เปิดแผน ESG+E ของไปรษณีย์ไทย

เปิดแผน ESG+E ของไปรษณีย์ไทย

ธุรกิจไปรษณีย์ ธุรกิจขนส่งพัสดุในปัจจุบันยังมีการแข่งขันที่รุนแรง ประกอบกับเศรษฐกิจในช่วงนี้ไม่ค่อยดีมาก กำลังซื้อชะลอตัว ซึ่งส่งผลต่อจำนวนชิ้นงานในตลาด เพราะฉะนั้นไปรษณีย์ไทย ภายใต้การนำทัพของ ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด จึงเร่งสร้างความแข็งแกร่งในเรื่องของคุณภาพ เพื่อดึงชิ้นงานกลับมาอยู่ในระบบขนส่ง ซึ่งการดำเนินกลยุทธ์นี้ทำภายใต้กรอบ ESG+E คือการสร้างความยั่งยืนทั้งสิ่งแวดล้อม สังคม ธรรมาภิบาล ควบคู่กับไปการสร้างเศรษฐกิจ

ESG+E ความยั่งยืนสร้างเศรษฐกิจ

ดร.ดนันท์ กล่าวว่า ESG ทุกคนคงทราบอยู่แล้วว่าเป็นการดำเนินธุรกิจภายใต้ความยั่งยืน การที่เราทำธุรกิจด้วยความยั่งยืนสุดท้ายแล้วมันก็มาที่เศรษฐกิจ ซึ่งคือ E ตัวสุดท้าย เพราะฉะนั้นการทำธุรกิจของไปรษณีย์ไทย ขอให้ความสัมคัญกับทั้ง 3 อย่าง ทั้ง People Planet และ Profit

วันนี้ต้องยอมรับว่าธุรกิจขนเป็นธุรกิจที่ค่อนข้างจะมีกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกค่อนข้างมากซึ่งปัจจุบันเรามีการบริหารจัดการในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยเรามีเป้าที่จะไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2050 และเป็น Net Zero ในปี 2065 ตามนโยบายของประเทศ

แต่ในปัจจุบันเรามีการบริหารจัดการเพื่อที่จะควบคุมการปล่อยมลภาวะหรือการปล่อยคาร์บอนซึ่งปีที่แล้วเราลดมาได้ 3% และเราตั้งเป้าที่จะลด 3-5% ในทุกๆ ปี ไปอีก 5 ปี โดยปัจจุบันเราปรับเปลี่ยนฟลีทรถขนส่งที่มาใช้รถไฟฟ้า และไฟฟ้าที่ผลิตออกมาก็ใช้จากพลังงานสะอาดจากโซลาร์รูฟที่ติดตั้งตามไปรษณีย์ต่างๆ

ด้านการขนส่งจดหมาย ปัจจุบันมีทิศทางการส่งลดลง เพราะพฤติกรรมการติดต่อสื่อสารของคนปัจจุบันสื่อสารผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ เราก็ทำระบบเชื่อมโยงที่เป็นระบบเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อที่จะส่งเอกสารในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านทางระบบไปรษณีย์เรียกว่า Digital mailbox เป็นการส่งข้อความโดยที่ไม่ต้องผ่านระบบขนส่งก็จะช่วยลดการปล่อยมลภาวะลงไปได้

ด้านธุรกิจรีเทลของไปรษณีย์ไทย เรามีโครงการที่เรียกว่า ไปรษณีย์เชื่อมสุข เราให้ความสำคัญกับด้านสังคมในการลงไปช่วยผู้ประกอบการต่างๆที่จะสร้างผลผลิตที่มีคุณภาพและช่วยในการดูแลตั้งแต่แพ็กเกจจิ้ง การทำการตลาด และเป็นช่องทางในการขาย ถ้าผู้ประกอบการเหล่านี้ขายของได้ดีมากขึ้นผ่านทางช่องทางของเรา ระบบโลจิสติกส์เราก็จะถูกใช้งานด้วยสิ่งของที่ขายมากขึ้นซึ่งมันก็จะสะท้อนไปถึง E ตัวสุดท้ายหรือ Economic ในการที่จะทำให้การเติบโตของผู้ประกอบการและไปรษณีย์ไทยไปด้วยกัน

ปัจจุบันวิสัยทัศน์ของไปรษณีย์ไทย เราคือการส่งมอบการเติบโตอย่างยั่งยืนผ่านโครงข่ายของไปรษณีย์ ให้ผู้ประกอบการได้เติบโตขึ้น

ซึ่งการทำให้ ESG สำเร็จได้ หากไปรษณีย์ไทยทันอยู่คนเดียวก็คงจะไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีมากพอ แต่เป็นเรื่องระดับประเทศที่ต้องช่วยกันขับเคลื่อนทุกภาคส่วน

ไปรษณีย์ไทยเราเติบโตมากับการดูแลสังคม เพราะฉะนั้น ด้านการดูแลสังคมเราดำเนินการมาตั้งแต่ต้นแล้ว ขณะที่ด้านสิ่งแวดล้อม เรามีการควบคุมและบริหารจัดการการปล่อยคาร์บอนลงเรื่อยๆ จากการใช้พลังงานสะอาด ส่วนในด้านธรรมาภิบาล เราเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจเพราะฉะนั้นการดำเนินธุรกิจเรามีความโปร่งใสที่ตรวจสอบได้ รวมถึงระบบข้อมูลของไปรษณีย์ไทย เราก็ใช้ธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการข้อมูล ซึ่งสุดท้ายแล้วการดำเนินงานของเราที่สอดคล้องในเรื่องของการขับเคลื่อน ESG มันจะกลับมาที่ Economic

ทั้งนี้ ปี 2024 ไปรษณีย์ไทยตั้งเป้าเติบโตในด้านโลจิสติกส์ประมาณ 5-10% โดยให้ความสำคัญกับด้านความสะดวกในการเข้าถึงบริการ เรื่องของคุณภาพในการให้บริการ ให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ในการบริการตั้งแต่ต้นจนจบ โดยจัดทีมดูแลด้านบริการหลังการขายคอยดูแลลูกค้าและมอนิเตอร์ชิ้นงานต่างๆ ที่ลูกค้าฝากส่งกับไปรษณีย์ไทย เพื่อที่จะลดความเสียหาย และขนส่งให้ได้ตามระยะเวลาที่ต้องการ

สแกน อินเตอร์ เดินหน้ารุกธุรกิจพลังงานสะอาด

Scroll to Top