หลังประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามทั่วยุโรปและสหรัฐอเมริกา นิทรรศการชุด Van Gogh: The Immersive Experience ซึ่งนำเสนอประสบการณ์การชมงานศิลปะระดับรางวัลแบบดิจิทัล 360 องศาเตรียมเปิดตัวเป็นครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปี 2566 โดยจะเปิดที่สิงคโปร์เป็นครั้งแรกที่รีสอร์ต เวิลด์ เซ็นโตซา ที่บริเวณ Forum ชั้น B1 ประสบการณ์การชมงานศิลปะแบบดิจิทัลสุดน่าทึ่งและน่าถ่ายภาพเพื่อแชร์ในอินสตาแกรมนี้จัดขึ้นโดย H&B โดยความร่วมมือกับ Exhibition Hub, Fever และ RWS
–Traveloka จับมือ ฟิลิปปินส์ แอร์ไลน์ ดันกลยุทธ์ส่งเสริมการท่องเที่ยว
การวางแผนสร้างสรรค์นิทรรศการชุด Van Gogh: The Immersive Experience เริ่มขึ้นครั้งแรกในปี 2559 และตั้งแต่นั้นมา ประสบการณ์การชมงานศิลปะชุดนี้ก็ได้รับการจัดอันดับให้เป็นประสบการณ์สมจริงอันดับ 1 โดยผู้อ่าน USA Today และประสบความสำเร็จในการออกไปจัดแสดงในหลายเมืองในยุโรปและสหรัฐอเมริกา โดยมี Exhibition Hub โปรดิวเซอร์ด้านความบันเทิงระดับรางวัลและ Fever แพลตฟอร์มการค้นหาความบันเทิงชั้นนำอยู่เบื้องหลัง H&B บริษัทแอคทิเวชันและการมีส่วนร่วมของคนรุ่นใหม่ซึ่งเคยนำนิทรรศการชุด Dale Chihuly: Glass in Bloom มาจัดแสดงที่สิงคโปร์ในช่วงที่สถานการณ์โควิด-19 กำลังแพร่ระบาด ได้ร่วมมือกับ Exhibition Hub, Fever รวมถึงรีสอร์ต เวิลด์ เซ็นโตซา จุดหมายปลายทางด้านไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียม เพื่อนำเสนอนิทรรศการชุด Van Gogh: The Immersive Experience ในสิงคโปร์
“หนึ่งในความฝันของ H&B คือการได้แบ่งปันความงามของผลงานศิลปะในรูปแบบต่างๆ ในสิงคโปร์ ตั้งแต่ประติมากรรมและภาพวาด ไปจนถึงประสบการณ์ศิลปะแบบดิจิทัลที่จะชวนทุกคนมาดื่มด่ำและสัมผัสอย่างเต็มอิ่ม” มร. ไมเคิล ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ H&B กล่าว “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้จัดนิทรรศการที่ไม่เหมือนใครครั้งนี้ภายใต้ความร่วมมือกับรีสอร์ต เวิลด์ เซ็นโตซา, Exhibition Hub และ Fever และเปิดตัวนิทรรศการชุด Van Gogh: The Immersive Experience ที่จุดหมายปลายทางด้านไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียมของสิงคโปร์อย่างรีสอร์ต เวิลด์ เซ็นโตซาเป็นครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”
ประสบการณ์ศิลปะแบบดิจิทัล 360 องศานี้จะถูกแสดงอยู่ภายในแกลเลอรีที่มีเอกลักษณ์เฉพาะส่วนในพื้นที่สุดกว้างขวางกว่า 17,000 ตารางฟุต นิทรรศการชุดนี้พร้อมเชื้อเชิญให้ผู้เข้าชมก้าวเข้าสู่ภาพร่าง ภาพเขียน และภาพวาดของวินเซนต์ แวนโก๊ะกว่า 300 ชิ้น พร้อมดื่มด่ำไปกับโลกศิลปะและชีวิตของศิลปินระดับโลกท่านนี้ผ่านการฉายภาพแบบดิจิทัลขนาดใหญ่ที่จะปรากฏอยู่ทั่วทั้งห้อง จากพื้นถึงเพดาน และจากผนังด้านหนึ่งสู่อีกด้านหนึ่ง โดยหนึ่งในไฮไลต์หลักของนิทรรศการนี้คือพื้นที่ฉายภาพส่วนกลางที่กว้างขวางซึ่งจะมีการฉายภาพดิจิทัลอย่างโดดเด่นที่สุด นำเสนอพื้นที่ชวนหลงใหลให้ผู้เข้าชมสามารถเข้ามาซึมซับความมหัศจรรย์ของหนึ่งในศิลปินผู้ทรงอิทธิพลชาวดัตช์ที่เป็นที่รักมากที่สุดได้รอบตัวพวกเขาในทุกองศา
Scott Peterson รองประธานฝ่ายไลฟ์สไตล์ของรีสอร์ต เวิลด์ เซ็นโตซา (RWS) กล่าวว่า “หัวใจสำคัญในธุรกิจของเราคือแขกผู้เข้ามาชมนิทรรศการ ดังนั้น เราจึงไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาสิ่งที่เรานำมาเสนอเพื่อเพิ่มความน่าสนใจและตอบรับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงเวลาหลังสถานการณ์การแพร่ระบาด นิทรรศการชุด Van Gogh: The Immersive Experience ดึงดูดผู้เข้าชมทั่วโลกด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยของงานศิลปะในรูปแบบดิจิทัลสุดดื่มด่ำ เรามีความยินดีที่ได้เปิดตัวนิทรรศการที่น่าตื่นตาตื่นใจนี้ร่วมกับพันธมิตรของเราในภูมิภาคนี้ โดยนำประสบการณ์แบบอินเทอร์แอคทีฟที่มีชื่อเสียงมามอบให้กับผู้เข้าชมทั้งในสิงคโปร์และจากทั่วโลก การจัดนิทรรศการครั้งนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างไม่มีสิ้นสุดของรีสอร์ต เวิลด์ เซ็นโตซาที่พร้อมบุกเบิกการนำเสนอความพิเศษใหม่ๆ ในสเกลที่ใหญ่ขึ้น เพื่อให้ผู้เข้าชมได้สนุกเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์ด้านไลฟ์สไตล์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใครของรีสอร์ต เวิลด์ เซ็นโตซาได้อย่างเต็มที่”
นิทรรศการที่จะจัดขึ้นในสิงคโปร์ชุดนี้ ยังมาพร้อมการเปิดตัวครั้งแรกของผลงาน 2 เซกเมนต์ที่ไม่เหมือนใครอีกด้วย โดยนับเป็นครั้งแรกในโลกที่นิทรรศการชุด Van Gogh: The Immersive Experience จะจัดแสดงรูปแบบศิลปะดั้งเดิมของญี่ปุ่นผ่านผลงานตราประทับและภาพพิมพ์แกะไม้ ศิลปะการแกะสลักไม้แบบญี่ปุ่นโบราณเริ่มมีชื่อเสียงในฝรั่งเศสในช่วงทศวรรษที่ 1880 ซึ่งในตอนนั้น แวนโก๊ะก็ได้เล็งเห็นถึงอิทธิพลที่ศิลปะตะวันออกรูปแบบนี้มีต่อวงการศิลปะตะวันตก ความสนใจอย่างจริงจังของแวนโก๊ะเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของศิลปะญี่ปุ่น ส่งอิทธิพลอย่างมากต่อสไตล์การทำงานงานศิลปะของแวนโก๊ะ แต่ทำให้เกิดผลงานชิ้นเอกอย่าง ‘Geisha’ ด้วย
และเพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อวัฒนธรรมญี่ปุ่นในอีกรูปแบบหนึ่ง ในนิทรรศการยังมีการจัดแสดงพิธีชงชามัทฉะแท้ โดยผู้เข้าชมสามารถเพลิดเพลินกับรสชาติของมัทฉะสดใหม่ได้ทันที พิธีชงชามัทฉะยังเป็นกระบวนการแบบดั้งเดิมที่ฝังรางลึกอยู่ในวัฒนธรรมญี่ปุ่นมานานนับพันปี และถือเป็นรูปแบบหนึ่งของศิลปะที่มีความโดดเด่นด้วยหลักการ ‘วาบิ-ซาบิ’ ครั้งนี้ยังนับเป็นครั้งแรกในโลกที่นิทรรศการ Van Gogh: The Immersive Experience จะนำประสบการณ์นี้มาสู่ผู้เข้าชม โดยโฟกัสไปที่การต้อนรับแบบญี่ปุ่นและรูปแบบการสร้างสรรค์ศิลปะในกระบวนการทำงาน
ประสบการณ์แบบเสมือนจริง (Virtual Reality: VR) ที่เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์มอบมุมมองที่ไม่เหมือนใครในโลกของแวนโก๊ะ ประสบการณ์ VR แบบหลายประสาทสัมผัสซึ่งมีเฉพาะในนิทรรศการ Van Gogh: The Immersive Experience จะพาผู้ชมออกเดินทางไปใน “A Day in the Life of the Artist” เป็นเวลา 10 นาทีในแบบที่ยากจะลืมเลือน พร้อมเผยแรงบันดาลใจเบื้องหลังผลงานที่เป็นที่รักที่สุดของแวนโก๊ะอย่าง Vincent’s Bedroom at Arles และ Starry Night Over The Rhone River
“เราให้ความสนใจที่การที่ผู้เข้าชมจะได้ดื่มด่ำประสบการณ์ทั้งหมดอย่างเต็มที่เริ่มตั้งแต่วินาทีแรกที่เข้ามา ไปจนถึงช่วงเวลาที่แม้คุณจะเดินออกจากนิทรรศการไปนานแล้ว แต่ประสบการณ์นี้ก็ยังติดตรึงอยู่กับคุณ” มาริโอ ลาแคมโป ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของ Exhibition Hub กล่าว “วิธีใหม่ในการสัมผัสประสบการณ์ศิลปะนี้ทำให้ผู้เข้าชมงานได้ชื่นชมอัจฉริยภาพของแวนโก๊ะอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นในสภาพแวดล้อมที่ยอดเยี่ยม”
ในสตูดิโอวาดภาพ ผลงานของผู้เข้าชมยังกลายเป็นส่วนหนึ่งของการแสดง โดยผู้เข้าชมสามารถเป็นศิลปินได้เองผ่านการสร้างสรรค์ผลงานที่ไม่เหมือนใคร หรือจะสร้างชิ้นงานศิลปะที่ได้แรงบันดาลใจมากที่สุดจากนิทรรศการก็ทำได้ และไม่เพียงแค่สร้างงานศิลปะด้วยตัวเองเท่านั้น แต่ผู้เข้าชมยังสามารถสแกนผลงานภายในงานแล้วแปลงเป็นภาพดิจิทัลขนาดใหญ่ เพื่อใช้เป็นฉากหลังในการถ่ายภาพสุดพิเศษได้เช่นกัน
หลังจากเยี่ยมชมนิทรรศการและสัมผัสงานศิลปะในรูปแบบต่างๆ แล้ว ผู้เข้าชมยังสามารถเพลิดเพลินกับประสบการณ์เสริมแบบครบชุด ทั้งคาเฟ่มีธีมซึ่งนำเสนอขนมอบและขนมหวานที่หลากหลายของจานิส หว่อง รวมถึงสินค้าพิเศษจากนิทรรศการ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมและโปรแกรมมากมายในร้านที่เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่ชั้นเรียนโยคะที่มีเอกลักษณ์ ไปจนถึงงานศิลปะ และอื่นๆ อีกมากมาย
นิทรรศการชุด Van Gogh: The Immersive Experience จะเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมได้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2566 บัตรวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 19 มกราคม 2566 ในราคา 15 ดอลลาร์สิงคโปร์สำหรับเด็ก และ 24 ดอลลาร์สิงคโปร์สำหรับผู้ใหญ่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์
ฟูจิฟิล์ม (ประเทศไทย) เปิดตัว instax mini 41 กล้องอนาล็อกรุ่นใหม่ล่าสุด ที่ผสานดีไซน์สุดคลาสสิกเข้ากับความทันสมัยได้อย่างลงตัว พร้อมฟังก์ชันที่ใช้งานง่าย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพและมองหากล้องที่เป็นมากกว่าแค่เครื่องมือ แต่ยังเป็น "ไอเทมแฟชั่นที่ต้องมี" สานต่อความสำเร็จของ instax mini 40 กล้องรุ่นยอดนิยม instax…
ทรู คอร์ปอเรชั่น เผยข้อมูลเชิงลึกเทศกาลสงกรานต์ 2568 ชี้คนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติร่วมเฉลิมฉลองอย่างคึกคักทั่วประเทศ พร้อมเผยการเดินทางข้ามภูมิภาคเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาคอีสาน เหนือ และใต้ เผยเครือข่ายอัจฉริยะ AI ยกระดับประสิทธิภาพ 5G และ 4G…
พฤกษา ตอกย้ำแนวคิด "อยู่ดี มีสุข" จับมือมูลนิธิยิ้มสู้ เปิดโครงการ "Plant to Plate" สนับสนุนผลผลิตเกษตรจากผู้พิการสู่ลูกบ้าน ส่งเสริมการบริโภคอาหารปลอดภัย สร้างรายได้และคุณค่าแก่ผู้ด้อยโอกาส สอดคล้องเป้าหมาย ESG ด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม…
รายงานล่าสุดจาก Taboola ร่วมกับ Qualtrics เผยให้เห็นถึงความท้าทายครั้งสำคัญสำหรับนักการตลาดสาย Performance โดยเกือบ 75% ประสบปัญหาผลตอบแทนจากการลงทุนโฆษณาบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียลดลงอย่างน่าตกใจ แม้ว่าการโฆษณาเชิงประสิทธิภาพบนโซเชียลมีเดียจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ว่าเม็ดเงินโฆษณาอาจสูงถึง 8.2 ล้านล้านบาทในปี 2568 และ…
ทรู คอร์ปอเรชั่น สร้างความฮือฮาในวงการสายมู ผนึกกำลัง อาจารย์ลักษณ์ โหราธิบดี ปรมาจารย์ด้านโหราศาสตร์ของประเทศไทย เปิดตัวแคมเปญสุดพิเศษ “เบอร์ฟันธง พระราหู” เบอร์มงคลที่ได้รับการปลุกเสกเพื่อเสริมพลังบารมีแห่งเทพพระราหู ช่วยพลิกร้ายกลายเป็นดี รับการย้ายราศีครั้งสำคัญของดาวพระราหูในรอบ 18 ปี…
ไม่มีอ่อมแน่นอน!! จะร้อนอากาศ หรือร้อนใจ ชวนหนีร้อนมาบูสต์เอนเนอร์จี้ที่ ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ยกขบวนร้านเครื่องดื่มและคาเฟ่เปิดใหม่พร้อมเสิร์ฟความฟินฉ่ำเย็นชื่นใจ รวมถึงร้านเครื่องดื่มยอดนิยมอีกมากมายกับสารพัดเมนูละลานตาให้เลือกฟินจุใจ เริ่มจากร้านเปิดใหม่ ขอแนะนำ ยอดชา คาเฟ่ ชั้น…
This website uses cookies.