalent focal length) และเลนส์ aspherical 7P (7P aspherical lens) ที่ออกแบบมาเพื่อจับแสงมากขึ้นซึ่งรองรับการถ่ายภาพช่วงไดนามิกสูง และเลนส์เทเลโฟโต้ 50MP ทางยาวโฟกัสเทียบเท่า 50 มม. (50MP telephoto lens with 50mm equivalent focal length) นอกจากนี้ยังมีเลนส์อัลตร้าไวด์ 12MP ที่มีความยาวโฟกัสเทียบเท่ากับ 15 มม. (12MP ultra-wide-angle camera with 15mm equivalent focal length) ที่เหมาะกับการถ่ายภาพพาโนรามาและเก็บภาพทิวทัศน์เป็นอย่างยิ่ง กล้องของทั้ง 2 รุ่นนั้นขับเคลื่อนด้วย DCI-P3 100% ซึ่งมีช่วงสีที่กว้างขึ้น ช่วยบันทึกทุกช่วงเวลาอันน่าจดจำด้วยคุณภาพสุดคลาสสิกจาก Leica

เปิดตัวแล้ววันนี้ HONOR X6a และ HONOR X5 Plus เริ่มต้น 3,499 บาท

มาพร้อมสไตล์การถ่ายภาพ Leica แบบดั้งเดิมสองแบบ ได้แก่ Leica Authentic Look และ Leica Vibrant Look มอบศักยภาพในการถ่ายภาพที่โดดเด่นมากยิ่งขึ้นด้วยการสร้างสีที่เป็นธรรมชาติ ความต่างและความคมชัดของเงาที่ชัดเจน พร้อมด้วยความสวยงามของภาพอันเป็นเอกลักษณ์สุดคลาสสิกจาก Leica นอกจากนี้ยังมาพร้อม ฟิลเตอร์หกแบบจาก Leica ที่คงไว้ซึ่งความแตกต่างเฉพาะตัวระดับตำนานจาก Leica อีกด้วย รวมถึง Leica Sepia และ Leica Blue รุ่นล่าสุดที่ถูกดัดแปลงมาจากโหมดฟิล์ม LeicaM-Typ240 และเพื่อเพิ่มตัวเลือกอันสร้างสรรค์ของผู้ใช้ให้มากยิ่งขึ้น ทั้ง 2 รุ่นยังมาพร้อมลายน้ำ Leica ใหม่อีกสี่แบบ ทำให้ผู้ใช้งานมีตัวเลือกมากขึ้นสำหรับการจัดองค์ประกอบภาพและขนาดเฟรม

มีฟังก์ชันสไตล์การถ่ายภาพแบบกำหนดเองภายใต้โหมด Pro ที่ใช้ครั้งแรกใน Xiaomi 13 Ultra ทำให้ผู้ใช้สามารถปรับโทนสี (Tone), การไล่สี (Tonality) และพื้นผิว (Texture) ได้ในขั้นตอนที่กำหนดไว้ล่วงหน้า โดยยังคงรักษารายละเอียดและสีสำหรับการประมวลผลภายหลังได้ นอกจากนี้ยังสามารถบันทึกการตั้งค่าล่วงหน้าที่ต้องการไว้สำหรับสไตล์การถ่ายภาพส่วนตัวได้

มาพร้อมเทคโนโลยี Xiaomi ProFocus ที่ช่วยให้ช่างภาพสามารถจับภาพการเคลื่อนไหวที่ไม่ควรพลาดด้วยรายละเอียดอันน่าทึ่ง ตั้งแต่การภาพถ่ายระยะใกล้ของวัตถุที่เคลื่อนไหวเร็ว เช่น สุนัขและนก ไปจนถึงภาพของผู้คนและสถานที่อันน่าทึ่ง

ยกระดับการถ่ายวิดีโอขึ้นไปอีกขั้น

ดื่มด่ำไปกับโลกของการบันทึกวิดีโอ 10-bit LOG 4:2:0 H.265 ที่ให้คุณควบคุมสีและรายละเอียดได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยมาพร้อม Rec.709 LUT ที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้าเพื่อเพิ่มความมหัศจรรย์แบบมืออาชีพให้กับวิดีโอของคุณ ทั้งยังสามารถเรนเดอร์สีและความลึกของภาพได้อย่างแม่นยำอย่างเหนือชั้นอีกด้วย

การปรับเปลี่ยนเฉพาะเพื่อให้เข้ากับผู้ใช้ถือเป็นหัวใจหลักของอุปกรณ์อัจฉริยะจากเสียวหมี่เสมอมา และรุ่น Pro ยังถูกออกแบบมาเพื่อให้คุณแสดงวิสัยทัศน์ที่เป็นเอกลักษณ์ในแบบฉบับของคุณมากยิ่งขึ้น โดยคุณสามารถนำสไตล์ LUT ที่คุณชื่นชอบไปใส่ในอุปกรณ์และใส่วิดีโอของคุณเพื่อสร้างสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของคุณได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถถ่ายวิดีโอ 8K เพื่อให้แน่ใจว่าทุกฉาก ทุกความแตกต่าง ทุกรายละเอียดของการถ่ายวิดีโอของคุณจะถูกบันทึกไว้ในระดับวิดีโอภาพยนตร์เลยทีเดียว

นอกจากนี้กล้องไวด์ความละเอียด 50MP ยังรองรับทั้ง OIS และ EIS ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าวิดีโอของคุณจะไม่สั่นไหวแม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางการเคลื่อนไหวก็ตาม

ส่วนกล้องหลัง Xiaomi 13T รองรับการบันทึกวิดีโอ 4K ทุกความยาวโฟกัส พร้อมการตัดต่อที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ และสามารถเข้าสู่โหมด Pro ในฟีเจอร์โปรแกรมตัดต่อวิดีโอในแอปพลิเคชัน Xiaomi Gallery ที่สามารถใส่คำบรรยายและเพลงประกอบที่สามารถแก้ไขเป็นแทร็กแยกกันได้อย่างง่ายดาย เหมาะสำหรับการสร้างวิดีโอสั้นสำหรับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียหรือ vlog ส่วนตัว

ดำดิ่งสู่ประสบการณ์ภาพและเสียงอันน่าทึ่ง

ทั้ง 2 รุ่น มอบความคมชัดและสีสันที่สดใสในระดับใหม่ ช่วยยกระดับประสบการณ์การรับชมด้วยหน้าจอแสดงผล CrystalRes ขนาดหน้าจอ 6.67 นิ้ว ที่รองรับอัตราการรีเฟรชสูงสุด 144Hz และความละเอียด 1.5K (2712 x 1220) ให้ความสว่างสูงถึง 1200nits และความสว่างสูงสุด 2,600nits

นอกจากนี้ยังให้ความครอบคลุม DCI-P3 100% พร้อมรองรับสี 68 พันล้านสี โดยให้ความเข้ากันได้แบบ end-to-end HDR10+ ซึ่งจะช่วยเพิ่มคอนทราสต์ระหว่างส่วนที่มืดและส่วนที่สว่างของภาพ เพื่อแสดงพื้นผิวที่แท้จริงของรายละเอียดและให้ความสมดุลของความอิ่มตัวของสีมากขึ้น ทำให้ผู้ใช้สามารถสร้างเนื้อหาภาพระดับมืออาชีพได้อย่างน่าทึ่งไม่ว่าจะเป็นภาพเซลฟี่และภาพบุคคลไปจนถึงวิดีโอและ vlog ที่ดึงดูดความสนใจด้วยคุณภาพของภาพที่โดดเด่นอย่างน่าประทับใจ เมื่อถึงเวลาที่คุณจะพักผ่อนและรับชมวิดีโอหรือภาพยนตร์บนโซเชียลมีเดีย และยังรองรับ Dolby Atoms® พร้อมลำโพงคู่ในตัว เพื่อให้คุณสามารถดื่มด่ำไปกับเนื้อหาโปรดได้อย่างเต็มที่

ผู้ใช้อุปกรณ์ทั้งสองรุ่นจะได้รับสิทธิ์ในการใช้งานพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ Google One ขนาด 100GB แบบทดลองใช้นาน 6 เดือน และรับสิทธิ์ใช้ YouTube Premium เป็นเวลา 3 เดือนพร้อมสิทธิ์การเข้าถึงแอป YouTube และ YouTube Music แบบไม่มีโฆษณา

โดดเด่นด้วยประสิทธิภาพที่ให้ประสบการณ์โดยรวมแบบเหนือระดับ

ทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่หลากหลายและอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานยิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์สมาร์ทโฟนที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

Xiaomi 13T Pro ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9200+ พร้อม CPU Octa-core ที่ให้ความเร็วสูงสุด 3.35GHz นอกจากนี้ยังมี Arm Immortalis-G715 GPU ในตัว ที่ทำการปรับปรุงการประมวลผลภาพเพื่อให้ประสบการณ์การเล่นเกมมีความราบรื่นและหมดกังวลเรื่องอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ในขณะที่ Xiaomi 13T มาพร้อมกับชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 8200-Ultra เพื่อประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่ยอดเยี่ยมโดยใช้เทคโนโลยีการผลิต 4 นาโนเมตรล่าสุดจาก TSMC ทำให้สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพของทั้ง CPU และ GPU ได้

ทั้งนี้การกระจายความร้อนยังได้รับการปรับปรุงด้วยแผ่นแช่สแตนเลส VC (VC stainless steel soaking plate) ขนาด 5,000 ตารางมิลลิเมตร เพื่อให้มั่นใจว่าโทรศัพท์จะคงไว้ซึ่งความเย็น

เจซี ซู (JC Hsu) รองประธานองค์กรและผู้จัดการทั่วไปของแผนกธุรกิจระบบสื่อสารแบบไร้สายของ MediaTek กล่าวว่า “MediaTek Dimensity 9200+ ใน Xiaomi 13T Pro มอบประสิทธิภาพของอุปกรณ์ระดับเรือธงและประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่โดดเด่น ในขณะที่ MediaTek Dimensity 8200-Ultra ที่ใช้ใน Xiaomi 13T นั้นช่วยยกระดับประสบการณ์สมาร์ทโฟนระดับพรีเมียม ทั้งนี้ เรายังคงยกระดับอุปกรณ์ระดับพรีเมี่ยมและอุปกรณ์เรือธงอย่างต่อเนื่องผ่านการมอบประสิทธิภาพสูงสุดในด้านการเล่นเกม การถ่ายภาพ AI และการเชื่อมต่อ เพื่อให้มั่นใจว่าผู้บริโภคจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากสมาร์ทโฟนของพวกเขาได้นานขึ้น”

รุ่น 13T Pro รองรับการชาร์จ 120W HyperCharge ซึ่งสามารถชาร์จเต็ม 100% ได้ในเวลาเพียง 19 นาที อุปกรณ์ทั้งสองมีตัวเลือกการชาร์จที่รวดเร็ว โดยที่ รุ่น 13T Pro ชาร์จได้ 36% และ 13T ชาร์จได้ 21% ในเวลาเพียง 5 นาที

อุปกรณ์ทั้งสองรุ่นถูกพัฒนาด้วยเทคโนโลยี ISP (Internal Shortage Precaution), SOA (Safety Operating Area), DTPT (Dynamic Turbo Power Technology) ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าจะสามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัยด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh (typ)

ดีไซน์สุดอินเทรนด์พร้อมการกันน้ำและฝุ่นระดับ IP68 ที่ผ่านการพิสูจน์แล้ว

Xiaomi 13T Pro และ Xiaomi 13T มาพร้อมการออกแบบสุดคลาสสิกโดยมีให้เลือกสามสี ได้แก่ Alpine Blue, Meadow Green และ Black โดยแผงด้านหลังของรุ่น Alpine Blue ใช้หนัง Xiaomi BioComfort vegan ระดับพรีเมี่ยมพร้อมพื้นผิวที่นุ่มและละเอียดอ่อนซึ่งทำให้ถือและใช้งานได้อย่างสบายเป็นพิเศษ ในขณะที่สี Meadow Green และ Black มาพร้อมแผงด้านหลังที่เป็นกระจกมันวาวซึ่งเพิ่มความหรูหราโฉบเฉี่ยว สมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นมีความทนทานและสามารถกันน้ำและฝุ่น5ในระดับ IP68 จึงทำให้สมาร์ทโฟนที่สวยงามและเปี่ยมไปด้วยความทนทาน

Scroll to Top