สวัสดีครับ วันนี้ Biztalk Gadget จะมา รีวิว HONOR 200 ซึ่งผมยกให้เจ้าตัวนี้เป็นมือถือในราคาหมื่นกลางที่คุ้มที่สุด ทำไมผมถึงคิดแบบนั้น ไปดูกันครับ
มาเริ่มต้นกันที่ตัวเครื่องกันก่อนครับ เจ้าตัวนี้ให้หน้าจอแบบ OLED 6.7 นิ้ว รีเฟรชเรตอยู่ที่ 120Hz และความสว่างสูงสุดได้ที่ 4000 nits แน่นอนว่าหน้าจอตอบโจทย์ทั้งการเล่นเกม และการใช้งานนอกบ้านในวันที่แดดจัดๆ ก็ยังมองจอได้ชัดครับ
ส่วนการเลือกใช้วัสดุต้องยอมรับว่าเขาคิดมาดีครับ ตัวเครื่องดูพรีเมียม ขณะที่ทำตัวเครื่องได้บางทีเดียว ที่ 7.7 มิลลิเมตร เทียบกับคู่แข่งในหลายๆ รุ่น ส่วนมากจะอยู่ในระดับ 8 มิลลิเมตร ขึ้นไปทั้งนั้น ด้านน้ำหนักก็ทำมาได้ประทับใจเช่นกัน ที่ 187 กรัม ช่วยให้เวลาเราถือเล่นเกม หรือดูคลิปนานๆ แล้วเมื่อยช้ากว่าการถือเครื่อง 200 กรัมขึ้นไประดับนึงเลยครับ
มาต่อกันที่ประสิทธิภาพตัวเครื่องกันบ้าง ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 7 Gen 3 ถือว่าให้มาคุ้มมากๆ แล้วครับตัวนี้ ซึ่งถ้าอยากได้ชิปเซ็ตแรงกว่านี้ก็ต้องยอมจ่ายเพิ่มอีก 5 พัน เพื่อขยับไปตัว Pro ได้เหมือนกัน แต่ส่วนตัวผมมองว่า Snapdragon 7 Gen 3 มันเพียงพอกับการเล่นเกมมือถือแทบจะทุกเกมแล้วครับ เพราะหากเรามาดู GPU ที่ให้ Adreno 720 มา แถมให้ RAM มา 12GB คือให้มาเท่ากับ Flagship หลายๆ ตัวเลยครับ และ ROM ก็ยังให้มาถึง 512 GB
คือตอนเปิดตัวที่เขาบอกสเปก ผมยังคิดในใจว่า นี้คือการถล่มสเปคและราคาคู่แข่งชัดๆ เลย
มาต่อกันที่แบตเตอรี่ ให้มา 5200 mAh กับเครื่องที่หนาแค่ 7.7 มิลลิเมตร ต้องยอมรับเลยว่า เทคโนโลยีแบตเตอรี่ของแบรนด์นี้เขาพัฒนาไปมากจริงๆ ส่วนการชาร์จไว รองรับถึง 100W แบบเสียบสาย ซึ่งในกล่องก็ให้หัวชาร์จแบบ 100W พร้อมสายชาร์จ Type-C มาในกล่อง ด้วยครับ แต่ก็น่าเสียดายไปนิดนึงตรงที่ไม่รองรับ Wireless Charge ซึ่งถ้าอยากได้ฟีเจอร์นี้ก็ต้องขยับไปตัว Pro ครับ
เอาล่ะครับ มาถึงไฮไลต์ของเจ้าตัวนี้กัน ซึ่งก็คือ กล้องถ่ายรูปที่เขาชูจุดขายว่ามาพร้อมกับ AI และ ยังร่วมมือกับ Harcourt Studio ออกแบบ Mode ถ่ายภาพ 3 ฟิลเตอร์ ซึ่งเป็นโหมด Portrait หรือโหมดถ่ายภาพบุคคล คือตรงนี้เขาสร้างเอกลักษณ์ขึ้นมาใหม่ โดยการปรับค่าแสง เงา รวมถึงการปรับปรุงโทนสี ให้รูปที่ถ่ายออกมาไม่เหมือนใคร ซึ่งเดี๋ยวเราจะมาดูรูปกันครับ
สำหรับสเปคกล้องหลังที่ให้มา ก็ต้องยอมรับว่าเซอร์ไพรส์ทีเดียวครับตอนเปิดตัว เพราะเป็นการให้เลนส์มาเต็มๆ 3 เลนส์ และถ่ายได้ 4 ระยะ คือ กล้องหลัก 50 MP, f/2.0, (wide) OIS ตัวนี้จะใช้ถ่าย 1X และ 2X
กล้อง Telephoto 50 MP, f/2.4 OIS ตัวนี้เป็นเลนส์ระยะ optical zoom 2.5x ใส่มาเพื่อถ่ายคนโดยเฉพาะเลยครับ และตัวสุดท้าย Ultrawide 12 MP, f/2.2, มุมกว้างเทียบเท่า 112 องศา แถมมี AF มาให้ด้วย
กล้องหลังรองรับการถ่าย VDO สูงสุดที่ 4K@30fps, 1080p@30/60fps มี gyro-EIS, OIS มาให้ด้วยครับ ไม่ต้องกังวลเรื่องการสั่น
ซึ่งอย่างที่บอกไปครับว่าเจ้าตัวนี้มันให้เลนส์มาเต็มๆ เมื่อเทียบกับมือถือราคา 15,000 หลายรุ่น ที่มักจะให้ระยะ Portrait มาแค่ระยะเดียว บางรุ่นให้ 1X บางรุ่นให้ 2X แต่เจ้าตัวนี้ให้มาเต็มๆ ทั้ง 1X 2X และ 2.5X ซึ่งตอบโจทย์การถ่ายภาพมากๆ
ส่วนกล้องหน้า ให้มา 50 MP, f/2.1 มี HDR ด้วยครับ ด้านการถ่าย VDO ก็ได้สูงสุดที่ 4K@30fps, 1080p@30fps, gyro-EIS ขาดแค่ OIS ที่ไม่ได้ให้มาครับ แต่แค่นี้ก็ถือว่าใส่มาให้มากแล้ว
ส่องภาพถ่ายจาก Harcourt Studio
เอาล่ะครับ เรามาดูภาพถ่ายกันดีกว่า ว่าภาพจาก Harcourt Studio ที่เขาเคลมว่าเป็นสตูดิโอระดับลักชัวรี พอมาอยู่ในกล้องมือถือแล้วเป็นยังไง
รูปเซตแรก จะให้เห็นความแตกต่างของทั้ง 3 โหมด นะครับ ภาพแรกจะเป็น Harcourt Vibrant สีสันก็จะสดใสที่สุด ตามมาด้วย Harcourt Colour เราจะเริ่มเห็นโทนสีดูอุ่นขึ้นเล็กน้อย ออกไปทาง Retro เบาๆ และสุดท้ายเป็น Classic คือภาพขาวดำ ที่เขาเคลมว่ามันเป็นขาวดำที่ไม่เหมือนใคร
ซึ่งรอบนี้ผมเองก็แทบไม่ได้ถ่ายโหมด Vibrant เลยครับ เพราะดันไปถูกใจโทนสีของ Harcourt Colour และ Classic มากกว่า เดี๋ยวมาลองไล่ดูกันไปทีละภาพนะครับ
เอาโหมด Colour กันก่อน ลองมาดูการถ่ายภาพบุคคลกันครับ โทนสีจะดู Retro แบบชัดเจน เวลาเอาไปถ่าย Outdoor ยิ่งวันที่ผมออกไปถ่ายมีเมฆฝนพอสมควร โทนสียิ่งดูออกมาสวยครับ ด้านการเบลอฉากหลังก็ทำออกมาได้ดีครับ AI ฉลาด ไม่มีเบลอมั่ว เบลอพลาดให้เห็น
หรือจะเอาไปถ่ายสถานที่ เช่น พิพิธภัณฑ์ ให้ได้ภาพออกสีแนว กทม. เมื่อหลายสิบปีก่อน ก็ทำได้ไม่ยากครับ รวมถึงถ่ายดอกไม้ หรือของกิน เรียกว่าทำได้หมดจริงๆ
ลองมาดูภาพขาวดำกันบ้างครับ ลองดูภาพ Art Toy ที่ผมถ่ายขาวดำอีกสักเล็กน้อย และขยับไปดูการถ่ายคนกันครับ ซึ่งอย่างที่บอกไปข้างต้นครับว่า โทนสีขาวดำของ Harcourt Classic มันจะมีโทนสีที่แตกต่างจากการใช้มือถือทั่วไปถ่ายขาวดำค่อนข้างมากทีเดียว
ลองมาดูภาพขาวดำกับวิวทั่วไป และการถ่ายกับฉากที่เล่นกับแสงเงานิดๆ หน่อยกันครับ ส่วนตัวต้องบอกเลยว่าผมค่อนข้างชอบโทนขาวดำของเจ้าตัวนี้มากๆ ถ้าเทียบกับมือถือรุ่นอื่นๆ ที่เคยลองถ่ายขาวดำมา
สุดท้าย เป็นภาพที่ใช้โหมด Photo ปกติ ไม่ได้ใส่ฟิลเตอร์ใดๆ เลย ลองมาดูภาพกันไปเรื่อยๆ ครับ คือถ้าให้พูดภาพรวมความรู้สึก ผมต้องบอกว่า โหมด Photo ธรรมดา รูปมันก็ให้โทนสีที่ดู Retro เบาๆ เหมือนกันครับ แต่อาจจะไม่เท่าโหมดของ Harcourt แต่โดยรวม ผมชอบโทนสีแบบนี้นะครับ โดยเฉพาะเวลาเอาไปถ่ายสถานที่เก่าๆ ภาพออกมาดูสวยมากครับ
สุดท้าย มาดูงาน VDO กันสักเล็กน้อยครับ โดยรวมแล้วกันสั่นถือว่าทำได้ดีทีเดียวครับ แพนกล้องไปไม่มีอาการสั่นให้เห็น ส่วนการเก็บเสียงก็ทำได้ดีครับ ลองมาดูทั้งภาพและฟังเสียงจากคลิปกันเลยครับ
พูดข้อดีมาก็มากมาย สุดท้ายขอปิดที่ข้อสังเกตเล็กๆ น้อยๆ ครับ สำหรับการใช้งานกล้องเจ้าตัวนี้ เรื่องการซูม ต้องบอกเลยว่าอย่าไปหวังมากครับ เพราะเขาไม่ได้โฟกัสเรื่องการใช้งาน Digital Zoom เลย
ก็ประมาณนี้ครับ สำหรับการ รีวิว HONOR 200 ก็อย่างที่เกริ่นไปตอนต้นครับ เจ้าตัวนี้มันให้สเปคมาคุ้มค่าตัวจริงๆ ทั้งความเร็วตัวเครื่อง และกล้องที่เป็นจุดขายหลัก ใครที่กำลังมองหามือถือหมื่นกลางๆ ซึ่งเจ้าตัวนี้เปิดราคามาที่ 14,990 บาท ก็ลองไปจับไปกดเล่นดูนะครับ ถือว่าเป็น 1 ในตัวเลือกที่ควรเอามาร่วมตัดสินใจตัวนึงเลย
แล้วคุณผู้ชมคิดเห็นยังไงก็คอนเมนต์มาพูดคุยกันได้นะครับ สำหรับวันนี้ผม แสบ ทรงกลด ลาไปก่อนครับ สวัสดีครับ
–รีวิว CardiacSense Watch 3 นาฬิกาที่ตอบโจทย์ผู้มีปัญหาด้านหัวใจ