รีวิว Infinix NOTE 30 5G สมาร์ทโฟนสำหรับเกมเมอร์ ราคาไม่ถึง 8,000 บาท

สวัสดีครับ วันนี้ Biztalk Gadget จะพามา รีวิว Infinix NOTE 30 5G เป็นสมาร์ทโฟนที่ออกมาเพื่อเจาะกลุ่มสายเกมมิ่งที่ชื่นชอบหน้าจอใหญ่ แบตอึด เครื่องไม่ร้อนไว เพื่อให้เล่นเกมได้นานๆ ในราคาย่อมเยาครับ

ลองมาดูกันว่า ทำไมเจ้า Infinix NOTE 30 5G ถึงเหมาะกับการเล่นเกม สำหรับสเปคที่ให้มานั้น มีตั้งแต่หน้าจอ LCD ขนาด 6.78 นิ้ว FHD+ (1080×2460) รีเฟรชเรท 120Hz ความสว่างสูงสุด 580nit และยังมีโหมด Eye-care ช่วยถนอมสายตาเวลาเล่นเกมอีกด้วย

สำหรับน้ำหนักเครื่องนั้นอยู่ที่ 204.7 กรัม

ด้านชิปเซ็ต ใช้ MediaTek Dimensity 6080 แบบ 6nm รองรับ 5G ให้ RAM มา 8GB ถือว่าให้มามากกว่าคู่แข่งที่อยู่ในเรทราคาเดียวกัน

แบตเตอรี่ให้มา 5000 mAh รองรับชาร์จไว 45W ที่เคลมว่าชาร์จจาก 1-75% ได้ใน 30 นาที พร้อมโหมด Bypass ที่ตอบโจทย์การชาร์จขณะเล่นเกม ซึ่งวิธีการเปิด Mode Bypass ทำได้โดยเข้าเกมผ่านแอปฯ XARENA เมื่อเข้าหน้าเกม ให้ปัดหน้าจอจากซ้ายสุดมาทางขวา แล้วจะเห็นเมนู Bypass Charging ก็ให้กดเปิดได้เลยครับ

สำหรับระบบเสียง รุ่นนี้ให้ลำโพงแบบ Dual Speaker พลังเสียงจาก JBL เลยทีเดียว

สเปคที่เหมาะสมกับการเล่นเกมก็มีประมาณนี้ครับ นอกจากนั้นเจ้าตัวนี้ก็ยัง รองรับ 2 ซิม และ Micro SD Card รองรับการปลดล็อกด้วยนิ้วมือ FINGERPRINT และมาพร้อม Android 13 ครับ

ลองมาดูการทดสอบเล่นเกมกันดีกว่า รอบนี้ผมได้ทดสอบเกม ROV ตามกล่องของรุ่นนี้เลย ทดสอบเล่นไป 4 เกม ก็ต้องการันตีเลยว่าเครื่องไม่ร้อนเลยครับ ส่วนจะเล่นเกมแล้วลื่นไหลขนาดไหน ไปดูคลิปทดสอบกันเลยครับ

จบไปแล้วครับ สำหรับการทดสอบเกม มาดูเรื่องการถ่ายภาพกันบ้างครับ เพราะหลายคนคงไม่ได้ซื้อสมาร์ทโฟนไปเล่นเกมอย่างเดียวแน่ๆ อีกอย่างคือ การถ่ายภาพ หรือ คลิปวิดีโอ ลงโซเชียลกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในยุคนี้ไปแล้ว

สำหรับเจ้า Infinix NOTE 30 5G ต้องบอกว่าให้กล้องมาโหดมากๆ ถึง 108MP พร้อม AI Camera และรูรับแสงกว้างสุดที่ f/1.75 ให้เลนส์วัดระยะ ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมเลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล เช่นกัน ส่วนกล้องหน้าก็ให้มาถึง 16MP พร้อม รูรับแสง f/2.0

ลองมาดูภาพกันเลยดีกว่าครับ

เริ่มจากการถ่ายภาพวิวทั่วไป ผมทดสอบถ่ายในเวลา 5 โมงเย็น เป็นช่วงที่แดดเริ่มอ่อนแล้ว จากภาพสีท้องฟ้าจะเห็นว่า โทนสีฟ้าของ Infinix ไม่ถูกเร่งสีมากเกินไป แต่ถ้าดูที่สีเขียวของใบไม้ก็จะเห็นว่ามันเข้มมากจริงๆ จึงสรุปได้ว่า เลนส์ของกล้องรุ่นนี้จะอมเขียวเล็กน้อยครับ ลองดูรูปอื่นๆ ประกอบกันครับ เช่น รูปที่ผมถ่ายแต่ใบไม้ที่แต่ละต้นโทนสีไม่เท่ากัน ก็จะเห็นว่าต้นที่มีใบสีเขียว สีมันชัดมากจริงๆ

ลองมาดูภาพถ่ายตอนพระอาทิตย์ใกล้ตกกันบ้าง ทั้งสีของแสงอาทิตย์ตอนใกล้ตก สีเมฆ และโทนสีท้องฟ้าตอนช่วงเย็น โดยรวมแล้วถือว่าทำออกมาได้ดีเลยนะครับ

ภาพถ่ายในอาคารก็ไม่ธรรมดาครับ ลองมาดูตัวอย่างภาพที่ผมไปถ่ายมาจากในนิทรรศการ Ghibli ภาพถือว่าออกมาคมใช้ได้เลยครับ

ลองมาดูการถ่ายดอกไม้กันบ้างครับ ต้องบอกว่าโหมด AI Camera นี่จัดเบลอพื้นหลังให้ได้ดั่งใจเลยครับ ไม่จำเป็นต้องปรับไปใช้โหมด Portrait เลย ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้โทนสีเหลือง สีขาวปนชมพูอ่อนๆ สีบานเย็น หรือสีแดง ภาพที่ออกมาก็ถือว่าดีเลยครับ ส่วนเรื่องโฟกัสก็ไม่ยาก ถือว่า AI ฉลาดกับการเลือกจุดโฟกัสได้ดีทีเดียว

มาที่การถ่ายของกินกันบ้าง เป็นยังไงกันบ้างครับ สีสันน่ากิน แบบเห็นแล้วกลืนน้ำลายกันเลยทีเดียว

ส่วนการถ่าย Portrait หรือถ่ายภาพบุคคลก็ทำได้ดีครับ อันนี้ผมลองตั้งเวลาถ่ายตัวเองนะครับ เพราะว่านางแบบประจำไม่ว่าง โทนสีที่ได้ออกแนวเหมือนใส่ฟิลเตอร์บิวตี้นิดๆ แต่จริงๆ แล้วผมไม่ได้ใส่นะครับ กล้องมันจัดให้ แต่ถ้าใครอยากได้หน้าเนียนกว่านี้ก็กดโหมดบิวตี้ได้เลย

เช่นเดียวกัน Selfie Portrait สีผิวก็เนียนดูดีครับ เก็บรายละเอียดได้ไม่แพ้สมาร์ทโฟนหลักหมื่นต้นๆ เลย

จบไปแล้ว สำหรับการถ่ายภาพนิ่ง มาดูการถ่ายวิดีโอกันบ้างครับ ซึ่งเจ้าตัวนี้ ถ่ายวิดีโอได้สูงสุดในระดับ 2K 30FPS ส่วน 1080P ได้ถึง 60FPS

สำหรับการทดสอบในครั้งนี้ผมเทสแค่ 1080P 60FPS นะครับ ถึงแม้ว่าเจ้าตัวนี้จะไม่มีระบบกันสั่น OIS มาให้ แต่โดยรวมต้องถือว่ามันถ่ายวิดีโอได้โอเคเลยครับ โดยเฉพาะการถ่ายเจาะไปที่วัตถุ เพราะถึงแม้ผมจะลองแพนกล้องไวๆ แล้ว แต่ก็ไม่มีอาการกระตุกจนน่าเกลียดให้เห็นเลยครับ

จบไปแล้วสำหรับการ รีวิว Infinix NOTE 30 5G ก็ต้องถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่คุ้มค่า ตอบโจทย์กลุ่มวัยรุ่น และคนวัยทำงาน ที่ชอบการเล่นเกมด้วย ถ่ายรูปด้วย กับราคาเริ่มต้นที่ 7,499 บาท สำหรับรุ่น RAM 8GB ROM 128GB และ 7,999 บาท สำหรับรุ่น RAM 8GB ROM 256GB

–รีวิว Sony Xperia 1V นี่มันสมาร์ทโฟนหรือกล้องโปร

• Facebook
• X
• Line