รีวิว Samsung Galaxy S24 FE ผ่านมา 3 เดือน ยังน่าซื้ออยู่มั้ย

สวัสดีครับ วันนี้ Biztalk Gadget จะมา รีวิว Samsung Galaxy S24 FE ที่เปิดตัวมาตั้งแต่เดือน กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งในวันนี้เราจะมาคุยกันใน 3 เรื่องหลักคือ สเปคและการใช้งานตัวเครื่อง การใช้งานกล้อง และ AI และที่สำคัญมันยังน่าสนใจอยู่มั้ยในช่วงปลายปีแบบนี้ มาดูกันเลยครับ

เรามาเริ่มต้นกันที่ตัวเครื่องกันก่อนเลยครับ หน้าจอ Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รีเฟรชเรทสูงสุด 120Hz 

ถึงแม้จะได้แค่ FHD+ ในหน้าจอที่ใหญ่ถึง 6.7 นิ้ว แต่เอาจริงๆ ถ้าคุณได้ดูคอนเทนต์ไม่ว่าจะเป็น Video หรือเล่นเกม ต้องบอกเลยว่ามันคมชัดมากๆ ซึ่งก็ถือว่าเป็นหนึ่งในจุดเด่นของซัมซุงที่ทำได้ดีมาตลอดในเรื่องของหน้าจอ

สำหรับความลื่นไหลก็ไม่มีปัญหาเลยเช่นกัน ตั้งแต่ได้เครื่องนี้มาทดสอบ ผมลองเล่น ROV ยาวสุดที่ 2 ชั่วโมง ต้องบอกเลยว่ามันเนียนตามากจริงๆ ครับ

ขณะเดียวกัน การที่ใส่แบตเตอรี่มาให้ 4700mAh ผมชาร์จแบตไปถึง 96% แล้วก็เอามาไถเล่น ลงแอปฯ และเล่นเกมไปประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ แบตลดไปประมาณ 15% ถือว่าการจัดการเรื่องพลังงานโอเคเลยครับ และตอนเล่นเกมตัวเครื่องก็ถือว่าระบายความร้อนได้ดี เพราะขนาดไม่ได้ใส่เคส ก็ยังไม่รู้สึกถึงความร้อนเท่าไหร่เลย

สำหรับเจ้าตัวนี้ รองรับชาร์จไวแบบเสียบสายที่ 25W และแบบไร้สายที่ 15W อันนี้คนใช้ค่ายจีนก็คงจะบ่นเหมือนเดิมว่าน้อยจัง แต่ถึงจะชาร์จช้าก็มีจุดขายครับ คือเขาให้ Wireless Power Sharing มาด้วย ซึ่งเอาจริงๆ แฟล็กชิปบางค่ายก็ไม่ได้ใส่ฟีเจอร์นี้มาให้

มาที่เรื่องชิปเซ็ตกันบ้าง Samsung Exynos 2400e Deca-Core (10 คอร์) เป็นตัวลดสเปคมาจากรุ่นพี่เล็กน้อย ให้ RAM มา 8GB เท่ากับ S24 ตัวเริ่มต้น ถ้าถามว่ามันใช้งานได้ดีมั้ย ที่ผ่านมาผมไม่ได้เล่นเกมหนักมากๆ หรือเอาไปตัดต่องานแบบโหดๆ คือใช้เหมือนคนส่วนมากที่พกมือถือเพื่อไถโซเชียล ดูคลิป ถ่ายรูป ก็ไม่มีอาการหน่วงให้เห็น ซึ่งผมเอาไปถ่ายงานยาวๆ ทั้งภาพนิ่งและคลิปประมาณ 30 นาที ก็ไม่เจอปัญหาเครื่องช้าหรือหน่วงให้เห็นครับ

เรามาดูเรื่องกล้องกันบ้าง ต้องบอกว่าให้มาสไตล์ซัมซุงเลยครับ คือให้กล้องหลัก 50MP (F1.8) ส่วนตัวอื่นๆ ก็ได้พิกเซลที่ลดหลั่นลงไป Ultra-Wide ให้มา 12MP (F2.2) ส่วน Telephoto ให้มาน้อยนิดที่ 8MP (F2.4) ตัวนี้ซูมออปติคอลได้สูงสุด 3 เท่า

ส่วนอื่นๆ ก็มี OIS ช่วยลดการสั่นไหว และซูมดิจิทัลสูงสุด 30 เท่า

สำหรับภาพถ่าย ถ้าจะให้พูดโดยรวม เรื่องสีสันก็สไตล์ซัมซุงเลยครับ คือสีสด คมชัด เป็นกล้องที่ถ่ายได้ในทุกช่วงเวลาครับ ลองดูรูปที่ผมถ่ายตอนเย็น ช่วงที่มีหมอกจางๆ รูปนี้ถ่ายจากดอยสุเทพนะครับ ก็จะเห็นว่ามันถ่ายทอดแสง และสีสันออกมาได้ดี เทียบกับ S24 ที่ผมถืออยู่ก็ต้องบอกว่าคุณภาพเทียบเท่าครับ

หรือจะเป็นภาพที่ผมไปถ่ายงานนิทรรศการอวกาศ ก็ต้องบอกว่าถ้าไม่ได้ถ่ายผ่านตู้กระจกคือคมชัดเลยครับ โฟกัสก็เร็วดีในที่แสงน้อย ไม่เจอปัญหาเรื่องการถ่ายภาพนิ่งในที่แสงน้อย

ด้านวิดีโอความละเอียดสูงสุดได้ที่ 8K 30FPS ส่วน 4K และ FHD จะถ่ายได้สูงสุดที่ 60FPS แต่หากใช้ 60FPS ก็จะถ่ายได้แค่ระยะ 1X เท่านั้น หากอยากจะถ่ายวิดีโอแบบ Ultrawide หรือ 3X จะต้องถ่ายที่ 30FPS เท่านั้น ซึ่งตรงนี้จะด้อยกว่ารุ่นพี่ที่ถ่าย 60FPS ได้ทุกระยะ

สำหรับรีวิวการถ่ายวิดีโอเต็มๆ และการลงเสียงผ่าน Voice Recorder ไปดูได้ตามลิงก์นี้เลยครับ https://www.youtube.com/watch?v=bz826DEStvE

ส่วนกล้องหน้า ให้มาที่ 10MP (F2.4) ภาพที่ออกมาก็โอเคครับ คมชัดดี รายละเอียดใบหน้ามาครบถ้วน ส่วนวิดีโอก็ถ่ายได้สูงสุดที่ 4K 60FPS ตรงนี้ถือว่าเป็นจุดขายกับคนที่ชอบทำคอนเทนต์จากกล้องมือถือเลยครับ

จบจากเรื่องกล้อง มาต่อกันที่ AI ครับ

ถึงแม้ว่าค่ายจีนและ Apple จะเปิดตัว AI ตามกันมาหมดแล้ว แต่ก็ต้องยอมรับครับว่าซัมซุงยังคงทำได้เหนือกว่าในด้านนี้ สำหรับ AI ที่ให้มากับเจ้าตัวนี้ได้เท่ากับรุ่นพี่ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น Circle to Search, Live Translaton, Transcribe หรือการถอดเสียงเป็น Text หรือพวกฟีเจอร์ AI ที่ใช้แต่งภาพต่างๆ ซึ่งแน่นอนว่าฟีเจอร์ AI ของซัมซุงนั้นมีให้เลือกใช้มากกว่าแบรนด์อื่นๆ ในตลาด ณ ปัจจุบัน รวมถึงการรองรับภาษาไทยที่หลายๆ แบรนด์ยังไม่รองรับครับ

ก็ประมาณนี้ครับ สำหรับการ รีวิว Samsung Galaxy S24 FE ในด้าน สเปคและการใช้งานตัวเครื่อง การใช้งานกล้อง และ AI

ส่วนสุดท้าย คือ มันยังน่าซื้ออยู่มั้ย

สำหรับราคาของเจ้าตัวนี้ เริ่มต้นที่ 22,900 บาท ในรุ่นความจุ 128GB ส่วนรุ่นความจุ 256GB ราคาอยู่ที่ 25,900 บาท

หากเทียบกับ Galaxy S24+ ที่หน้าจอเท่าๆ กัน ราคาจะที่เริ่มต้นที่ 34,900 บาท ในรุ่น 256GB “ลดลงมา 4,000 บาท จากราคาเปิดตัว” ซึ่งที่ซัมซุงลดราคา ก็ไม่แปลก เพราะข่าวการมาของ S25 จะแว่วว่าจะเปิดตัวในปลายเดือนหน้านี้แล้ว หากเทียบราคาเครื่องเปล่าตอนนี้ก็ต่างกัน 9,000 บาท โดยจะต่างกันที่ความแรง และกล้องที่ความสามารถน้อยกว่านิดนึงครับ

ส่วนตัวผมมองว่า ใครที่อยากได้ AI ไว้ช่วยทำงานอย่างการถอดไฟล์เสียง การเรียบเรียงเนื้อหา ช่วยเรื่องการทำภาพ แต่ไม่มีงบไปถึงแฟล็กชิปตัวท็อป ผมว่าเจ้าตัวนี้ตอบโจทย์กว่าคู่แข่งในสเปคเดียวกันมากๆ ครับ เพราะอย่างที่บอกไปว่าซัมซุงเป็นเจ้าเดียวที่ AI รองรับภาษาไทยแล้ว ส่วนสเปคอื่นๆ ก็ไม่ได้ด้อยกว่าคู่แข่งเลย และอีกส่วนคือ การ Trade-in เวลามีโปรโมชั่นซื้อเครื่องใหม่ ซัมซุงถือว่าเป็น 1 ในแบรนด์ที่เทรดง่ายครับ

แล้วคุณผู้ชมคิดเห็นยังไง ก็คอมเมนต์มาพูดคุยกันได้นะครับ สำหรับวันนี้ ผม แสบ ทรงกลด ลาไปก่อนครับ สวัสดีครับ

#GalaxyS24FE #Samsung

–รีวิว realme GT 7 Pro มากับชิปเซ็ตตัวท็อป และ AI แต่งภาพแบบครบเครื่อง

• Facebook
• X
• Line