บริษัท เอ็นทีที เดต้า (ประเทศไทย) จำกัด เผยเทคโนโลยีบล็อกเชน เมกะเทรนด์ทรงศักยภาพ เป็นกุญแจเชื่อมโลกที่สำคัญ ไม่จำกัดเฉพาะอุตสาหกรรมการเงิน แต่จะกระจายออกไปเป็นกระดูกสันหลังใหม่ของทุกอุตสาหกรรม ทั้งประกัน อุตสาหกรรมยานยนต์ โลจิสติกส์ การแพทย์ การแลกเปลี่ยนสกุลเงินข้ามประเทศ จับตาการสร้าง Ecosystem บนบล็อคเชนเพื่อเชื่อมโยงธุรกิจระหว่างอุตสาหกรรม ต่อยอดและเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้น เปิดเคสตัวอย่าง ค่ายผลิตยานยนต์สัญชาติเยอรมันและผู้ประกอบการโลจิสติกส์ระดับโลกร่วมสร้างบล็อกเชน เพื่อพัฒนาการทำงานร่วมกันระหว่างอุตสาหกรรมได้อย่างรวดเร็วและโปร่งใส ทั้งยังชูแพลตฟอร์ม TradeWaltz เชื่อมโยงบล็อกเชนรับเทรนด์ใหม่เพื่อธุรกิจการค้าแบบไร้รอยต่อ
ฮิโรนาริ โทมิโอกะ ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็นทีที เดต้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีบล็อกเชนได้กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เสมือนเป็นกระดูกหลังใหม่ของโลก ด้วยคุณสมบัติเชื่อมโยงข้อมูลได้แบบไร้ศูนย์กลาง มีความโปร่งใส เนื่องจากเก็บข้อมูลโดยการเชื่อมต่อทุกระบบการทำงาน และระบบความปลอดภัยด้วยการจำกัดสิทธิ์ผู้เข้าถึงข้อมูล ทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ตามความเหมาะสม ส่งผลให้ข้อมูลมีความน่าเชื่อถือและปลอดภัยสูง ช่วยลดการจัดทำรายงานแบบ manual และลดระยะเวลาการทำงาน
–เปิดเวที “SCB 10X METATHON 2022” เฟ้นหาสุดยอดทีมนักพัฒนาด้าน Metaverse ชิงรางวัลรวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท
–Bitkub เปิดตัว BKC Oracle แพลตฟอร์มสำหรับนักพัฒนาบน Bitkub Chain
โดยที่ผ่านมาจะเห็นภาพที่ชัดเจนในมิติของการเงินแบบไร้ศูนย์กลาง หรือ DeFi (Decentralize Finance) เพื่อตัด “ตัวกลาง” โดยใช้บล็อกเชนพร้อมกับสัญญาอัจฉริยะ(Smart contact) ในการทำธุรกรรมเป็นหลัก เช่น การทำธุรกรรมฝาก-โอน-ถอน ซื้อประกัน ซื้อกองทุน การแลกเปลี่ยนเงินตรา ทั้งในและต่างประเทศได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย นำมาซึ่งค่าทำเนียมต้นทุนธุรกรรมที่ต่ำลง มีความสะดวกรวดเร็วในการใช้บริการในมุมของผู้บริโภค ในขณะที่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการเงินสามารถลดต้นทุน สร้างประสบการณ์ที่ด้านบริการแก่ผู้ใช้บริการมายิ่งขึ้น
นอกจากโลกการเงิน เทคโนโลยีบล็อกเชนกำลังแทรกซึมเข้าไปมีบทบาทสำคัญในทุกอุตสาหกรรม จากรายงานของ NelsonHall ระบุว่าในตลาดทั่วโลกมีมูลค่าบริการบล็อกเชนอยู่ที่ 496 ล้านดอลลาร์ในปี 2020 และคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี 53.3% ไปจนถึงปี 2025 ซึ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะมีแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งที่สุดใน 5 ปีข้างหน้า โดยกลุ่มธนาคารและการเงิน โทรคมนาคมและสื่อ และภาครัฐ จะเติบโตมากที่สุด ซึ่งกลุ่มธนาคารและการเงินจะเป็นภาคส่วนที่ใช้บริการบล็อกเชนมากที่สุด เนื่องจากมีการพัฒนาบริการใหม่ๆ เกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลเพื่อรองรับความต้องการของตลาด รวมถึงการยืนยันตัวตน การออกเอกสารแบบเรียลไทม์ผ่านระบบดิจิทัล จะเป็นแรงผลักดันสำคัญในการขับเคลื่อนเทคโนโลยีบล็อกเชน
NTT DATA มองว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนช่วยเพิ่มศักยภาพให้ธุรกิจพัฒนาได้ในทุกมิติ โดยจะเข้าไปมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมการแพทย์ การศึกษา หน่วยงานภาครัฐ องค์กรเพื่อสังคม ประกันภัย อุตสาหกรรมการผลิต โดยเฉพาะการช่วยพัฒนากระบวนการทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ลดความผิดพลาดที่เกิดจากการทำงานแบบ manual รูปแบบเดิม เพิ่มความโปร่งใสในทุกขั้นตอนการทำงาน และเพิ่มประสิทธิภาพการแสดงผลการทำงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้นตลอดระบบซัพพลาย เพื่อส่งเสริมกระบวนการทำงานร่วมกัน
ซึ่งแม้ในปัจจุบันบล็อกเชนส่วนใหญ่จะถูกใช้เฉพาะในอุตสาหกรรมการเงิน โดยที่ผ่านมา NTT DATA ได้ร่วมพัฒนาสร้างระบบ ecosystem บนบล็อกเชนเพื่อเชื่อมโยงระบบการทำงานระหว่างบริษัทผลิตและพัฒนายานยนต์รายใหญ่ของประเทศเยอรมนี เข้ากับระบบการทำงานของบริษัทโลจิสติกส์ชั้นนำระดับโลก เพื่อพัฒนาระบบซัพลายเชนตั้งแต่กระบวนการก่อนการผลิตจนถึงการจัดส่งชิ้นส่วนอะไหล่ไปยังตัวแทนจำหน่ายตามความต้องการ โดยพัฒนาบล็อคเชนเพื่อสร้างจุดเชื่อมต่อการทำงานแบบอัตโนมัติ ครอบคลุมการทำงานระบบซัพพลายเชนได้ 17 ประเทศทั่วโลก สามารถจำกัดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูล และตรวจสอบผ่านแดชบอร์ดได้แบบเรียลไทม์ นับตั้งแต่เวลาสั่งซื้อไปตลอดจนถึงการส่งมอบในขั้นสุดท้าย ทำให้ช่วยลดระยะเวลาการทำงาน นับเป็นอีกก้าวที่สำคัญของวงการบล็อกเชน
ฮิโรนาริ กล่าวทิ้งท้ายว่า NTT DATA เชื่อมั่นในศักยภาพของบล็อกเชนที่สามารถต่อยอดได้ในอนาคต ด้วยการเชื่อมต่อหลายบล็อกเชนที่แม้จะอยู่คนละ ecosystem เข้าด้วยกัน เพื่อให้เกิดการต่อยอดทางธุรกิจระหว่างกันได้ง่ายและทรงประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยได้พัฒนาแพลตฟอร์มการแบ่งปันข้อมูลทางการค้าระหว่างประเทศ TradeWaltz (เทรด-วอลซ์) ที่สร้างขึ้นโดยอาศัยข้อมูลที่ได้รับจากกลุ่มบริษัท (Consortium) ในหลายอุตสาหกรรม เพื่อผลักดันระบบการค้าระหว่างประเทศทั่วโลกสู่ระบบดิจิทัล โดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในการจัดทำเอกสารทางการค้าบนระบบดิจิทัลและทำให้มั่นใจว่าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เหล่านั้นครบถ้วนถูกต้อง
แพลตฟอร์มนี้สามารถรับประกันความถูกต้องของเอกสารดิจิทัลและการถ่ายโอนสิทธิ์ผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน ช่วยแชร์ข้อมูลแบบเรียลไทม์และการอัพเดตสถานะด้วยระบบการจัดการกระบวนการทางธุรกิจ ทั้งยังลดความเสี่ยงของการสูญหาย ถูกขโมย และการปลอมแปลงเอกสาร คุณสมบัติโดดเด่นของแพลตฟอร์มนี้คือการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันต่อเจ้าของข้อมูล ส่งเสริมให้เกิดการใช้ข้อมูลอย่างครอบคลุมในหลากหลายธุรกิจและไม่จำกัดเขตแดน สนับสนุนการค้าระหว่างประเทศให้ดำเนินธุรกิจที่ลื่นไหลบนโลกธุรกิจยุคดิจิทัล
และในฐานะผู้นำธุรกิจดิจิทัลระดับโลก NTT DATA สามารถให้บริการสร้าง ecosystem ของ บล็อกเชน ได้แบบ end-to-end นับตั้งแต่ตั้งแต่การให้คำปรึกษา การออกแบบระบบ และการพัฒนาระบบด้วยการบูรณาการ (Integrate)ระบบจากหลายบริษัทที่อยู่ภายใต้บล็อกเชนด้วยการเชื่อมต่อผ่าน API ตลอดจนการบำรุงรักษาระบบ เพื่อสร้างมูลค่า และคุณค่าให้กับบริษัท
เซ็นทรัลพัฒนา รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567 ทำรายได้รวม 12,284 ล้านบาท กำไรสุทธิ 4,126 ล้านบาท ผนึก 'ฮิลตัน' เปิดตัวโรงแรมใหม่ "ฮิลตัน…
นายธีรยุทธ ศักดิ์วิลาสตระกูล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มทรัพยากรบุคคล รักษาการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานทรัพยากรบุคคลบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT เข้ารับมอบใบรับรอง CAC Certified จาก นายทศพร รัตนมาศทิพย์ กรรมการ CAC ในงาน CAC Certification Ceremony ครั้งที่ 2/2024 ภายใต้แนวคิด…
ไปรษณีย์ไทย เดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจอีคอมเมิร์ซและการค้าระหว่างประเทศจากไทยสู่เวียดนาม โดยมุ่งใช้ 3 เส้นทางการขนส่งที่สำคัญ ได้แก่ เส้นทางอากาศ เส้นทางภาคพื้น และทางราง พร้อมจับมือการไปรษณีย์เวียดนามพัฒนาบริการไปรษณีย์ภายใต้กรอบความร่วมมือของการไปรษณีย์อาเซียน (ASEANPOST) เดินหน้ายกระดับอีคอมเมิร์ซของทั้ง 2 ประเทศ เตรียมนำสินค้าเมดอินไทยแลนด์และเวียดนาม…
งานวิจัยล่าสุดจากแพลตฟอร์มดิจิทัลด้านการท่องเที่ยวอโกด้าเผยว่า กฎหมายสมรสเท่าเทียมของไทยจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น 4 ล้านคนต่อปี และสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเกือบ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ภายใน 2 ปีหลังจากที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ งานวิจัยเรื่องผลกระทบทางเศรษฐกิจจากกฎหมายสมรสเท่าเทียมต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย ซึ่งจัดทำโดยอโกด้าร่วมกับบริษัท Access Partnership ได้ประเมินถึงโอกาสทางเศรษฐกิจที่ประเทศไทยจะได้รับจากการบังคับใช้กฎหมายสมรสเพศเดียวกันในวันที่ 22 มกราคม 2568 โดยประเทศไทยเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่รับรองกฎหมายนี้ และเป็นประเทศที่สามในเอเชีย รองจากไต้หวันในปี 2562 และเนปาลเมื่อปีที่แล้ว กฎหมายดังกล่าวจะเปิดโอกาสให้ประเทศไทยดึงดูดนักท่องเที่ยว LGBTQIA+ ทั่วโลก ซึ่งมีมูลค่ากว่า 200 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี รายงานยังได้คาดการณ์ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่จะแพร่กระจายไปสู่เศรษฐกิจไทยในวงกว้างจากการบังคับใช้กฎหมายนี้ โดยคาดว่าใน 2 ปี จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น 4 ล้านคนต่อปี ซึ่งจะสร้างผลกระทบเชิงบวกอย่างมากดังนี้ เพิ่มรายรับจากการท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี โดยกระจายไปยังหลายภาคส่วน…
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้รับการประเมินด้านความยั่งยืนระดับสูงสุดในอุตสาหกรรม Oil & Gas Refinery and Marketing จากการประเมินของ S&P Global…
• ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ ‘ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี ใหม่’ มาพร้อมราคาแนะนำช่วงเปิดตัว 899,000 บาท* ในรุ่น e:HEV E จำนวนจำกัด เพื่อให้เป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น โดยมาพร้อมข้อเสนอรับฟรีประกันภัย…