ผลการจัดอันดับดัชนีนวัตกรรมโลกประจำปี 2567 หรือ Global Innovation Index 2024 (GII 2024) โดยองค์การทรัพย์สินทางปัญญาแห่งโลก (WIPO) เปิดเผยข่าวดีที่ทำให้คนไทยภาคภูมิใจ ประเทศไทยทะยานขึ้นสู่อันดับที่ 41 ด้วยคะแนน 36.9 จากเดิมที่อยู่อันดับ 43 นับเป็นการไต่ระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี ผลลัพธ์อันน่าชื่นชมนี้ ไม่เพียงสะท้อนถึงพัฒนาการอันโดดเด่นของประเทศ แต่ยังเป็นแรงผลักดันสำคัญบนเส้นทางสู่ “ชาตินวัตกรรม”
เบื้องหลังความสำเร็จ: ปัจจัยขับเคลื่อนอันดับนวัตกรรมไทย
การก้าวขึ้นมาอย่างโดดเด่นของประเทศไทย เกิดจากการผสมผสานของหลากหลายปัจจัย ที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความพร้อมของประเทศในการก้าวสู่เวทีโลก ได้แก่
- พลังขับเคลื่อนจากภาคเอกชน: ประเทศไทยครองแชมป์อันดับ 1 ของโลก ด้านสัดส่วนการลงทุนวิจัยและพัฒนาต่อ GDP โดยภาคเอกชน ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของภาคธุรกิจไทย ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรม และมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด
- ยูนิคอร์นไทยผงาด: การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของธุรกิจสตาร์ทอัพ นำไปสู่การเกิดขึ้นของยูนิคอร์นไทยถึง 3 ราย ได้แก่ Flash Express ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ Ascend Money ผู้ให้บริการทางการเงิน และ Wongnai Line Man แพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี ความสำเร็จของยูนิคอร์นเหล่านี้ เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงศักยภาพของสตาร์ทอัพไทย ในการสร้างธุรกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และสามารถแข่งขันในระดับนานาชาติได้
- ซอฟต์พาวเวอร์ไทยสู่สายตาโลก: ประเทศไทยโดดเด่นในด้านการส่งออกสินค้าและบริการสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ อาหาร และสินค้าไลฟ์สไตล์ ที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจากผู้บริโภคทั่วโลก ซอฟต์พาวเวอร์เหล่านี้ ไม่เพียงสร้างรายได้มหาศาลให้กับประเทศ แต่ยังช่วยเผยแพร่วัฒนธรรมไทย และเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศในเวทีโลก
- สิทธิบัตร : เครื่องหมายแห่งนวัตกรรม: จำนวนสิทธิบัตรที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นเครื่องยืนยันถึงความสามารถของคนไทย ในการคิดค้นและสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังสร้างผลลัพธ์ด้านนวัตกรรมได้เหนือความคาดหมาย เมื่อเทียบกับระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจ และมีพัฒนาการที่โดดเด่นกว่าประเทศอื่นๆ ในกลุ่มรายได้ปานกลางระดับบน
เส้นทางสู่ชาตินวัตกรรม : ความร่วมมือ ความต่อเนื่อง และการปรับตัว
ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการ NIA กล่าวถึงความสำคัญของ “ความร่วมมือ” ในการขับเคลื่อนประเทศสู่ชาตินวัตกรรม โดย NIA พร้อมเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงเครือข่ายพันธมิตร ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และประชาชน เพื่อร่วมกันพัฒนานวัตกรรมอย่างยั่งยืน
ขณะเดียวกัน ดร.ซาชา วุนช์วินเซนต์ จาก WIPO เน้นย้ำถึงความสำคัญของ “ความต่อเนื่อง” ในการพัฒนานวัตกรรม โดยประเทศชั้นนำด้านนวัตกรรม ล้วนมีการกำหนดทิศทางและแผนระยะยาวที่ชัดเจน และมุ่งมั่นดำเนินการตามแผนอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม การพัฒนานวัตกรรม ไม่ใช่แค่การเดินตามรอยเท้าของผู้อื่น แต่ต้องอาศัย “การปรับตัว” เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทและความต้องการของประเทศ
จุดแข็ง จุดอ่อน และโอกาสในการพัฒนา
ประเทศไทยมีจุดแข็งด้านนวัตกรรมหลายประการ เช่น ระบบธุรกิจ การลงทุนด้าน R&D และผลผลิตจากความคิดสร้างสรรค์ แต่ก็ยังมีจุดอ่อนที่ต้องเร่งแก้ไข เช่น
- การส่งออกบริการด้าน ICT ที่ยังมีสัดส่วนต่ำ
- งบประมาณด้านการศึกษาต่อ GDP ที่ยังไม่เพียงพอ
- ปัญหาการขาดแคลนครู และอัตราส่วนครูต่อนักเรียนที่สูง
- การใช้พลังงานคาร์บอนต่ำในภาคอุตสาหกรรม ที่ยังต้องพัฒนา
การแก้ไขจุดอ่อนเหล่านี้ จะเป็นโอกาสสำคัญในการพัฒนาประเทศ และยกระดับอันดับนวัตกรรมโลกให้สูงขึ้น
บทเรียนจากสิงคโปร์ : ต้นแบบแห่งความสำเร็จ
สิงคโปร์ ประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียน เป็นตัวอย่างความสำเร็จด้านนวัตกรรมที่น่าสนใจ ด้วยนโยบายที่ชัดเจนในการพัฒนากำลังคน การลงทุนด้านวิจัยและพัฒนา และการส่งเสริมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง ประเทศไทยสามารถเรียนรู้ และนำโมเดลของสิงคโปร์มาปรับใช้ เพื่อพัฒนาตนเองให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น
พลังแห่งความร่วมมือ : ภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาสังคม
การพัฒนานวัตกรรม ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน
- กระทรวงพาณิชย์: มีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงตลาด บ่มเพาะผู้สร้างสรรค์ และผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ
- CEA: มุ่งเน้นการพัฒนาคน ธุรกิจ และพื้นที่ เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
- สกสว.: สนับสนุนงบประมาณ วางแผน และผลักดันนโยบายด้านวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม เพื่อสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับประเทศ
ก้าวต่อไปของประเทศไทย : มุ่งสู่ “ชาตินวัตกรรม”
การขยับอันดับนวัตกรรมโลก เป็นเพียงก้าวแรกบนเส้นทางอันยาวไกล ประเทศไทยต้องเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้น
- การพัฒนากำลังคน: สร้างคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ ความสามารถ และทักษะที่จำเป็นในยุคดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทักษะด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ (STEM) รวมถึงทักษะด้านความคิดสร้างสรรค์ การแก้ปัญหา และการทำงานร่วมกัน
- การส่งเสริม R&D: สนับสนุนการวิจัยและพัฒนา ทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การวิจัยและพัฒนาในสาขาที่เป็น strategic industries เช่น เทคโนโลยีชีวภาพ เทคโนโลยีดิจิทัล และเทคโนโลยีพลังงานสะอาด
- การสร้างระบบนิเวศนวัตกรรม: ส่งเสริมสตาร์ทอัพ และเชื่อมโยงเครือข่ายนวัตกรรม เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเกิดขึ้น และการเติบโตของธุรกิจนวัตกรรม
- การพัฒนาเทคโนโลยี: มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีแห่งอนาคต เช่น Climate Tech Biotech Nanotechnology และ AI
ด้วยความร่วมมือ ความมุ่งมั่น และการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง ประเทศไทยจะสามารถบรรลุเป้าหมาย ในการเป็น “ชาตินวัตกรรม” ที่เข้มแข็ง มั่งคั่ง และยั่งยืน
#นวัตกรรมไทย #GII2024 #ชาตินวัตกรรม #WIPO #NIA #สตาร์ทอัพ #ซอฟต์พาวเวอร์ #เศรษฐกิจสร้างสรรค์
–AI+Robotic สู่เทคโนโลยี Humanoid Robot ก้าวข้ามขีดจำกัดโลกของหุ่นยนต์ที่เราเคยรู้จัก