เที่ยวไต้หวันช่วงเวลาไหนก็ไม่น่าเบื่อ เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมให้น่าค้นหาตลอดทั้งปี ซึ่งหากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่กำลังมองหาแหล่งท่องเที่ยว เพื่อสร้างความความทรงจำอันทรงคุณค่าให้กับตัวเอง พร้อมกับไปผ่อนคลายช่วงกลางปี สำนักงานการท่องเที่ยวไต้หวัน ประจำกรุงเทพฯ ขอมาแนะนำทริป 4 วัน 3 คืน ที่ครบครันและคุ้มค่าที่ทุกคนห้ามพลาดไปกับจุดแลนด์มาร์คเด็ดประจำภาคเหนือของไต้หวัน ที่แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม อุดมสมบูรณ์ และสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่น่าค้นหา รวมถึงแหล่งของกินชื่อดังประจำไต้หวัน ฉบับคนมีเวลาน้อยแต่อยากมองหาสักประเทศไว้ท่องเที่ยวเพื่อผ่อนคลาย รับรองได้ว่าถูกใจสายชิม ชม ชิล กันจนต้องร้องว้าวอย่างแน่นอน
เปิดทริปสุดฟินด้วยการเดินเล่นท้าแดดที่ชายหาดฝูหลง พร้อมตะลุยตลาดกลางคืนจีหลงเมี่ยวโข่วแหล่งของกินยอดฮิต
เปิดทริปกันด้วยความซู่ซ่ารับคลื่นทะเลและลมร้อนกันที่ชายหาดฝูหลง Fulong Beach (福隆海水浴場) ตั้งอยู่ที่เขตก้งเหลียว ทางตะวันออกเฉียงเหนือของไต้หวัน ใกล้กับสถานี Fulong เพียงเดินชมวิวไปเรื่อยๆ ประมาณ 5 นาที ก็จะได้พบชายหาดที่สวยที่สุดในไต้หวันจนถูกขนานนามว่าเป็น “ชายหาดสีทอง” ด้วยบริเวณชายหาดมีทรายสีทองเม็ดละเอียด ผืนน้ำทะเลสีฟ้าใส สามารถมองเห็นแม่น้ำซวงซี (Shuangxi River) ที่ไหลลงสู่มหาสมุทรแสนกว้างไกล ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับชาวซัมเมอร์เลิฟเวอร์โดยเฉพาะ ซึ่งในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงตุลาคมของทุกปีที่แห่งนี้จะมีการจัด “เทศกาลประติมากรรมทรายนานาชาติฝูหลง” เพื่อเปิดโอกาสให้ศิลปินจากทั่วโลกได้มาโชว์ฝีมือประติมากรรมทรายสุดสร้างสรรค์ โดยธีมงานในปีนี้คือ “ฉลองครบรอบ 100 ปีดิสนีย์” พร้อมให้ตื่นตาตื่นใจกับตัวละครมากมายจัดเต็มกว่า 60 ผลงาน ความยาวประมาณ 3 กิโลเมตร อาทิ มิกกี้ สโนว์ไวท์ เอลซ่า อเวนเจอร์ส บัซ ไลท์เยียร์ และสตาร์ วอร์ส บอกเลยว่าห้ามพลาด
ถึงยามค่ำคืนก็ไม่ต้องกลัวเหงา มีตลาดกลางคืนสุดคึกคักอย่างจีหลงเมี่ยวโข่ว Keelung Miaokou Night Market (基隆廟口夜市) แหล่งรวมของกินยอดฮิต แถมราคาก็เป็นมิตรแบบสุดๆ ตั้งอยู่บริเวณสถานี Keelung พร้อมให้ช้อปชิมอาหารหลากหลายสไตล์กันแบบจุใจกว่า 200 ร้าน จัดเรียงรายเต็มพื้นที่ 2 ข้างถนน ยาวกว่า 400 เมตร ตลาดกลางคืนแห่งนี้ยังขึ้นชื่อว่าเป็นตลาดที่มีอาหารที่หลากหลายที่สุดในจากผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารอีกด้วย สำหรับร้านเด็ดที่ต้องไปลิ้มรสชาติให้ได้เมื่อมาถึงได้แก่ ข้าวไก่ฉีกหรือจีโร่วซือฟ่าน (雞肉絲飯) เทมปุระสไตล์ไต้หวันหรือเทียนฟู่หลัว (天婦羅) ติ่งเปียนซัว (鼎邊趖) เป็นอาหารท้องถิ่นสไตล์ไต้หวันที่ใช้ เส้นแป้งคล้ายก๋วยจั๊บและทานกับน้ำซุปใสคล้ายก๋วยเตี๋ยว ร้านอู๋เจีย มินิเซียงฉางหรือกุนเชียงไต้หวัน เป็นต้น
เริ่มต้นวันที่ 2 ของทริปด้วยจิตใจผ่องใสที่วัดกลองธรรม ปั่นจักรยานสัมผัสบรรยากาศร่มรื่นบนรถรางเซินเอ้า และชมวิวสวยที่สวนสาธารณะจงเจิ้ง
ตื่นเช้ารับวันใหม่แสนสดใส จิตใจผุดผ่อง ถูกใจนักท่องเที่ยวสายบุญกันที่วัดกลองธรรม Dharma Drum Mountain (金山法鼓山園區) วัดที่ก่อตั้งขึ้นโดยปรมาจารย์เซิ่งเหยียน และเป็นวัดแห่งแรกในไต้หวันที่เก็บรวบรวมหนังสือพระธรรมและโบราณวัตถุทางพุทธศาสนามากกว่า 300 ชิ้น รวมถึงเป็นศูนย์การเรียนรู้ทางพุทธศาสนา และสถานที่ปฏิบัติธรรมอีกด้วย ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาอันเขียวขจี และแม่น้ำซวงซี (Shuangxi River) เมื่อมองจากทิศใต้ ภูเขาด้านซ้ายจะคล้ายมังกรสีเขียวตัวใหญ่เงยหน้าขึ้นฟ้า ภูเขาด้านขวาเปรียบเสมือนเสือขาว และหากมองจากมุมบน ภูเขาลูกนี้ยังมีลักษณะเหมือนกลองขนาดยักษ์ ที่สามารถมองเห็นวิวจินซานได้ทั้งหมด จัดเป็นความน่าอัศจรรย์ใจด้านทิวทัศน์ที่สวยงาม ด้านการเดินทางสามารถนั่งรถไฟความเร็วสูงไต้หวัน (THSR) หรือรถไฟธรรมดา (TRA) มาลงที่สถานี Taipei ต่อรถ Kuo-Kuang (กั๋วกวง) สาย 1815 (ปลายทาง Jinshan) มาลงที่ป้าย Dharma Drum Mountain
เมื่อจิตใจผ่อนคลายแล้ว พาร่างกายมาผ่อนคลายต่อด้วยการปั่นจักรยานบนเส้นทางจักรยานบนรถรางเซินเอ้า Shen’ao Rail Bike (深澳鐵道自行車) อีกหนึ่งแลนด์มาร์คยอดฮิตท่ามกลางบรรยากาศอันร่มรื่นแสนสงบ ตั้งอยู่ตรงสถานี Badouzi Railway Station กิจกรรมฮิตจากทั้งชาวไต้หวันเองและนักท่องเที่ยวคือกิจกรรม RailBike เป็นการปั่นจักรยานบนรางรถไฟสายเก่าที่พร้อมให้เพลินเพลินไปกับทัศนียภาพทางประวัติศาสตร์ของไต้วัน โดยรางรถไฟตั้งอยู่ระหว่างสถานีรถไฟปาโต่วจึ (Badouzi) และสถานีรถไฟเซินเอ้า (Shen’ao) ซึ่งเส้นทางนี้ในอดีตใช้เป็นเส้นทางขนส่งน้ำตาล เกลือ และถ่านหินไปยังท่าเรือ ทำให้สถานีปาโต่วจึ จัดเป็นสถานีที่ใกล้ชายฝั่งทะเลไต้หวันที่สุด และยังเป็นชานชาลาที่ตั้งอยู่ทั้งเมืองจีหลงและนิวไทเปอีกด้วย
ก่อนกลับเข้าที่พักแนะนำให้ลองแวะไปสัมผัสกับสวนสาธารณะจงเจิ้ง Zhongzheng Park (基隆中正公園) ตั้งอยู่บริเวณ Zhongzheng Park (จงเจิ้งพาร์ค) สวนแห่งนี้เรียกว่าเป็นมรดกทางประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่าขอไต้หวัน โดยมีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมตั้งเด่นตระหง่าน สง่างามอยู่กลางสวน ถือว่าเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของเมืองจีหลงเลยทีเดียว โดยภายในสวนแบ่งออกเป็น 3 โซน เพื่อให้สัมผัสกับประวัติศาสตร์อันยาวนานได้อย่างครบถ้วนไม่ว่าจะเป็นโซนป้อมปืนใหญ่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ โซนห้องสมุดพุทธศาสนา ศาลเจ้า และวัดจู่ผู่ถัน ซึ่งจะมีพุทธศาสนิกชนมาสักการะบูชา ในวันที่ 15 กรกฎาคมของทุกปี และโซนสุดท้ายศาลากวนไห่ ที่มองเห็นทั้งเมืองจีหลงและทะเลอันสวยงาม
ส่งท้ายทริป ชิมชาต้นตำรับย่านต้าซี แวะสถาปัตยกรรมโบราณสวนหลงจิ่น พร้อมรับบทนักทำขนม DIY พายสัปปะรดสุดชิค
เดินทางมาจนถึงวันสุดท้ายของทริปด้วยการพักดับร้อน ดื่มชาแบบชิลๆ เคล้ากับเรื่องราวอันเก่าแก่ที่โรงงานชาต้าซี Daxi Tea Factory (大溪老茶廠) ซึ่งเป็นโรงงานที่โด่งดังในเรื่องของการผลิตชาและมีประวัติศาสตร์ด้านการชงชามาอย่างยาวนาน ก่อตั้งขึ้นในปี 1926 โดยชาวญี่ปุ่น แต่ได้เกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ในปี 1956 ทำให้โรงงานชาต้าซีได้รับความเสียหายทั้งหมด และได้กลับมาก่อสร้างโรงงานใหม่อีกครั้งช่วงปี 2010 ด้วยคุณภาพของชาที่ผ่านการพิถีพิถันในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเพาะปลูกจนถึงการเก็บเกี่ยว จนขึ้นชื่อว่าเป็นชาไต้หวันที่บริสุทธิ์จากธรรมชาติร้อยเปอร์เซ็น และเป็นเอกลักษณ์ดึงดูให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกแวะเวียนกันมาสัมผัสรสชาดั้งเดิมในที่แห่งนี้
หลังจากชิมชาสุดพิเศษแล้วก็เดินทอดน่องอย่างสบายใจบนถนนโบราณต้าซี Daxi Old Street (大溪老街) ถนนสายประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันเก่าแก่ เพราะ “ต้าซี” เป็นสถานที่แห่งแรกในเมืองเถาหยวนที่มีการพัฒนาเป็นแหล่งการค้าที่สำคัญกับประเทศจีน เนื่องจากสมัยโบราณตั้งแต่ราชวงค์ชิง ผู้คนสามารถเดินทางไปยังเมืองต้าซีทางเรือโดยผ่านแม่น้ำตั้นสุ่ย ในปัจจุบันย่านถนนโบราณต้าซีจึงเต็มไปด้วยร้านเฟอร์นิเจอร์ไม้แบบดั้งเดิม ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถพบเห็นอาชีพแรกเริ่มของผู้คนแถวนี้ เช่น การทำเต้าหู้แห้งที่โด่งดังของต้าซี การตัดเหล็ก และงานทำหิน โดยร้านค้าต่างๆ ที่ตกแต่งในสไตล์บาร็อคญี่ปุ่น ประดับด้วยรูปปั้นแกะสลักอันสวยงาม อีกทั้งยังมีอาหารทานเล่นสไตล์ไต้หวันที่ไม่เหมือนใครให้ได้ลิ้มลองอีกด้วย
ถัดจากถนนต้าซีแนะนำให้เดินทางต่อมายังสถานี Dongmen (ตงเหมิน) เดินลัดเลาะเรื่อยๆประมาณ 10 นาที จะพบกับสวนหลงจิ่น Rongjin Gorgeous Time (榕錦時光生活園區) เพื่อเรียนรู้ศึกษาด้านประวัติศาสตร์ที่สำคัญอีกหนึ่งแห่งของไต้หวัน เดิมทีสวนหลงจิ่นเป็นบ้านพักราชการของสำนักงานอาชญากรรมไทเป แต่ปัจจุบันได้ปรับปรุงรีโนเวทใหม่ให้เป็นสถานที่สำหรับท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ซึ่งมีความโดดเด่นของตึกที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมไม้ชั้นเดียวของประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่สมัยญี่ปุ่นยึดครองไต้หวันให้ได้ชมอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีร้านค้ามากมายถึง 14 ร้าน เพื่อรองรับและคอยอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว
ส่งท้ายทริปนี้ด้วยการรับบทนักทำขนม DIY พายสัปปะรดง่ายๆ ด้วยตัวเองที่โรงงานพายสัปปะรด Vigor Kobo (維格夢工廠) ใครที่กำลังมองหาของฝากแฮนด์เมดสุดเก๋ หรือซื้อขนมฝากให้คนที่คุณรักจากต่างแดน แต่กลัวจะซ้ำเดิมและไม่ถูกใจผู้รับ ก็ต้องมาที่โรงงานพายสัปปะรด Vigor Kobo อีกหนึ่งสถานที่ยอดนิยมจากนักทำขนมเหว่ยเก๋อที่สร้างโรงงานพายสัปปะรด Vigor Kobo ขึ้นในปี 2012 จุดเด่นคือมีความเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร มีไกด์พาเดินทัวร์เพื่อชมทุกซอกทุกมุมของโรงงาน พร้อมให้สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษหาที่ไหนไม่ได้อย่างการทำ DIY พายสับปะรดที่สามารถนำกลับไปเป็นของฝากของที่ระลึกได้อีกด้วย เรียกว่าจบทริปอย่างอิ่มอกอิ่มใจ ครบทุกไลฟ์สไตล์ ต้องมีทริปหน้าตามมาอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ดี แพลนดังกล่าวนับเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของการท่องเที่ยวไต้หวัน ซึ่งยังมีสถานที่ท่องเที่ยว แหล่งของกิน ย่านช้อปปิ้ง และเทศกาลต่างๆ รอให้นักเดินทางมาเยือนและเติมเต็มความสุขได้ตลอดทั้งปี ทั้งคนมีเวลาน้อย หรืออยาก enjoy หลายๆ วัน การท่องเที่ยวไต้หวันก็พร้อมยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวไทยทุกๆ เมื่อ โดยสามารถติดตามข่าวสาร สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ กิจกรรมที่ไม่ควรพลาดของทางไต้หวัน ได้จาก สำนักงานท่องเที่ยวไต้หวัน ประจำกรุงเทพฯ ผ่านทาง https://www.taiwantourism.org/th/ หรือ ช่องทางโซเชียลมีเดีย Facebook : Taiwan Tourism Bureau