HMD ประเทศไทย เปิดตัว Nokia ฟีเจอร์โฟน 3 รุ่นสุดคลาสสิก ปลุกกระแส Retro ยุค 90s ประเดิมด้วย Nokia 8210 4G ฟีเจอร์โฟนอัปเกรดจากมือถือในตำนานยุค 90s คงเกมงูสุดคลาสสิกที่แฟนตัวยงพลาดไม่ได้ Nokia 5710 XpressAudio มากับหูฟัง TWS ติดกับตัวเครื่อง เพิ่มลูกเล่นฝาหลังสไลด์ขึ้น-ลง หยิบใช้งานสะดวก และปิดท้ายด้วย Nokia 2660 Flip ฟีเจอร์โฟนย้อนยุคแฟชั่นฝาพับ มีปุ่มกดสัมผัสขนาดใหญ่พิมพ์ง่ายและฟังก์ชันสนับสนุนการช่วยฟัง M4/T4 HAC เพื่อกลุ่มผู้สูงวัย
ชูทั้ง 3 รุ่น จับตลาดกลุ่มธุรกิจองค์กรที่มองหาฟีเจอร์โฟนใช้งานแทนโทรศัพท์บ้าน กลุ่มวัยทำงาน และกลุ่มผู้บริโภคผู้หลงไหลความคลาสสิกในยุค 90s พบผู้ใช้งานฟีเจอร์โฟนให้ความสำคัญกับอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานมากที่สุดถึง 60% และความน่าเชื่อถือด้านความทนทาน 30% เผยตลาดฟีเจอร์โฟนทั่วโลกยังเป็นที่ต้องการต่อเนื่อง คาดจะมีความต้องการมากถึง 157 ล้านเครื่องในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า เช่นเดียวกับตลาดในไทยช่วงปีที่ผ่านมาที่โทรศัพท์ฟีเจอร์โฟนเป็นรุ่นที่ถูกถามหา และยังเป็นที่ต้องการเพื่อก้าวข้ามสู่ยุคเปลี่ยนผ่านจากเครือข่าย 2G เป็น 4G วางกลยุทธ์รุกขยายร้านค้ากว่า 4,000 แห่งทั่วประเทศไทยในปีนี้ เข้าถึงผู้บริโภคครอบคลุมมากขึ้น ตั้งเป้าดันกลุ่มฟีเจอร์โฟนโตในประเทศเพิ่ม 40%
ภราดร รามบุตร ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท เอชเอ็มดี โกลบอล (HMD) เปิดเผยว่า ตลาดโทรศัพท์มือถือฟีเจอร์โฟนทั่วโลกยังคงเป็นที่ต้องการต่อเนื่อง นับจากช่วงยุค 90s ที่ตลาดรวมฟีเจอร์โฟนมีการเติบโตอย่างมาก ด้วยยอดขายที่ทะลุกว่า 100 ล้านเครื่องต่อปีในตลาดโลก ปัจจุบันแม้ผ่านไปแล้วกว่า 3 ทศวรรษ โทรศัพท์ฟีเจอร์โฟนก็ยังคงเป็นที่ต้องการข้ามยุคสมัย โดยคาดว่าตลาดจะมีความต้องการมากถึง 157 ล้านเครื่องในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า
ขณะเดียวกันแบรนด์ Nokia ยังติดอันดับแบรนด์นิยมต้น ๆ ในทุกทวีปทั่วโลก รวมถึงตลาดประเทศไทยที่ยังคงรักษาแชมป์ครองมาเกตแชร์อันดับหนึ่งเกินครึ่งของตลาด ทั้งนี้ จากความต้องการของตลาด เอชเอ็มดีได้ดึงเอาความเรียบง่ายของโทรศัพท์มือถือยุค 90s ด้วยจุดแข็งที่ข้ามกาลเวลามาถึงปัจจุบันกลับมารีเมคอีกครั้ง พร้อมกับการอัปเกรดฟังก์ชันใช้งานที่ทันสมัยขึ้น เพิ่มฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานมากขึ้น แต่ยังโดดเด่นด้วยดีไซน์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ทั้งความคงทนและพลังงานแบตเตอรี่อึดทนใช้งานยาวนาน
–realme 9i 5G The Rock Star เปิดตัวในไทยอย่างเป็นทางการ
พร้อมคุณภาพการผลิตจากวัสดุที่ขึ้นชื่อเรื่องความทนทาน มั่นใจได้กับการใช้งานที่ยาวนาน บวกกับงานประกอบระดับพรีเมียม ตอบสนองความต้องการผู้บริโภคกลุ่มฟีเจอร์โฟนปัจจุบัน จากการสำรวจข้อมูลผู้ใช้โทรศัพท์ฟีเจอร์โฟนพบผู้บริโภค 60% ให้ความสำคัญกับอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนาน และ 30% เน้นความน่าเชื่อถือของแบรนด์และความทนทานของโทรศัพท์
“แม้จะผ่านมากว่า 30 ปี ด้วยเสน่ห์และจุดแข็งของโทรศัพท์มือถือฟีเจอร์โฟนอันเป็นเอกลักษณ์ และการใช้งานที่คลาสสิก โดยเฉพาะแบรนด์ Nokia ที่คงความโดดเด่นเรื่องวัสดุความทนทานใช้งานยาวนาน ส่งผลให้ตลาดฟีเจอร์โฟนทั่วโลก และตลาดในไทยยังเป็นที่ต้องการของกลุ่มผู้บริโภคต่อเนื่อง ดังนั้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดและเพิ่มโอกาสการเข้าฟีเจอร์โฟนคุณภาพ เอชเอ็มดี ตั้งเป้าโทรศัพท์กลุ่มฟีเจอร์โฟนเติบโตในประเทศเพิ่มขึ้น 40% พร้อมรุกตลาดเดินหน้าขยายร้านค้ากว่า 4,000 แห่งทั่วประเทศไทยในปีนี้” ภราดร กล่าว
ปลุกกระแสยุค 90s
ปริญญา พงษ์สิน ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณท์ เอชเอ็มดี โกลบอล กล่าวว่า “ช่วงปีที่ผ่านมาฟีเจอร์โฟนโนเกียรุ่นเก๋าเกมในตำนานหลายรุ่นถูกหยิบขึ้นมาปัดฝุ่นอัปเกรดฟีเจอร์ และฟังก์ชันใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อตอบโจทย์การใช้งานผู้บริโภค อาทิ Nokia 3310 Nokia 2720 และ Nokia 8110 ที่ประสบความสำเร็จ ได้กระแสตอบรับอย่างดีในตลาดโลก ล่าสุด ฟีเจอร์โฟนทั้ง 3 รุ่นได้พร้อมนำเข้าและจัดจำหน่ายปลุกกระแสยุค 90s ในตลาดประเทศไทย
โดยช่วงครึ่งปีหลังเอชเอ็มดีวางกลยุทธรุกตลาดฟีเจอร์โฟนจับกลุ่มผู้บริโภคครอบคลุมยิ่งขึ้น ทั้งกลุ่มธุรกิจองค์กรมองหาฟีเจอร์โฟนใช้งานแทนโทรศัพท์บ้าน วัยทำงาน ผู้สูงวัย และกลุ่มผู้บริโภคที่หลงใหลในดีไซน์ความคลาสสิกในยุค 90s รวมทั้งลูกเล่นของแบรนด์ Nokia ในยุคนั้น ประเดิมรุ่นแรกด้วย Nokia 8210 4G ฟีเจอร์โฟนทายาทรับไม้ต่อจากรุ่นพี่อย่าง Nokia 8210 รุ่นปี 1999 หรือ พ.ศ. 2542 ในตำนาน มาพร้อมหน้าจอขนาด 2.8 นิ้ว ความละเอียด QVGA กรอบจอแสดงผลที่ปรับปรุงใหม่ ช่วยให้การพูดคุยและการส่งข้อความง่ายขึ้น
พร้อมกล้องถ่ายภาพความละเอียด VGA ภายในขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต UniSoc T107 และหน่วยความจำภายในขนาด 48MB+128MB รองรับ MicroSD Card สูงสุด 32GB ทำงานบนระบบปฏิบัติการ S30+OS รองรับเครือข่าย 4G LTE และ Bluetooth 5.0 พร้อมความบันเทิงสุดคลาสสิกกับฟีเจอร์ฟังเพลง MP3 และวิทยุ FM ที่สามารถค้นหาคลื่นผ่านตัวเครื่องได้เลยโดยไม่ต้องใช้หูฟัง ทั้งยังคงเกมงูในตำนานที่แฟนตัวยงพลาดไม่ได้ติดตั้งมาพร้อมกับตัวเครื่อง โดยมีตัวเครื่องให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีน้ำเงินเข้ม และสีแดง ในราคา 2,290 บาท”
ต่อด้วย Nokia 5710 XpressAudio มีหูฟัง TWS ติดมากับตัวเครื่อง เพิ่มลูกเล่นฝาหลังสไลด์ขึ้น-ลง หยิบใช้งานง่าย คุณภาพเสียงที่คมชัด และสามารถชาร์จอัตโนมัติเมื่อไม่ได้ใช้งาน ตัวหูฟัง Nokia Xpress Earbuds สามารถเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.0 หรือจะใช้กับสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์อื่น ๆ หน้าจอแสดงผล 2.4 นิ้ว (QVGA) และกล้องหลังความละเอียด 0.3MP ภายในขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Unisoc T107 มีหน่วยความจำภายใน 128MB ซึ่งสามารถใส่การ์ด MicroSD เพิ่มความจุได้อีกสูงสุด 32GB พร้อมด้วยแบตเตอรี่อึดทน 1450mAh เน้นประหยัดพลังงาน และสามารถถอดเปลี่ยนได้ นอกจากนี้ ตัวเครื่องยังมีช่องหูฟัง 3.5 มม. โดยมีตัวเครื่องที่วางจำหน่ายเป็นสีดำแดง ในราคา 2,690 บาท
“ปิดท้ายด้วย Nokia 2660 Flip ฟีเจอร์โฟนย้อนยุคแฟชั่นฝาพับในตำนาน ยกสเปกส่วนใหญ่มาจาก 8210 4G และ 5710 XpressAudio หน้าจอหลักขนาด 2.8 นิ้ว QVGA กับจอบนฝาพับขนาด 1.77 นิ้ว พร้อมด้วยกล้องหลังความละเอียด 0.3MP ความอึดทนแบตเตอรี่ 1450mAh เน้นประหยัดพลังงาน รองรับ MicroSD 32GB จุดเด่นที่น่าสนใจคือตัวเครื่องมีปุ่มกด tactile สัมผัสขนาดใหญ่พิมพ์ง่ายและฟังก์ชันช่วยฟัง M4/T4 HAC หรือ Hearing Aid Compatibility เหมาะสำหรับผู้ใช้โดยเฉพาะผู้สูงวัยหรือผู้มีความต้องการเป็นพิเศษด้านการฟัง โดยตัวเครื่องมีสีที่วางจำหน่าย สีดํา ในราคา 2,490 บาท” นายปริญญา กล่าวทิ้งท้าย
NOKIA ฟีเจอร์โฟน 3 รุ่นปลุกกระแส Retro ยุค 90s เริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2565 เป็นต้นไป