สวัสดีครับคุณผู้ชม Biztalk Gadget กลับมาอีกครั้ง วันนี้จะพามา รีวิว Samsung Galaxy Tab S9 FE เรียกว่าเป็นแท็บเล็ตอีกตัวนึงที่น่าสนใจมากๆ เพราะมันตอบโจทย์คนที่อยากได้แท็บเล็ตไปทำงานหลากหลาย แถมยังให้ S-Pen มาด้วยในกล่อง งืออออ
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา มาดูกันเลยครับ ว่าเจ้า Galaxy Tab S9 FE มันทำอะไรได้ดี และน่าใช้กันบ้าง
มาเริ่มต้นกันที่สเปคคร่าวๆ ของเจ้าตัวนี้กันก่อนเลยครับ
ตัวเครื่องเป็นวัสดุอะลูมิเนียม ทรงแบบขอบตัด เพราะต้องออกแบบมาให้เอาปากกาเหน็บไว้แบบนี้ได้นะครับ ตัวเครื่องยาวประมาณ 254.3 มม. กว้าง 165.8 มม. และหนา 6.5 มม. ถือว่าบางอยู่นะครับ
ส่วนน้ำหนักอยู่ที่ 523 กรัม หรือประมาณครึ่งโลนิดๆ ครับ
ด้านหน้าจอให้มา 10.9 นิ้ว สเกล 16:10 เหลือพื้นที่ขอบอยู่พอสมควร เป็นจอแบบ IPS LCD ให้รีเฟรชเรตมาที่ 90 Hz ก็ถือว่าเอามาเล่นเกมได้โอเคอยู่นะครับ
ใช้ CPU Exynos 1380 ให้ Ram มา 6GB แบตเตอรี่ 8000 mAh รองรับชาร์จไวที่ 45W
รุ่นนี้กันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68 ด้วยนะครับ ซึ่งปกติแล้วแท็บเล็ตเขาไม่ค่อยให้กันมา เพราะคิดว่าคงไม่มีใครจะพลาดทำเครื่องตกน้ำเหมือนกับพวกมือถือ แต่ตัวนี้เอาไปแช่น้ำลึก 1.5 เมตรได้สบายๆ 30 นาที
แต่ก็แลกด้วยการตัดช่องเสียบหูฟัง 3.5 ทิ้งไปครับ
สำหรับรุ่น Cellular ใส่ซิมได้ 2 ซิมด้วยนะครับ
ด้านกล้องให้กล้องหลังมา 8MP ถ่าย VDO 4K ได้ 30FPS เช่นเดียวกันถ่ายแบบ FHD ก็ได้ 30FPS
ส่วนกล้องหน้าให้มา 12MP ให้มามากกว่ากล้องหลัง เป็นเลนส์ Ultrawide ด้วย และวางตำแหน่งไว้ตรงกลางเครื่องให้เหมาะกับการใช้งาน VDO Conference ต่างๆ ได้ง่าย
จุดเด่นการใช้งาน
จบไปแล้วกับสเปคคร่าวๆ มาดูเรื่องการใช้งานกันดีกว่าครับ
เริ่มต้นจากจุดเด่นของแท็บเล็ตตระกูล Tab ของทางซัมซุง ก็ต้องมาพร้อมกับ S-Pen ที่เน้นให้ผู้ใช้ทั้งวาดรูป และจดโน้ตระหว่างการทำงาน
ซึ่งนอกการจะใช้วาดรูป จดโน้ตกันแล้ว 1 ในฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือการใช้ S-Pen ช่วยแปล เพราะการที่จะต้องลากข้อความไปมาเข้า Google Translate ในแท็บเล็ตอาจจะเสียเวลาไปนิด สำหรับวิธีการแปลก็ง่ายๆ คือ จิ้มไปที่รูปปากกา กดเลือก Translate ซึ่งจะเลือกแปลเป็นคำหรือเป็นประโยคก็ได้
Screen Recorder แล้วยังเขียนได้ ซึ่งตรงนี้ไม่ว่าจะอัดหน้าจอใน Browser หรือจะ Record เกมได้ ซึ่งเอาไว้ทำ VDO ที่เป็นสื่อการสอนได้ดีเลยครับ
ส่วนฟีเจอร์ที่มีมานานแล้วอย่างการจดไว ก็ทำได้เหมือนกัน แค่กดปุ่มที่ S-Pen แล้วเคาะไปที่หน้าจอ ก็จดได้เลยครับ
ส่วนฟังก์ชันอื่นๆ ที่น่าสนใจก็เช่น เจ้าตัวนี้มันเปิดได้ 3 แอปฯ พร้อมๆ กันเลยนะครับ แค่ลากแอปมาเปิดง่ายๆ แบบนี้เลย
หรือสุดท้ายอยากจะใช้งานเป็นเหมือน Desktop ก็เปิดใช้งาน DeX โหมด ตัวแท็บเล็ตก็จะเปลี่ยนหน้าจอไปเหมือนวินโดวส์แล้ว เอาคีย์บบอร์ดมาต่อก็ใช้งานได้สบายๆ เหมือนมีโน้ตบุ๊คตัวนึงเลยครับ
มาต่อกันที่การดูหนัง อย่างที่รู้กันว่าเจ้าตัวนี้มันมาพร้อม Dolby Atmos และยังมีระบบเสียงจาก AKG อีกด้วย ลองมาดูภาพและเสียงกันเลยครับ
ด้านการเล่นเกม ก็ต้องถือว่าอยู่ในระดับที่ดี ถ้าเล่นเกมอย่าง PUBG แต่ถ้าจะกระโดดไปที่ Genshin Impact ล่ะก็ต้องถือว่าพอใช้ได้ครับ
สำหรับจุดสังเกตของการเล่นเกมในแท็บเล็ตก็ยังเป็นจุดด้อยของค่าย Android ที่เชื่อมต่อกับ Joy Stick ไม่ได้ครับ และอกส่วนหนึ่งคือเจ้าตัวนี้ไม่รองรับการต่อออกจอใหญ่ผ่าน USB-C นะครับ ต้องใช้ Second Screen เท่านั้น
เหมาะกับใคร
จบไปแล้วนะครับกับการ รีวิว Samsung Galaxy Tab S9 FE ถ้าถามว่าเหมาะกับใคร ส่วนตัวก็มองว่าเหมาะกับคนที่ต้องการเครื่องมือที่ช่วยด้านการทำงาน เพราะ S-Pen มันถูกออกแบบมาเพื่อสิ่งนี้จริงๆ อีกส่วนคือต้อการอุปกรณ์ที่ดูหนังเล่นเกมแบบจอใหญ่ๆ เต็มตา แต่ไม่อยากไปพึ่งพาโน้ตบุ๊กเพราะขนาดและการความสะดวกในการเปิดใช้งาน เจ้าตัวนี้ก็ต้องถือว่าตอบโจทย์ได้ดีทีเดียวครับ
สำหรับราคา Samsung Galaxy Tab S9 FE Wi-Fi (6/128GB): 16,990 บาท, Galaxy Tab S9 FE 5G (6/128GB): 19,990 บาท
แล้วคุณผู้ชมคิดเห็นอย่างไรก็คอมเมนต์บอกเราได้นะครับ แล้วกลับมาพบกันใหม่กับการริวิวแก็ตเจ็ตที่น่าสนใจ วันนี้ผม แสบ ทรงกลด ลาไปก่อนครับ สวัสดีครับ