สมาร์ทโฟน ปี 2025 แต่ละค่ายจะงัดอะไรมาแข่งกัน

สมาร์ทโฟน ปี 2025 แต่ละค่ายจะงัดอะไรมาแข่งกัน

สวัสดีครับ วันนี้ Biztalk Gadget จะมาชวนคุยถึงการแข่งขันของ สมาร์ทโฟน ในปี 2025 กันครับ หลังจากปี 2024 ที่ผ่านมา บอกเลยว่าแข่งขันดุเดือดมาก ตั้งแต่ Samsung เปิดตัว AI ในต้นปี 2024 ที่ผ่านมา ก็เจอคู่แข่งโหดๆ จากค่ายจีนที่วิ่งไล่ตามมาอย่างรวดเร็ว ทั้ง Xiaomi, HONOR, realme รวมถึง Apple ที่ก็ก้าวสู่วงการ AI ด้วยเช่นกันแบบไม่ต้องรอนาน

แล้วปี 2025 ล่ะ แต่ละค่ายจะงัดไม้เด็ดอะไรออกมาสู้กัน ลองมาดูกันไปทีละข้อกันครับ

1.แบตเตอรี่ ใครจะอึดกว่ากัน

หลังจาก HONOR ขยับมาโชว์จุดขายเรื่อง Silicon Carbon เทคโนโลยีนี้ทำให้แบตเตอรี่มีความจุเพิ่มขึ้น โดยที่ตัวเครื่องไม่หนาขึ้น แถมยังชาร์จไวอีกต่างหาก อย่าง Honor Magic V3 ที่บางเฉียบแค่ 4.3 มิลลิเมตร แต่แบตอึดกว่า Pixel 9 Pro Fold หรือ Galaxy Z Fold 6

แน่นอนว่าในปีนี้ เราจะได้เห็นก้าวกระโดดใหม่ๆ ของการพัฒนาแบตเตอรี่ให้มีขนาดเล็กลง จุได้มากขึ้น และชาร์จได้เร็วขึ้นอีก ซึ่งนวัตกรรมแบตเตอรี่หากยิ่งพัฒนาได้ไว เราก็มีแนวโน้มจะได้เห็นอุปกรณ์อย่างแว่นตา AR VR ที่บางลง เบาลง แต่ใข้งานได้ตลอดทั้งวันได้เร็วขึ้นเท่านั้น

2.จอพับที่ เนียนขึ้น แข็งแรงขึ้น และพับได้หลายทบ จะกลายเป็นเรื่องปกติ?

จากการเปิดตัวของ Huawei Mate XT สมาร์ทโฟนพับ 3 ทบ ที่เรียกเสียงฮือฮาไปทั่วโลกทั้งด้านนวัตกรรม และราคาที่แสนโหดร้าย ซึ่งแน่นอนว่ามีผู้ที่ทำได้ 1 ราย ก็มีโอกาสที่จะเกิดการเปิดตัวจากคู่แข่งเช่นกัน โดยเฉพาะเจ้าประจำที่เปิดตัวกันทุกปีอย่าง Samsung และ HONOR ที่เข้ามาทำตลาดในไทย รวมถึงค่ายอื่นๆ ที่ก็มีจอพับแต่ก็ทำตลาดแค่ในจีน ทำให้เราไม่ได้มีโอกาสได้สัมผัสตัวจริงกัน

ซึ่งในปีนี้เราอาจได้เห็นสมาร์ทโฟนหน้าจอใหญ่เท่า iPad mini หรือแบบที่กางออกเป็นแท็บเล็ต 10 นิ้วมากขึ้นก็เป็นไปได้

3.AI แข่งกันอัจฉริยะมากขึ้น

ปีที่ผ่านมาเราได้เห็น AI ที่ทำเรื่องการแปลภาษาแบบเรียลไทม์ การถอดไฟล์เสียงเป็นข้อความ การช่วยค้นหา (Circle to Search) การปรับแต่งรูป ซึ่งเป็น AI ที่เกิดจากการเก็บข้อมูลและเรียนรู้จนค่อยๆ ฉลาดขึ้นเรื่อยๆ

ซึ่งในวันแรกๆ ที่เห็นเราอาจจะรู้สึกว้าวกับฟีเจอร์พวกนี้ แต่พอเวลาผ่านไปเราก็เริ่มชินมากขึ้น เพราะทุกค่ายก็มีฟีเจอร์พื้นฐานแบบเดียวกันหมด โดยเฉพาะฟาก Android

ส่วนในประเทศไทยก็จะมีความท้าทายเพิ่มเข้ามาตรงการรองรับภาษาไทย ที่แต่ละค่ายจะต้องค่อยๆ พัฒนา

สำหรับในปี 2025 แน่นอนว่าหลายฝ้ายเริ่มคาดการณ์กันแล้วว่า AI มันจะฉลาดและทำอะไรได้มากกว่าเดิมแบบก้าวกระโดด คือมีความเป็นผู้ช่วยส่วนตัวมากขึ้น ช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ในชีวิตเราได้มากขึ้น

ซึ่งหากในภาพใหญ่ของผู้พัฒนา AI ทำได้เร็วเท่าไร เราก็มีโอกาสจะเห็นสิ่งเหล่านี้เข้ามาอยู่ในมือถือเร็วขึ้นเท่านั้น เพราะพื้นฐานของ AI วันนี้มันอยู่ในมือถือระดับกลางบนไปจนถึงแฟล็กชิปทุกเครื่องแล้ว

4.ปุ่ม ที่เป็นคีย์ลัดอาจจะถูกใส่มามากขึ้น

หลังจาก Apple ได้เปิดตัว Action Button ปุ่มที่ไม่เรียกปุ่ม เราก็เริ่มเห็นแนวโน้มว่าสมาร์ทโฟนรุ่นต่อไป หลายๆ รุ่นอาจจะเพิ่มปุ่มกลับเข้ามาก็เป็นไปได้ หลังจากที่ยุคเริ่มต้นจอทัชสกรีนทุกคนพยายามจะโชว์เทคโนโลยีด้วยการตัดปุ่มออกให้เหลือน้อยที่สุด แต่วันนี้หากเรามีปุ่มๆ นึงที่มันควบคุมการใช้งานต่างๆ ได้ง่ายกว่าไปทัชที่จอหลายๆ ครั้ง ก็น่าจะเป็นประโยชน์มากขึ้น

ทั้งนี้ ก็คงต้องดูกันว่าจะมีใครลงมาเล่นเรื่องนี้แข่งกับ Apple มั้ย หรืออาจจะไม่มีใครสนใจเลยก็เป็นไปได้เช่นกัน

5.มาตรฐาน “สมาร์ทโฟน” ระดับ Ultra ในปี 2025 จะสูงขึ้น

มาตรฐานสมาร์ทโฟนระดับ Ultra ปัจจุบันแข่งขันกันที่หน้าจอใครชัดกว่ากัน แบตฯใครมากกว่า จัดการพลังงานดีกว่า ระบายความร้อนดีกว่า และใครชาร์จไวกว่า

ด้านกล้องก็ใครให้พิกเซลมากกว่า เซ็นเซอร์ดีกว่า ซูมได้ไกลกว่า ภาพคมกว่า สีสวยกว่า

รวมถึง AI ที่ใครเก่งกว่ากัน เป็นเทคโนโลยีล่าสุดที่เอามาแข่งขันกันแล้วตั้งแต่ปีก่อน

ซึ่งด้าน AI เราพูดถึงไปก่อนหน้านี้แล้วว่ายังไงก็ยังคงต้องแข่งกัน รวมถึงเรื่องแบตเตอรี่ที่ก็ต้องแข่งขันกันสูงด้วย

ตัดกลับมาที่หน้าจอ แน่นอนว่าผู้ที่ถือไพ่เหนือกว่าเพื่อนๆ ก็คงหนีไม่พ้นค่ายที่มีเทคโนโลยีหน้าจอเป็นของตัวเองอย่าง Samsung ขณะที่หลายๆ ค่ายก็ยังต้องพึ่งพาพาร์ทเนอร์ในการผลิตหน้าจอให้ และบางแบรนด์ก็ยังใช้จอของ Samsung ด้วย

แต่เอาจริงๆ แล้ว วันนี้ความคมชัดที่ใช้กับมือถือแฟล็กชิป หากดูด้วยตาก็แทยจะแยกกันไม่ออกอยู่แล้วว่าใครชัดกว่าใครขนาดไหน แถมคอนเทนต์ 4K ในมือถือก็แทบจะไม่มีความจำเป็นเลย ทำให้การแข่งขันของหน้าจอในยุคนี้ก็คงจะทำได้แค่ตามเทคโนโลยีล่าสุด

แต่ส่วนที่น่าสนใจมากกว่าคือเรื่องกล้อง ที่ยังไงก็แข่งขันกันหนัก และโหดขึ้นทุกวัน โดยเฉพาค่ายจีนที่กินรวบกับการ Collab แบรนด์ดังไปหมดแล้วทั้ง Xiaomi X LEICA, vivo X ZEISS หรือ OPPO ก็เช่นกัน ตรงนี้ทำให้ค่ายอื่นๆ ก็ต้องหาจุดขายมาแข่งมากขึ้น เช่นการใช้ AI เข้ามาช่วยเรื่องประวลผลภาพทำให้ซูมดิจิทัลได้ไกลมากขึ้นและยังได้ภาพที่แบบชั๊ดดดดด ชัด หรือการเบลอฉากหลังที่ได้โบเก้หลากหลาย สวยในสไตล์ของตัวเอง

รวมถึงการดึง Periscope มาใช้กับ Telephoto ให้ช่วยเรื่องการซูมภาพได้ดีมากขึ้น

แต่หลายปีที่ผ่านมาจะเห็นว่า ยังไม่มีใครก้าวข้ามเรื่องจำนวนของกล้อง จาก 3 เลนส์หลัก มาเป็น 4 เลนส์หลักได้เลย ซึ่งอาจจะเป็นเลนส์ Telephoto อีกระยะที่ไกลกว่าเดิมจนไม่จำเป็นต้องพึ่ง Digital ซูม หรือ Hybrid ซูม อีกต่อไป หรืออาจจะเป็นเลนส์ Macro ที่มีระยะซูมในตัว ทำให้ไม่ต้องเอามือถือไปจ่อใกล้ๆ ภาพก็ถ่ายแมลงหรือสิ่งของชิ้นเล็กๆ ได้ชัดเจนสุดๆ

แต่ส่วนตัวผมเองก็มองว่าการใส่เลนส์หลักมา 4 ตัวนี่คงจะเป็นเรื่องที่น่าจะยากที่สุดแล้ว

เอาเป็นว่าลองมาดูกันครับ ว่าในปี 2025 นี้ สมาร์ทโฟน แต่ละค่ายจะงัดไม้เด็ดอะไรมาเอาชนะคู่แข่งกัน ปลายเดือนมกราคมนี้ ก็น่าจะได้เห็น Samsung กันก่อนเลย ส่วนค่ายอื่นๆ ก็ยาวเลยครับ เพราะ iPhone ก็มีคิวช่วงเดือนกันยายน ส่วนค่ายจีนก็ชอบเปิดกันปลายปี แต่อย่างไรก็ตาม เราคงได้เห็นอัปเดตใหม่ๆ จากแต่ละค่ายออกมาเรื่อยๆ ครับ

รีวิว vivo X200 ภาพดี ไม่ต้องไปถึงโปร เซฟเงินได้ 1 หมื่น

Scroll to Top