สวัสดีครับวันนี้ Biztalk Gadget จะมา รีวิว Samsung Galaxy S25 Ultra เรือธงที่มาตามนัดทุกปี หลังจากได้ทดลองใช้จริงมา 2 สัปดาห์ จะมาเล่าให้ฟังตั้งแต่เรื่องการใช้งานตัวเครื่อง การถ่ายรูป และ AI ที่ได้ใช้จริงในชีวิตประจำวัน ว่าเป็นยังไง สมกับการเป็นผู้นำด้าน AI มั้ย มาดูกันเลยครับ
มาเริ่มกันที่ภาพรวมตัวเครื่องกันก่อนเลยครับ สมาร์ทโฟนแฟล็กชิปนี่ ยิ่งทำยิ่งแข่งกันหน้าจอใหญ่ จนตอนนี้มาถึง 6.9 นิ้วกันแล้ว ส่วนหนึ่งที่เจ้าตัวนี้ทำได้ดีกว่ารุ่นก่อนหน้าก็คือ มันบางลงและเบาลงกว่ารุ่นก่อนหน้าพอสมควรเลยครับ โดยเจ้าตัวนี้ หนาแค่ 8.2 mm (จากรุ่นก่อนหน้าที่ 8.6 mm) ขณะที่ตัวเครื่องหนัก 218 กรัม (เบาลง 14 กรัม) แต่ถ้าถามว่ารู้สึกแตกต่างมากมั้ย คือมันก็ไม่ได้รู้สึกต่างจากรุ่นก่อนเท่าไรครับ เพราะโดยขนาดตัวบอดี้มันแทบจะไม่ได้ต่างจากเดิม
สำหรับตัวนี้หน้าจอใช้ Dynamic AMOLED 2X รีเฟรขเรต 120Hz รอบรับ HDR10+ และความสว่างสูงสุดได้ที่ 2600 nits ด้านความคมชัดของหน้าจอ อันนี้ผมคงไม่รู้จะติยังไง เพราะเอาจริงๆ บางค่ายก็จ้างซัมซุงผลิตหน้าจอ เพราะว่าจอมันดีมากจริงๆ ครับ ส่วนความไหลลื่นของการไถหน้าจอ ก็ไม่มีปัญหาครับ เครื่องราคาระดับนี้ ถ้าไม่เนียนก็คงแย่แล้ว
มาดูรอบๆ ตัวเครื่องกันบ้าง เจ้าตัวนี้บอดี้ใช้กรอบเป็น Titanium (grade 5) ซึ่งเหมือนจะเป็นวัสดุอีกอย่างหนึ่งที่กลายเป็นมาตรฐานของสมาร์ทโฟนแฟล็กชิป ถามว่าแข็งแรงขนาดไหน จากการลองเคาะเองให้ความรู้สึกถึงความแน่นมากๆ จากเสียงที่ได้ยินครับ
ถึงแม้ส่วนตัวเป็นคนชอบมือถือจอเล็กๆ อย่างผมเองก็พกแค่ S24 ธรรมดาติดตัวเพราะชอบที่มันหยิบจับง่าย แต่ตอนนี้ก็เริ่มคิดแล้วว่า หรือเราจะกลับมาจบที่ตัวแฟล็กชิปตัวท็อปดี
มาต่อกันที่สเปคอีกสักนิดครับ ด้านชิปเซ็ตใส่ Qualcomm Snapdragon 8 Elite มาในทุกรุ่น ด้าน GPU เป็น Adreno 830 และให้ RAM มา 12GB
ส่วนแบตเตอรี่ให้มาเท่ากับรุ่นก่อนหน้าที่ 5000 mAh ชาร์จเสียบสายได้ 45W และไร้สาย 15W ซึ่งซัมซุงก็ยังคงเป็นอีกค่ายที่ไม่ได้แข่งขันเรื่องการชาร์จไวแบบทางค่ายจีน
จบจากเรื่องสเปคตัวเครื่อง มาต่อกันที่กล้องกันครับ ครั้งนี้ดูซัมซุงจะกลับมาโชว์จุดขายด้านการซูมอีกครั้ง หลังจากเมื่อปีก่อนมีการพูดถึงว่า S24 ซูมแล้วไม่ชัดเท่า S23 เลย
อันนี้ต้องเข้าใจกันก่อนว่าด้านฮาร์ดแวร์ของตัวเลนส์นั้นแทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย แต่ส่วนที่ทำให้กล้องมันซูมไกลๆ แล้วชัดคือเรื่องเทคนิคทางด้านซอฟต์แวร์ครับ
สำหรับสเปคกล้องที่ให้มาครั้งนี้มีการเพิ่มมาให้ในส่วนของเลนส์ Ultrawide ที่ได้เพิ่มจาก 12 MP ในรุ่นก่อนหน้าเป็น 50 MP และได้รูรับแสง f/1.9
ส่วนกล้องหลักยังให้มาเท่าเดิมที่ 200 MP รูรับแสง f/1.7 ระยะ 24mm ด้าน Telephoto ก็เท่าเดิมครับที่ 10 MP รูรับแสง f/2.4 และสุดท้าย Periscope telephoto 50 MP รูรับแสง f/3.4 ตัวนี้เป็นตัวที่ทำให้ซูมได้ 5x และใช้กับการถ่ายระยะซูม 30x ขึ้นไปด้วย
ด้าน Video ถ่ายได้สูงสุด 8K 30fps ส่วน 4K จะได้สูงสุดที่ 60fps ภาพรวมของการถ่าย Video ก็เท่ากับรุ่นก่อนหน้า
เราลองมาดูภาพถ่ายกันดีกว่าครับ ว่ามันทำได้ดีขนาดไหน
การถ่ายรูปกลางแจ้ง สีท้องฟ้า ต้นไม้ ตัวนี้ทำได้ดีครับ โทนสีฟ้าสวย เช่นเดียวกับโทนสีเขียวและสีน้ำตาลที่ให้ภาพออกมาดี ค่อนข้างตรงกับที่ตาเห็น หรือจะเอาไปถ่ายดอกไม้ ตัวนี้ก็ให้สีสันดี ถึงแม้ดอกไม้จะสีแดงสดก็ไม่เกิดอาการสีเพี้ยนให้เห็น
ถ่ายภาพตอนเย็น ตอนกลางคืน ก็ไม่ต้องพึ่งขาตั้งกล้องครับ เพราะมันมี OIS ช่วยเรื่องกันสั่นได้ดีทีเดียว ภาพออกมาชัดทุกภาพ ขนาดลองใช้ 3x 5x ถ่าย ก็ยังชัดครับ ส่วนอีกจุดสังเกตนึงของเจ้าตัวนี้คือ ถ่ายหลอดไฟไม่ติด Flare เป็นเส้นๆ ให้เห็นเลย
ด้านถ่ายวัตถุในที่แสงน้อย เจ้าตัวนี้ก็ทำได้ดี โฟกัสติดง่าย จัดการแสงได้ดี ไม่เกิดแสงฟุ้งในส่วนที่สว่างที่สุดของวัตถุ
การถ่ายภาพ Indoor ก็เก็บรายละเอียดของภาพ และสีสันได้ดีเช่นกันครับ เอาไปถ่ายงานนิทรรศการได้รูปสวยไม่ผิดหวังแน่นอน
ส่วนการถ่ายอาหาร เจ้าตัวนี้เก็บรายละเอียดได้ดีทีเดียว ด้านโทนภาพที่ออกมาจะดูธรรมชาติ สีใกล้กับที่ตาเห็น ไม่สดเท่ามือถือจากค่ายจีน
การถ่ายภาพ Portrait ตัวนี้ให้สีผิวออกมาดีครับ ไม่ติดเหลือง ด้านการเบลอฉากหลังก็ทำได้ดีครับ ความชัดของตัวแบบและการเบลอฉากหลังตัดกันเป็นธรรมชาติ ไม่หลอกตา
Hybrid Zoom หรือการถ่ายแบบ 10x ก็ยังเก็บรายละเอียดได้ดี ดูจากขนนกที่ยังเห็นเป็นเส้นๆ ได้เลย
สำหรับการซูม 30x และ 100x รายละเอียดถือว่าทำได้ดีครับ ภาพไม่เบลอ ดูออกว่าเป็นวัตถุอะไร แต่ถ้าไกลมากๆ อย่างรูปนี้ผมถ่ายยอดตึกช่อง 3 ที่ห่างจากบ้านผมประมาณ 5-6 กม. ได้สบายๆ แต่ถ้าวันที่ท้องฟ้ามีฝุ่นรายละเอียดก็จะดรอปไปนิดนึงครับ
ด้านการถ่าย Video ผมทดสอบที่ FHD 60fps ภาพที่ได้ออกมาถือว่าดีเลยครับ การถ่ายแบบแพนกล้องไปมา ไม่มีอาการกระตุก เก็บเสียงดี ถึงแม้จะใช้ระยะ 5x ถ่ายเฟรมภาพก็ยังถือว่าเนียนมากครับ ซึ่งเจ้าตัวนี้ผมว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่รับจบได้ทั้งภาพนิ่งและ Video ในตัวเดียว
ด้านกล้องหน้าให้มา 12 MP รูรับแสง f/2.2 ระยะเทียบเท่า 26mm เหมือนรุ่นก่อนหน้าครับ ส่วนภาพที่ได้ก็ถือว่าชัดครับ เก็บรายละเอียดได้ดี ดูจากขนคิ้วได้ครับ เห็นเป็นเส้นๆ ชัดเจนเลย
เรื่องกล้องจบไปแล้วมาดูด้าน AI กันบ้าง
สำหรับฟีเจอร์ก่อนหน้า ไม่ว่าจะเป็นพวก Circle to Search ฟีเจอร์แปลภาษา Interpreter ที่รองรับภาษาไทยมาตั้งแต่รุ่นก่อนหน้า หรือพวกฟีเจอร์ปรับแต่งภาพอย่างการลบส่วนที่ไม่ต้องการ หรือ Sketch to image ตรงนี้ก็ยังทำงานได้ดีครับ ซึ่งผมคงจะไม่ลงรายละเอียดมาก เพราะไม่ได้มีการปรับแบบ Major Change อะไรมากมาย
สำหรับ AI ที่ใส่มาใหม่ในรอบนี้อย่าง Audio eraser ที่เข้ามาช่วยปรับแต่งเสียงในคลิป ตัวนี้ต้องบอกว่าเป็นครั้งแรกที่มีการใส่ฟีเจอร์ที่เรียกว่าเป็น AI มาใช้กับ Video สำหรับการใช้งานก็ไม่ยาก แค่เลือกคลิปที่ต้องการปรับแต่งเสียง จากนั้นก็กดที่ไอคอนดาว แล้วระบบจะทำการคำนวณให้ว่าในคลิปนี้มีเสียงอะไรบ้าง จากนั้นเราก็ทำการปรับได้เลยครับ
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจในครั้งนี้คือ Gemini Live ที่ปกติในรุ่นก่อนหน้าเวลาเรากดปุ่มล็อกหน้าจอค้างไว้จะเป็นการเรียก Bixby แต่ใน S25 จะเรียก Gemini Live ออกมาแทน ซึ่งเราสามารถใช้เป็นผู้ช่วยส่วนตัวได้เหมือนการใช้ Gemini ผ่านคอมพิวเตอร์ เช่น เราสามารถให้มันช่วยวางแผนการเดินทางได้
หรืออยากให้ช่วยคิดสิ่งต่างๆ ที่เรากำลังจะทำ แต่นึกไม่ออก เช่น ช่วยให้คิดเมนูอาหารเย็น โดยใส่เงื่อนไขเข้าไปเพิ่ม เพื่อให้ AI ช่วยลิสเมนูที่เหมาะสมกับเรามาให้
นอกจากนี้เราสามารถเพิ่มรูปภาพเข้าไป และสั่งให้ AI ช่วยหาสิ่งที่เราต้องการได้
สำหรับ AI ที่ใส่เพิ่มมาและเหมาะกับการใช้ในชีวิตประจำวันก็ประมาณนี้ครับ
มาต่อกันที่ S-Pen สักเล็กน้อย ที่ต้องยอมรับว่าไม่ค่อยถูกพูดถึงเท่าไรหลังจากที่ซัมซุงหันมาโฟกัสที่ AI มากขึ้น โดยในรอบนี้ S-Pen ถูกลดสเปคไปเล็กน้อย โดยตัดฟีเจอร์ใช้เป็นรีโมทออกไปโดยให้เหตุผลว่าคนส่วนมากไม่ได้ใช้ และสามารถใช้มือช่วยถ่ายรูปได้ แต่ผมคนที่เคยใช้ Note มา ผมมักจะใช้ S-Pen ตั้งถ่ายรูปไกลๆ แบบเก็บวิวกว้างๆ ซึ่งตอนนี้ก็ทำไม่ได้แล้วครับ
เป็นยังไงกันบ้างครับ สำหรับการ รีวิว Samsung Galaxy S25 Ultra สำหรับราคาเปิดตัว เริ่มต้นที่ 46,900 บาท ในรุ่นความจุ 256GB
ซึ่งความเห็นส่วนตัว ผมมองว่าซัมซุงเองก็พยายามพัฒนาฟีเจอร์มาให้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานมากขึ้น เพื่อให้ตัวเองยังคงเป็นผู้นำด้าน AI และก็ยังเชื่อว่า ในปีนี้จะมีอีกหลายแบรนด์ที่พัฒนาฟีเจอร์แบบเดียวกันกับซัมซุงออกมาใส่เพื่อแข่งขัน ทั้งนี้ใครจะทำได้ดีกว่ากัน ก็คงต้องดูกันยาวๆ ครับ
แล้วคุณผู้ชมคิดเห็นอย่างไร ก็คอมเมนต์มาพูดคุยกันได้ตามช่องคอมเมนต์ด้านล่างนี้ครับ สำหรับวันนี้ผม แสบ ทรงกลด ลาไปก่อนครับ สวัสดีครับ
–รีวิว HONOR Magic7 Pro 5G จัดเต็มทั้งกล้อง 200MP ทั้ง AI ที่รองรับภาษาไทยแล้ว
การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) โดย กองสิ่งแวดล้อม ฝ่ายพัฒนาโครงการรถไฟฟ้า ลงพื้นที่ตรวจติดตามการดำเนินงานลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในการก่อสร้าง ช่วงเวลากลางคืน การก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน - ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) ตลอดแนวเส้นทางโครงการฯ โดยเริ่มตั้งแต่จุดก่อสร้าง Cut…
LINE MAN ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับ Lotus’s และ Lotus’s go fresh ขยายฐานบริการ LINE MAN MART ให้ครอบคลุมกว่า 1,400 สาขาทั่วประเทศ…
พฤกษา ผนึกกำลัง โรงพยาบาลวิมุต มอบสิทธิพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟ และกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพครบวงจรให้ลูกบ้านตลอดปี 2568 ภายใต้แนวคิด "สุขภาพดีเริ่มต้นที่บ้าน" จิตชญา ตู้จินดา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดองค์กรกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง…
ออเนอร์ (HONOR) ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญของสมาร์ทโฟนระดับแฟลกชิป HONOR Magic7 Pro 5G ที่สร้างยอดขายเติบโตสูงถึง 2.4 เท่า นับตั้งแต่เปิดให้พรีออเดอร์เมื่อวันที่ 11-21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568…
ภาคีเครือข่ายนานาชาติผนึกกำลังจัดประชุมสุดยอด Southeast Asia Access to Medicines Summit ครั้งแรกในกรุงเทพฯ ปูทางสู่การลดอุปสรรคการเข้าถึงยาและการรักษาอย่างยั่งยืน ชูประเด็นสำคัญ "คำมั่นสัญญาเพื่อการเปลี่ยนแปลง" และ "เสียงของผู้ป่วย" นับเป็นครั้งประวัติศาสตร์ที่ภาคีเครือข่ายพันธมิตรทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน…
วินท์รดิศ กลศาสตร์เสนี President TrueID เปิดใจถึงความท้าทายของธุรกิจคอนเทนต์ยุคปัจจุบัน ที่มีการแข่งขันสูงลิบลิ่ว การก้าวขึ้นเป็นผู้นำไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ TrueID ยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างแพลตฟอร์มของคนไทย เพื่อส่งออกคอนเทนต์และวัฒนธรรมไทยสู่สายตาชาวโลก โดยมี "ความพึงพอใจของผู้ใช้" เป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจ จาก…