สวัสดีครับ วันนี้ Biztalk Gadget จะมา รีวิว Redmi Note 13 Pro 5G เป็นรุ่นที่ปรับสเปคลงมาจากรุ่น Pro+ เล็กน้อย รวมถึงเปลี่ยนชิปเซ็ต จาก MediaTek มาเป็นค่าย Qualcomm อีกด้วยครับ เอาเป็นว่ามาดูกันเลยดีกว่าเจ้าตัวนี้มันน่าสนใจมั้ย สำหรับคนที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนในราคาหมื่นต้นๆ ซึ่งเจ้าตัวนี้เปิดราคามาที่ 12,990 บาท ในรุ่น RAM 12GB ROM 512GB ถูกกว่ารุ่น Pro+ ถึง 3,000 บาท
เรามาเริ่มต้นกันที่ตัวเครื่องกันครับ เจ้าตัวนี้ให้หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว รีเฟรชเรต 120Hz และ รองรับความสว่างสูงสุด 1800 nits เหมือนกันรุ่นพี่เลยครับ จะต่างกันนิดนึงคือ ตัวเครื่องหนาแค่ 8 มิลลิเมตร บางกว่ารุ่นพี่ถึง 0.9 มิลลิเมตรเลยครับ และด้วยความที่ตัวเครื่องบางกว่า น้ำหนักก็น้อยกว่าด้วยครับ โดยเจ้าตัวนี้หนัก 187 กรัม เบากว่ารุ่นพี่ 12 กรัม
ซึ่งหลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมเบากว่าแค่ 12 กรัม ทั้งๆ ที่ตัวเครื่องบางกว่ามาก ตรงนี้ผมเข้าใจว่าเพราะเจ้าตัวนี้ใส่แบตเตอรี่มาให้มากกว่านิดนึงครับ (มากกว่า 100 mAh) ทำให้ตัวเครื่องมันจึงหนักขึ้น โดยแบตเตอรี่ตัวนี้ให้มา 5100 mAh ส่วนการชาร์จได้สูงสุดที่ 67W น้อยกว่ารุ่นพี่ที่ 120W
ส่วนชิปเซ็ต อย่างที่กล่าวไปข้างต้นครับ เจ้าตัวนี้ใช้ Qualcomm Snapdragon 7s Gen 2 ถ้าเทียบความแรงกับรุ่นพี่ด้วยคะแนนของ AnTuTu ชิปเซ็ตของรุ่นพี่จะแรงกว่าประมาณ 23% ครับ แต่ถ้าถามว่าการใช้งานทั่วไป ความรู้สึกต่างกันมั้ย ตรงนี้บอกได้เลยว่าไม่ต่างครับ
ลองมาดูรอบๆ ตัวเครื่องกันครับ เริ่มที่ด้านล่างมีถาดใส่ซิมการ์ด รูชาร์จ USB-C และลำโพง
ด้านขวามาปุ่มล็อก-ปลดล็อกหน้าจอ และเพิ่ม-ลดเสียง ส่วนด้านบน มีลำโพง และรูเสียบหูฟัง 3.5mm ครับ ซึ่งตัว Pro+ ไม่มี แต่ก็แลกด้วยการที่ตัวนี้ได้กันน้ำ-ฝุ่น ที่ IP54 ไปครับ ส่วนด้านซ้ายของตัวเครื่อง เรียบๆ ไม่มีปุ่มอะไรเลยครับ
ด้านหลังตัวเครื่องส่วนที่แตกต่างจากรุ่นพี่คือการจัดเรียงตำแหน่งเลนส์กล้องครับ ของเจ้าตัวนี้วางเลนส์ Macro ไว้ขนาดกับตัวเลนส์หลัด 200MP แล้ววางแฟลชไว้ด้านล่าง ซึ่งรุ่นพี่เขาวางเลนส์ Macro ไว้ตรงกลางแล้ววางแฟลชแยกออกไปจากเลนส์ทั้ง 3 ตัวครับ
สำหรับสเปคของกล้องเรียกว่าไม่ต่างกันเลยครับ เจ้าตัวนี้ให้เลนส์หลักมา 200MP ถ่ายซูมได้ X4 สบายๆ ส่วน Ultrawide ให้มา 8MP และ Macro 2MP กล้องหลังถ่าย VDO ได้สูงสุด 4K 30fps ครับ
ด้านกล้องหน้าให้มา 16MP และถ่าย VDO ได้สูงสุดที่ 1080p 60fps
![รีวิว Redmi Note 13 Pro 5G ปรับสเปคเล็กน้อย แต่ยังคงความคุ้มค่า](https://www.biztalknews.com/wp-content/uploads/2024/06/IMG_20240614_171704-1024x768.jpg)
สำหรับภาพถ่ายของเจ้าตัวนี้ เมื่อให้มาเหมือนกับรุ่นพี่ ก็ไม่มีปัญหาครับ เรียกว่าจ่ายถูกกว่าแต่ได้คุณภาพเท่ากัน ทั้งถ่ายกลางแจ้งแบบ X1 หรือจะใช้ X4 ภาพก็ออกมาดีครับ หรือจะถ่ายในอาคารก็ไม่มีปัญหาเรื่องสีเพี้ยน
![](https://www.biztalknews.com/wp-content/uploads/2024/06/IMG_20240614_171401-1024x768.jpg)
ลองดูภาพจากโคมประดับที่ผมถ่ายมาได้ครับ สีสันทำออกมาได้ดีทีเดียว หรือตรงส่วนที่จัดแสดง Disney ก็จะเห็นว่ามีความหลากหลายของสี ซึ่งกล้องของเจ้าตัวนี้เอาอยู่ครับ ไม่ต้องพึ่งแฟล็กชิปเลย
![รีวิว Redmi Note 13 Pro 5G ปรับสเปคเล็กน้อย แต่ยังคงความคุ้มค่า](https://www.biztalknews.com/wp-content/uploads/2024/06/IMG_20240614_171831-1024x768.jpg)
![](https://www.biztalknews.com/wp-content/uploads/2024/06/IMG_20240614_172439-1024x768.jpg)
ส่วนการเบลอหลังก็ใช้ได้ครับ ตรงขอบที่เป็นหยักๆ ถือว่าทำเบลอได้เนียนตา ไม่มีอาการแบบชัดบ้างเบลอบ้างให้เห็น ถ้าจะให้ขยายความคือซอฟต์แวร์ของมือถือบางรุ่นมันเบลอขอบได้ไม่เนียน พอขยายเข้าไปดูมันก็จะเห็นว่าบางจุดชัด แต่บางจุดมันเบลอ
![รีวิว Redmi Note 13 Pro 5G ปรับสเปคเล็กน้อย แต่ยังคงความคุ้มค่า](https://www.biztalknews.com/wp-content/uploads/2024/06/IMG_20240614_172943-1024x768.jpg)
มาดูคุณภาพของไฟล์ 200MP กันบ้างครับ ถ้าดูจากภาพต้นฉบับก็อาจจะไม่เห็นความต่างนะครับ แต่ลองดูดีๆ จะเห็นว่าภาพที่ถ่ายด้วยไฟล์ 200MP ขนาดภาพมันแค่ 5% เท่านั้น ขณะที่ภาพปกติขยายมาแล้ว 23%
![](https://www.biztalknews.com/wp-content/uploads/2024/06/Screenshot-2024-06-22-160626-1024x518.jpg)
พอรูปปกติซูมไป 100% อีกภาพใช้แค่ประมาณ 23% เท่านั้น หรือถ้าจะซูมไปมากกว่านั้น ก็จะเห็นว่าภาพที่ถ่ายด้วยความละเอียดปกติ มันไปต่อไม่ได้แล้ว ถ้าจะเลือกครอปเฉพาะจุดไปใช้ ความกว้างของไฟล์อาจจะเหลือแค่ 1000 พิกเซล ขณะที่ถ้าถ่ายด้วย 200MP ไฟล์ยังกว้างอยู่ที่ 4000 พิกเซล ซึ่งข้อดีคือทำให้เราสามารถถ่ายภาพกว้างๆ แล้วเลือกครอปภาพจากหลายๆ จุดได้ง่ายกว่า โดยที่ยังได้รายละเอียดครบถ้วน และได้ขนาดไฟล์ที่ยังใหญ่อยู่ครับ
![](https://www.biztalknews.com/wp-content/uploads/2024/06/Screenshot-2024-06-22-160449-1024x511.jpg)
![](https://www.biztalknews.com/wp-content/uploads/2024/06/Screenshot-2024-06-22-155925-1024x521.jpg)
แต่ก็ต้องแลกมาด้วยพื้นที่ของขนาดไฟล์ที่ใหญ่ขึ้นถึง 5 เท่าด้วยเช่นกันนะครับ
ส่วน VDO การให้สีต่างๆ ถือว่าทำได้ดีครับ แต่การเดินถ่ายจะต้องมือนิ่งๆ นิดนึง ไม่งั้นก็จะสั่นเล็กๆ น้อยๆ แบบที่ผมทดลองถ่ายนี่เลยครับ
ส่วนภาพจากกล้องหน้า การจัดการแสงและโทนสีผิวที่ได้ถือว่าดีเลยครับ รวมถึงยังเก็บรายละเอียดบนใบหน้าได้ชัดเจนด้วย ใครชอบถ่ายแนวหน้าเรียลๆ เจ้าตัวนี้ตอบโจทย์ได้ระดับนึงเลยครับ ส่วนผมขอไปเปิดโหมดบิวตี้นิดๆ ถ่ายก่อนครับ หน้าจะได้ใสขึ้น
![](https://www.biztalknews.com/wp-content/uploads/2024/06/IMG_20240622_163738-768x1024.jpg)
จบเรื่องการถ่ายภาพ มาที่การเล่นเกมกันต่อครับ รอบนี้ผมทดสอบด้วยการเล่นเกม ROV ไปประมาณ 3 เกมติดต่อกันแบบไม่เปิดแอร์ ก็ต้องบอกว่าไม่พบปัญหาเรื่องความร้อน หรือพวกความหน่วงเลยครับ เล่นได้ลื่นดี โดยที่ไม่ต้องไปปรับอะไรเพิ่มเติมเลย
ก็ประมาณนี้ครับ สำหรับการ รีวิว Redmi Note 13 Pro 5G ถ้าถามความเห็นส่วนตัว ผมต้องบอกว่าเจ้าตัวนี้หากเทียบประสิทธิภาพกับราคา มันคุ้มค่ามากๆ ครับ เพราะโดยปกติแบรนด์ทั่วไปจะเลือกลดสเปคกล้องลงจากตัวท็อปสุดของรุ่น แต่กับซีรีส์นี้เขาใส่กล้องมาให้เท่ากันเลยครับ ส่วนชิปเซ็ตที่ต่างกันเล็กน้อยก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคกับการใช้งานเลยครับ
แล้วคุณผู้ชมคิดเห็นยังไงก็คอมเมนต์บอกเราได้นะครับ แล้วกลับมาพบกันใหม่ในรีวิวต่อๆ ไป สำหรับวันนี้ผม แสบ ทรงกลด ลาไปก่อนครับ สวัสดีครับ
–รีวิว (ภาพถ่าย) HONOR Magic6 Pro ถ่ายยังไงก็สวย..ไม่เกินจริง