Google และ Sphere Entertainment Co. ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญในการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) สุดล้ำมาสร้างสรรค์โปรเจกต์ “The Wizard of Oz at Sphere” มอบประสบการณ์การรับชมภาพยนตร์สุดคลาสสิกในรูปแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนบนจอ LED ความละเอียดสูงที่สุดในโลก
ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการผสานพลังระหว่างวิศวกรรมล้ำสมัยและความคิดสร้างสรรค์จากผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขา เพื่อยกระดับการเล่าเรื่องด้วยภาพไปอีกขั้น เช่นเดียวกับการปฏิวัติวงการภาพยนตร์เมื่อเกือบ 90 ปีก่อนด้วยเทคโนโลยีภาพสีเทคนิคคัลเลอร์ในภาพยนตร์ต้นฉบับ
สำหรับ “The Wizard of Oz at Sphere” ที่มีกำหนดเปิดตัวในลาสเวกัสวันที่ 28 สิงหาคม 2025 นั้น Google Cloud และ Google DeepMind ได้นำโมเดล AI เจเนอเรทีฟ (gen AI) อย่าง Gemini ที่ปรับแต่งอย่างละเอียด Veo และ Imagen 3 มาใช้ในการเพิ่มความคมชัดของภาพยนตร์ ขยายฉากพื้นหลัง และสร้างตัวละครดิจิทัลให้สามารถปรากฏบนจอพร้อมกันได้อย่างไร้รอยต่อ ซึ่งในอดีตเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก
นอกจากนี้ Sphere ยังใช้โครงสร้างพื้นฐานของ Google Cloud ที่มีความสามารถในการปรับขนาดสูง เพื่อรองรับการจัดการข้อมูลมหาศาลถึง 1.2 เพตะไบต์ และความต้องการด้านการประมวลผลในการสร้างประสบการณ์เสมือนจริงอันน่าทึ่งนี้
เจมส์ โดแลน ประธานบริหารและซีอีโอของ Sphere Entertainment กล่าวว่า “พลังของ generative AI ร่วมกับโครงสร้างพื้นฐานและความเชี่ยวชาญของ Google จะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ เราต้องการพันธมิตรที่สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดไปพร้อมกับทีมงานของเรา และ Google คือบริษัทเดียวที่มีศักยภาพนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานบนจอ LED ที่มีความละเอียดสูงที่สุดในโลก”
โทมัส คูเรียน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Google Cloud กล่าวเสริมว่า “ความร่วมมือกับ Sphere ในโครงการ The Wizard of Oz at Sphere เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการนำ generative AI มาใช้เพื่อมอบประสบการณ์ใหม่ที่น่าตื่นเต้นให้กับผู้ชม และสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับสตูดิโอและผู้สร้างภาพยนตร์ เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการนำผลงานสุดคลาสสิกของอเมริกามาสู่สายตาผู้ชมรุ่นใหม่อีกครั้ง”
Google AI เนรมิตประสบการณ์เหนือจินตนาการให้ The Wizard of Oz
ภาพยนตร์ The Wizard of Oz ที่เปิดตัวในปี 1939 สร้างความฮือฮาด้วยเทคนิคการถ่ายทำที่ล้ำสมัยและการใช้เทคโนโลยีภาพสีทรีสตริป เทคนิคคัลเลอร์ และในอีกเกือบ 90 ปีต่อมา Sphere จะนำภาพยนตร์เรื่องนี้กลับมาฉายในรูปแบบเสมือนจริงเต็มรูปแบบบนจอแสดงผลภายในขนาด 160,000 ตารางฟุต โดยอาศัยขุมพลังของ Google AI ควบคู่ไปกับวิชวลเอฟเฟกต์และภาพยนตร์ต้นฉบับ เพื่อขยายฉากและยกระดับตัวละครให้มีความสมจริงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
เทคนิคสำคัญที่ Google Cloud และ DeepMind นำมาใช้ในการพัฒนาภาพยนตร์ครั้งนี้ ได้แก่:
- สุดยอดความคมชัด: โมเดล Veo จะถูกนำมาใช้เพื่อปรับปรุงความคมชัดของภาพยนตร์ให้มีความละเอียดสูงถึง 16K ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการแสดงผลบนจอภายในของ Sphere ที่มีความละเอียด 16K x 16K
- ฟังก์ชัน Outpainting: Veo จะขยายขอบเขตภาพของภาพยนตร์ให้เข้ากับสภาพแวดล้อมเสมือนจริงของ Sphere ได้อย่างไร้รอยต่อ สร้างความรู้สึกดื่มด่ำให้กับผู้ชม
- การสร้างสรรค์ภาพเคลื่อนไหว: การใช้ Veo ร่วมกับ Gemini จะช่วยให้ทีมงานพัฒนาเทคนิคการเล่าเรื่องที่ทันสมัย ทำให้ตัวละครหลายตัวสามารถปรากฏบนหน้าจอได้อย่างต่อเนื่อง เพิ่มความสมจริงและน่าติดตาม
- หน้าต่างบริบท (Context Window): ความสามารถของ Gemini และ Veo ในการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่และรักษาความเชื่อมโยงระหว่างฉากต่างๆ จะช่วยให้ภาพที่ได้รับการปรับปรุงมีความสม่ำเสมอตลอดทั้งเรื่อง
ความร่วมมือระหว่าง Google และ Sphere ในโปรเจกต์ “The Wizard of Oz at Sphere” ถือเป็นก้าวสำคัญในการนำเทคโนโลยี AI มาพลิกโฉมประสบการณ์ความบันเทิง และเปิดศักราชใหม่ของการเล่าเรื่องด้วยภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจอย่างแท้จริง
–BIWIN ตอกย้ำผู้นำโซลูชันจัดเก็บข้อมูล รับเทรนด์ดิจิทัล ตอบโจทย์ทุกภาคธุรกิจ